กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 127 ไม่จำเป็นต้องอดทนอีกต่อไป

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 127 ไม่จำเป็นต้องอดทนอีกต่อไป

เสิ่นอี้โจวนั่งขับรถอยู่เบาะหน้า และหวังผิงนั่งอยู่เบาะหลังขณะเปิดหน้าต่างค้างไว้

เธอชะโงกศีรษะและเอ่ยทักทายคนตามรายทางด้วยลีลาอันยอดเยี่ยม

เซี่ยจิ่งเยว่กับกงเหลียนซินซึ่งนั่งอยู่ทางด้านข้างโดยไม่กล้าพูดอะไร

เมื่อเซี่ยจิ่งเฉินโทรกลับมาก่อนหน้านี้ หวังผิงดูค่อนข้างปกติ เว้นแต่เริ่มโอ้อวดกับเพื่อนบ้านแล้ว เธอก็ไม่ได้ทำอะไรที่ผิดปกติกว่าเดิม

หวังผิงไม่ได้ทำอะไร จนกระทั่งเซี่ยโย่วหมิงกลับมาเมื่อคืน และบอกว่าเขาได้พบกับเซี่ยชิงหยวนและเสิ่นอี้โจวแล้ว

แต่พวกเขาไม่รู้จริง ๆ ว่าเธอจะจัดการต้อนรับแบบนี้

นอกจากนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ไม่มีความสุขอย่างเห็นได้ชัด

แทนที่จะได้กลับมาบ้านเกิดแบบสบาย ๆ กลับกลายเป็นงานตรวจของเจ้าหน้ารัฐเสียอย่างนั้น ไม่ว่าใครก็คงไม่ดีใจนักหรอก

แต่หวังผิงกลับคุยโวกับชาวบ้านไปทั่ว ราวกับกลัวว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าลูกเขยของตัวเองได้เป็นข้าราชการแล้ว

กงเหลียนซินลอบสะกิดเซี่ยจิ่งเยว่ผู้นั่งอยู่ข้างเคียง เพื่อบอกใบ้ให้เขาเตือนผู้เป็นแม่ให้ระงับอารมณ์ของตัวเอง

เซี่ยจิ่งเยว่ก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน

เขานั่งถัดจากหวังผิง และเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกระตุกเสื้อของอีกฝ่ายตั้งเท่าไหร่แล้ว

ตอนนี้เขาหวังเพียงว่าเมื่อกลับถึงบ้าน น้องสะใภ้ของเขาจะไม่สร้างปัญหาอีก

มิฉะนั้น น้องสาวของเขาคงจะทนไม่ไหวอีกต่อไป

เซี่ยชิงหยวนนั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับ มองตรงไปข้างหน้า ริมฝีปากของเธอเม้มแน่น ไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

ที่ประตูบ้าน ก่อนที่รถจะหยุด คนอีกกลุ่มหนึ่งก็พุ่งเข้ามา

เสิ่นอี้โจวทำได้แค่ทักทายด้วยรอยยิ้มเท่านั้น

จางอวี้เจียวกับลูกสาวของเธอสองคนกำลังเฝ้ามองจากทางด้านข้างด้วยสีหน้าซับซ้อน

หลังจากสบตากับเซี่ยชิงหยวนที่ลงมาจากรถ จางอวี้เจียวก็เม้มปากแล้วคว้าตัวลูกสาวของเธอกลับเข้าไปในบ้าน

สำหรับพฤติกรรมของจางอวี้เจียว เซี่ยชิงหยวนทำเพียงแค่เม้มปากและไม่พูดอะไร

โชคดีที่เซี่ยโย่วหมิงเดินออกมาพร้อมกับหลานสองคน ขอบคุณเหล่าคนที่กระตือรือร้นที่พาพวกเขาเข้าไปในบ้าน

หลังจากเข้าไปในบ้าน หวังผิงยังมีความคิดอีกมากมายที่แล่นไม่หยุด จนเสิ่นอี้โจวกับเซี่ยชิงหยวนเริ่มประหม่า

โดยเฉพาะเสิ่นอี้โจว ไม่ต้องพูดถึงรอยนิ้วมือบนเสื้อเชิ้ตของเขา กระทั่งบริเวณหน้าอกยังมีรอยขีดข่วนด้วย

หวังผิงจัดการทุกอย่างเองโดยไม่ได้บอกกล่าวกับใครเลย พวกเขาคิดว่าเธอจะไปรับเซี่ยชิงหยวนกับสามีเธอเท่านั้น แต่ใครจะคิดว่ามันจะเลยเถิดแบบนี้

เซี่ยโย่วหมิงจ้องเขม็งไปยังหวังผิงและพูดด้วยเสียงทุ้มลึกว่า “ดูสิ คุณกำลังทำอะไรลงไป?”

หวังผิงกลับไม่ได้สนใจสักนิด “ก็แหงล่ะ อี้โจวได้เป็นช้าราชการซึ่งทุกคนควรจะได้รู้ ลูกรองโทรมาเมื่อครู่นี้ และพอฉันเอาไปบอกพวกเขา แต่ไม่มีใครเชื่อสักคน”

โดยเฉพาะหวังชุ่นเฟินซึ่งหย่าร้างและกลับไปอยู่บ้านเกิด แม่ของเธอกระทั่งกล่าวว่า เป็นเซี่ยชิงหยวนที่ฆ่าเธอครั้งแล้วครั้งเล่า

เซี่ยโย่วหมิงระงับความโกรธของตัวเอง “แม้เขาจะได้บรรจุเป็นข้าราชการอาวุโสแล้ว แต่รู้กันแค่ในครอบครัวก็พอไหม? จะตีฆ้องตีระฆ้องโพนทะนาให้ชาวบ้านรู้ไปทำไมฮะ? อี้โจวเองก็เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง ถ้าเป็นแบบนี้ แล้วส่งผลเสียต่อหน้าที่การงานในอนาคตจะทำยังไง!?”

เมื่อเห็นว่าทั้งสองใกล้จะทะเลาะกัน เสิ่นอี้โจวก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดว่า “พ่อครับ แม่ครับ ไม่เป็นไรนะ ผมเข้าใจว่าคุณแม่ทำไปด้วยเจตนาดี แต่แค่ระวังให้มากขึ้นในอนาคตก็พอแล้ว”

หวังผิงโบกมืออย่างหมดความอดทน “เห็นไหมล่ะ อี้โจวก็บอกแล้วว่าไม่เป็นไร ฉันก็แค่บอกเพื่อให้ทุกคนมีความสุข เราจำเป็นต้องเครียดขนาดนี้เลยเหรอ”

หายากที่เธอจะอารมณ์ดีแบบนี้ จึงไม่ได้มีเรื่องมีราวกับเซี่ยโย่วหมิงอีก

เธอยิ้มและพูดกับเสิ่นอี้โจวว่า “อี้โจว ลูกอยากกินอะไร เดี๋ยวแม่ทำให้”

เสิ่นอี้โจวยิ้ม “อะไรก็ได้ครับ ผมไม่เลือกมากอยู่แล้ว”

หวังผิงกล่าวว่า “ได้ ๆ งั้นแม่จะทำอาหารให้สุดฝีมือเลย”

ขณะที่พูด เธอลูบไปที่ท่อนแขนของเสิ่นอี้โจวและพูดกับเซี่ยชิงหยวนว่า “ดูซิเนี่ย อี้โจวผอมมากเลยนะ เด็กน้อย เธอไม่รู้หรือยังไงว่าควรดูแลสามียังไงน่ะ หืม?”

จากนั้นเธอหันไปพูดกับกงเหลียนซินว่า “เหลียนซิน เข้าไปในครัวกับแม่แล้วเอาแตงโมออกมา”

หลังจากพูดจบ หวังผิงก็เดินไปที่ห้องครัว

กงเหลียนซินก็ตอบรับเช่นกัน “พวกเธอนั่งก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะรีบออกมา”

ทันทีที่หวังผิงเดินออกไป ทุกคนก็รู้สึกว่าบรรยากาศแตกต่างไป

เซี่ยจิ่งเยว่พาเสิ่นอี้โจวไปที่ห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ขณะที่เซี่ยชิงหยวนก็ช่วยเซี่ยโย่วหมิงให้นั่งลง

เธอเพิ่งสังเกตเห็นว่าตอนที่เซี่ยโย่วหมิงยืนอยู่ เขามักจะประคองเอวตัวเองเป็นครั้งคราว

หลังจากที่เซี่ยโย่วหมิงนั่งลง เขาก็ลูบหัวเซี่ยชิงหยวน “พ่อสบายดี ไม่ต้องห่วงนะ” บราวนี่ออนไลน์

ถ้าจะกล่าวโทษใครสักคน เซี่ยชิงหยวนคงได้แต่โทษพี่รองของเธอที่ทำตัวลอยเหนือปัญหา

เธอพูดว่า “พ่อน่าจะรู้สังขารตัวเองดี อย่าหักโหมเลยค่ะ เพื่อหาเงินแต่สุขภาพกลับเหนื่อยล้าแบบนี้ มันได้ไม่คุ้มเสียไม่ใช่เหรอคะ”

หลานชายทั้งสองคนยังพูดอีกว่า “คุณปู่กลับบ้านดึกมากทุกวันเลยครับ เมื่อวานเราเห็นคุณย่าทายาให้คุณปู่ด้วย”

เซี่ยโย่วหมิงหัวเราะและดุเบา ๆ “เจ้าเด็กแสบสองคนนี้ทำเป็นรู้ทุกเรื่อง!”

เซี่ยชิงหยวนนึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่ได้นำของฝากออกมา

จากนั้นเธอก็พูดกับเด็กน้อยทั้งสองว่า “ไป ไปเอาของฝากกับอากัน”

เซี่ยไป่เหิงกับเซี่ยไป่อวิ๋นโห่ร้องทันทีที่ได้ยิน “เย้ จะมีขนมอีกแล้ว ขอบคุณครับคุณอา!”

เซี่ยไป่เหิงที่โตกว่าวิ่งไปที่ห้องครัวแล้ววิ่งกลับมาที่ห้องหลักอย่างรวดเร็ว

เซี่ยชิงหยวนเหลือบมองไปทางประตูห้อ

นอนที่ปิดสนิทของจางอวี้เจียวและพูดกับเซี่ยไป่อวิ๋นว่า “ไปเรียกอาสะใภ้กับน้องสาวออกมาเร็ว บอกพวกเขาว่าอาเอาของมาให้”

เซี่ยไป่อวิ๋นตอบทันที “ครับ!”

“เดี๋ยว ๆ” เซี่ยชิงหยวนเรียกเจ้าตัวน้อยกลับมาอีกครั้ง “ถ้าอาสะใภ้ของเธอไม่ออกมาก็ไม่ต้องไปตื้อรู้ไหม”

ปกติเวลาจางอวี้เจียวอยู่บ้าน เธอก็มักทำตัวประหลาด ดังนั้นเด็กน้อยจึงรู้ดีเกี่ยวกับข้อพิพาทอันพิศวงระหว่างผู้ใหญ่

เขาพยักหน้า “ครับอาชิงหยวน”

ทว่าความคิดของเซี่ยชิงหยวนไม่ได้ถูกซ่อนไว้เมื่ออยู่ต่อหน้าเซี่ยโย่วหมิง

ขณะที่กำลังจัดของ เธอก็พูดว่า “พ่อ อย่าพยายามเกลี้ยกล่อมหนูเลยนะ เอาเป็นว่าตราบใดที่เธอไม่ยั่วยุหนูก่อน หนูจะไม่พูดอะไร”

เมื่อได้ยินแบบนั้น เซี่ยโย่วหมิงก็ลังเลที่จะพูด

เมื่อมองใบหน้าชราวัยของเซี่ยโย่วหมิงแล้ว เซี่ยชิงหยวนรู้สึกใจอ่อน

จากนั้นเธอก็เปลี่ยนคำพูดว่า “ตราบใดที่ผู้หญิงคนนั้นไม่ล้ำเส้นมากเกินไป หนูจะอดทนตกลงไหมคะ?”

โดยไม่คาดคิด เซี่ยโย่วหมิงก็กล่าวว่า “ถ้าลูกไม่สบายใจจริง ๆ ก็พูดไปตามตรงนั่นล่ะ ไม่จำเป็นต้องทำให้ตัวเองไม่มีความสุขเพื่อพ่อกับแม่หรอก”

ลูกสาวเขานิสัยดีมาตั้งแต่เด็ก ไม่รู้ว่าเธอต้องยอมทนเสียใจ และต้องกล้ำกลืนฝืนทนกับการถูกเอาเปรียบมากี่หนแล้ว

แต่ภรรยาของเขาเป็นคนอารมณ์ร้าย ขณะที่เธอจัดการทุกอย่างภายในบ้านและเขาก็ต้องออกไปทำงานข้างนอก มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนเธอ

ดังนั้นเขาจึงชดเชยให้ลูกสาว โดยการมอบความรักของคนเป็นพ่อให้มากที่สุด

ต่อมาเขาค่อย ๆ ตระหนักได้ว่าปัญหาบางอย่างจะไม่เกิดขึ้นหากคุณไม่สนใจพวกเขา

เซี่ยชิงหยวนประหลาดใจกับคำพูดของผู้เป็นพ่อ

ทันใดนั้นเธอรู้สึกอุ่นวาบในใจ

ใช่ ในครอบครัวนี้ พ่อมักจะอยู่เคียงข้างฉันเสมอ

หลังจากนั้นไม่นาน จางอวี้เจียวก็เดินออกมาโดยไม่คาดคิด

เธอเดินนำลูกสาวทั้งสองด้วยสีหน้าไม่ดีนัก

เซี่ยชิงหยวนย่อมรู้ดีว่ามันเป็นเพราะเรื่องของจางอวี้เอ๋อ

แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอีกฝ่าย

เซี่ยชิงหยวนเอ่ยทักทายเบา ๆ “พี่สะใภ้รอง” และโบกมือให้หลานสาวทั้งสอง

“มานี่สิ อาเอาของมาให้ล่ะ”

เซี่ยซือถงและเซี่ยซือเหยียนมองท่าทีของจางอวี้เจียวก่อน จากนั้นจึงวิ่งเข้าไปหาเซี่ยชิงหยวนเมื่อพวกเธอเห็นว่าแม่ของตัวเองไม่ได้ห้าม

ในขณะเดียวกัน เสิ่นอี้โจวที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ออกมาพร้อมกับเซี่ยจิ่งเยว่

เซี่ยจิ่งเยว่มองกระเป๋าใบใหญ่และใบเล็กที่วางอยู่ ก่อนจะพูดว่า “พวกนายคงใช้เงินเยอะมาก เพื่อซื้อของมากมายมาใช่ไหม? การหาเงินน่ะไม่ง่ายนักหรอกนะ ดังนั้นคราวหน้าพวกนายควรเก็บเงินไว้บ้างและคิดเกี่ยวกับตัวเองดีกว่า”

ทันทีที่จบประโยคนี้ จางอวี้เจียวก็หัวเราะเยาะเย้ย “น้องเขยคนนี้กลายเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงแล้วเขาจะไม่มีเงินได้ยังไง? สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงพอสำหรับให้เขาใช้แคะฟันด้วยซ้ำ”

———————–

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท