บทที่ 129 รักบ้านและอีกาเช่นเดียวกับเกลียดชังบ้านและอีกา*[1]
บทที่ 129 รักบ้านและอีกาเช่นเดียวกับเกลียดชังบ้านและอีกา*[1]
ไม่มีใครคาดคิดว่าเซี่ยชิงหยวนจะทำแบบนี้
สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือสิ่งที่เซี่ยชิงหยวนพูด
เมื่อมองไปยังแผ่นหลังอันบอบบางของเธอ เสิ่นอี้โจวก็รู้สึกเป็นทุกข์และไม่สบายใจมาก ๆ
เขาไม่เคยรู้เลยว่าเซี่ยชิงหยวนได้รับความทุกข์ใจมากมายในครอบครัวของตัวเองแบบนี้
เขาจึงอดไม่ได้ที่จะตำหนิหวังผิงในเรื่องนี้
เซี่ยชิงหยวนเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอ!
เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้นใต้จมูกของหวังผิง
เขาดึงเซี่ยชิงหยวนเข้ามาในอ้อมแขนของเขา ปลอบโยนเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ผมอยู่นี่”
เมื่อมีเขาอยู่ที่นี่ เขาจะไม่ยอมให้ใครรังแกเธอได้อีก
เมื่อได้รับการปกป้องจากเสิ่นอี้โจว หญิงสาวก็กลั้นน้ำตาไม่ได้อีกต่อไป
แต่หลังจากหลั่งน้ำตาไม่กี่หยด เธอก็เชิดหน้าขึ้นอย่างดื้อรั้นไม่ปล่อยให้น้ำตาร่วงอีก
หญิงสาวคิดมาเสมอว่า คนคนหนึ่งไม่อาจกล่าวโทษบิดามารดาตนเองได้ และมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเขาเช่นกัน
เธอคิดเสมอว่าตัวเองไม่สนใจ แต่ที่จริงเธอห่วงใยพวกท่านเสมอ
มันไม่เกี่ยวเลยว่าเธอจะต้องจ่ายไปเท่าไร แต่มันไม่ถูกต้องหากเธอจะต้องแบกรับความทุกข์มากมายเพียงนี้
ว่ากันว่าเด็กที่ร้องไห้จะมีขนมกิน แต่เมื่อเธอร้องไห้ในบางคราว สิ่งที่เธอกลับได้รับเป็นการด่าทอและความไม่เข้าใจ
แม้ฝ่ามือและหลังมือจะมีเนื้อหนังเช่นเดียวกัน แต่จะมีด้านหนึ่งที่มีมากกว่าอีกด้านหนึ่งเสมอ
แม้กระทั่งหัวใจเองก็เลือกไปอยู่ข้างที่มีมากกว่่า
หยาดน้ำตาของเซี่ยชิงหยวนร่วงหล่นสู่จิตใจของทุกคนอย่างแรง และไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา
แม้แต่จางอวี้เจียวที่กำลังเสแสร้งทำตัวน่าสงสารก็ยังไม่กล้าพูดอะไร
สายตาของเสิ่นอี้โจวน่ากลัวมาก และท่าทางของคนอื่นก็หดหู่ยิ่ง
เสิ่นอี้โจวกล่าวขึ้นมาว่า “พี่สะใภ้รองครับ ที่พวกเราเรียกคุณว่าพี่สะใภ้รองเพราะคุณเป็นภรรยาของพี่รองและแม่ของเด็กน้อยสองคนนั้น อันที่จริง พวกเราเป็นเพียงญาติซึ่งไม่ค่อยได้พบเจอกันบ่อยนัก ฉะนั้นทุกครั้งที่มาพบกัน มันคงจะดีกว่าถ้าเรารักษามารยาทกันไว้ และตลอดหลายปีมานี้ ความอดทนของชิงหยวนมีเพียงเพื่อต้องการแบ่งเบาภาระของครอบครัว แต่หากเรื่องราวบานปลาย ผมก็หวังว่าจะมีคนเข้าใจ ถ้าพวกเราไม่คิดจะดูแลพวกเขาอีกต่อไป”
คำพูดของเสิ่นอี้โจวมาจากใจจริง และยังเป็นการเตือนอ้อม ๆ อีกด้วย
ความสุภาพใจดีที่เขามีต่อตระกูลเซี่ยนั้น นอกจากความใจดีของคุณพ่อเซี่ยแล้ว มันก็เป็นเพราะเซี่ยชิงหยวน
เพราะพวกเขาเป็นญาติมิตรของเธอ เขาจึงเต็มใจจะรักประหนึ่งอีการักรังของมัน แต่ขณะเดียวกัน เขาก็เกลียดชังคนเหล่านั้นเพื่อเธอได้เช่นกัน
ผู้ทำให้เธอหัวเราะร่า เขาจะรู้สึกซาบซึ้งและพยายามตอบแทนบุญคุณสุดความสามารถ
ส่วนคนที่ทำให้หญิงสาวร้องไห้ เขาจะไม่มีวันทนให้เธอต้องเจ็บช้ำน้ำใจอีกเป็นครั้งที่สอง
จางอวี้เจียวพลันรู้สึกราวตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง
เธอไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า น้องเขยผู้ช่างพูดช่างจาคนนี้จะพูดแบบนี้ออกมา!
เขาหมายความว่ายังไง?
หรือเขาอยากให้เซี่ยจิ่งเฉินหย่ากับเธอ?
หญิงสาวอยากจะถาม แต่เจ้าตัวไม่กล้าพอ
เธอเมินเฉยต่อคำครหาของเซี่ยชิงหยวนยามอีกฝ่ายกล่าวเช่นนั้น
แต่แล้วเธอก็นึกถึงสิ่งที่คุยกับเซี่ยจิ่งเฉิน เมื่อเขาโทรกลับมา
เขาขอร้องให้เธอต้อนรับขับสู้น้องสาวและสามีด้วยรอยยิ้ม และไม่เอ่ยถึงจางอวี้เอ๋อ
แต่นิสัยของเธอเป็นเช่นนี้ และขณะอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลเซี่ยตลอดหลายปีมานี้ หญิงสาวก็คุ้นเคยกับการกดขี่คนอื่น เธอจึงหลงลืมคำพูดของเซี่ยจิ่งเฉินเกือบหมดสิ้น
เธอกระทั่งคิดด้วยซ้ำว่า เซี่ยชิงหยวนไม่เห็นหัวตัวเธอ และคิดว่่าเมื่ออีกฝ่ายแต่งงานไป ผู้หญิงคนนี้ก็จะถูกท้าทาย
หวังผิงรู้สึกละอายใจมาก
เธอต้องการจะกล่าวแสดงความยุติธรรม กระนั้นหญิงชรากลับพูดไม่ออก
เพราะสิ่งที่เซี่ยชิงหยวนพูดคือสิ่งที่เธอจงใจเมินมาตลอด
และเพราะสิ่งที่เสิ่นอี้โจวพูดคือสิ่งที่เธอกลัวที่สุดในตอนนี้
เธอมองไปทางเซี่ยชิงหยวน ซึ่งหญิงสาวก็สังเกตเห็นสายตาของเธอเช่นกัน แต่ไม่ได้ตอบรับสิ่งใด
เซี่ยโย่วหมิงเคาะนิ้วบนโต๊ะ ทั้งบีบและคลายอยู่หลายครา
ดวงตาทั้งสองคลอเบ้าด้วยน้ำตา
เขาคิดว่าอย่างน้อยลูกสาวคนเล็กซึ่งเป็นที่รักของพ่อและปู่เพียงถูกเข้าใจผิด
ริมฝีปากของเขาเผยอเล็กน้อย ก่อนจะส่งเสียงเรียกเบา ๆ “ลูกพ่อ”
เมื่อได้ยินเสียงเรียกของเซี่ยโย่วหมิง ร่างกายของเซี่ยชิงหยวนก็สั่นเทา
เซี่ยชิงหยวนอาศัยสถานการณ์ในตอนนี้ อ้าสองแขนกว้าง
เมื่อเห็นอย่างนั้น สองพ่อลูกก็พุ่งเข้าไปกอดกันและกันอย่างอ่อนโยน
เซี่ยจิ่งเยว่กับกงเหลียนซินเช็ดน้ำตาจากหางตาของพวกเขา
สิ่งที่เซี่ยชิงหยวนพูด บางสิ่งพวกเขาก็เห็นกับตา แต่บางสิ่งพวกเขาก็ไม่รู้เช่นกัน
พวกเขาเคยช่วยเธอค้านหัวชนฝา แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเขาจึงเลือกที่จะเงียบและยอมรับไปโดยปริยาย
จนกระทั่งสุดท้ายพวกเขาก็ต้องจำทนเช่นเดียวกับเธอ
เนื่องจากพวกเขาไม่ได้รับการศึกษาที่ดีตั้งแต่ยังเล็ก พวกเขาจึงไม่เชื่อฟังพ่อแม่ แล้วนับประสาอะไรกับการกล่าวโทษพวกท่าน
ดังนั้น คนที่ไม่ใช่คนในครอบครัวคงจะงุนงงกับสถานการณ์นี้ไม่น้อย
เมื่อจางอวี้เจียวสังเกตเห็นว่าสถานการณ์กำลังดำเนินไปในทิศทางที่ไม่ดีต่อตัวเธอ หญิงสาวจึงแสร้งร้องขึ้นมาอีกครั้ง “ครอบครัวของพวกคุณกลั่นแกล้งฉัน!”
จากนั้นก็ปรี่เข้าไปในห้องนอนตัวเอง
เมื่อได้ยินแบบนั้นเซี่ยชิงหยวนก็เงยหน้าขึ้นจากอ้อมแขนของเซี่ยโย่วหมิง “เธอหมายความว่ายังไง พูดมาให้ชัดเจนนะ!”
เมื่อได้ระบายทุกอย่างออกไปแล้วในตอนนี้ เธอก็ไม่คาดหวังที่จะมีความสัมพันธ์ที่ดีฉันพี่สะใภ้น้องสะใภ้กับจางอวี้เจียวอีกในอนาคต
จากวันนี้ไป เธอจะไม่ยอมรับความผิดที่เธอไม่ควรแบกรับไว้อีก!
ฝีเท้าที่กำลังจะจากไปของจางอวี้เจียวถูกเซี่ยชิงหยวนฉุดรั้งไว้ จากนั้นเธอก็หยุดยืนอยู่กับที่
เธอหันกลับมา แต่กลับพบว่าไม่มีใครตั้งใจจะยื่นมือช่วยเหลือเธอเลย
แม้แต่หวังผิงก็มีท่าทางลังเล
เธอรู้สึกผิดหวัง แต่ทำได้เพียงบังคับให้ตัวเองรับมือกับมัน
เธอเชิดคอแล้วพูดว่า “ฉันพูดอะไรผิดรึไง พวกคุณรวมหัวกันกลั่นแกล้งฉันเพราะจิ่งเฉินไม่อยู่บ้าน!”
เซี่ยชิงหยวนก้าวไปข้างหน้า “เอาล่ะ คุณบอกฉันมาให้ละเอียดซิว่าใครในหมู่พวกเรารังแกคุณ? ถ้าคุณตอบถูกสักข้อหนึ่ง ฉันเซี่ยชิงหยวนจะไม่เอ่ยคำว่า ‘ไม่’ กับสิ่งที่คุณจะขออีกในอนาคต!”
จางอวี้เจียวเปิดปากของเธอและต้องการที่จะพูดเถียง
ทว่าเมื่อสบสายตาของคนอื่น ๆ เธอกลับพูดอะไรไม่ออก
เธอนึกถึงตอนที่เธอแต่งงานกับตระกูลเซี่ยเมื่อหลายปีก่อน และพวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเกินไปจริง ๆ
แต่ในเมื่อเซี่ยชิงหยวนบีบบังคับเธอมาถึงจุดนี้แล้ว หากไม่กล่าวอะไรเลย มันก็พิสูจน์ไม่ได้ว่าฉันไม่ใช่คนผิดไม่ใช่เหรอ?
ถ้าเธอยังต้องอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลเซี่ยต่อไป แล้วจะไปมีจุดยืนอยู่ได้อย่างไรกัน?
สายตาของเซี่ยชิงหยวนมองตรงมาทำให้เธอเหงื่อตก
หลังจากถอยหลังครึ่งก้าว เธอก็ทรงตัวได้อีกครั้ง
หวังผิงกล่าวว่า “ชิงหยวน พอแล้ว!”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ยิ้มประชดประชัน
น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยการเสียดสีและความผิดหวัง “หนูรู้ค่ะ แม่จะพูดว่าลูกสาวที่แต่งงานแล้วไม่ควรมาก้าวก่ายเรื่องในครอบครัวเดิมอีกต่อไป หนูไม่ควรสนใจเรื่องไร้สาระพวกนี้มากเกินไปใช่ไหม”
ถ้าเธอไม่รู้สึกผิดที่ให้คนผมขาวต้องส่งคนผมดำอย่างเธอลงหลุมมาก่อนเมื่อชาติที่แล้ว เธอจะอดทนจนถึงป่านนี้ได้ยังไง?
เธอชี้ไปที่จางอวี้เจียวแล้วพูดอย่างจริงจัง “แต่ก่อนจะไป ฉันขอพูดคำหนึ่งทิ้งให้ทุกคนจำให้ขึ้นใจในวันนี้ ถ้าจางอวี้เจียวคนนี้ยังทำตัวทำนาบนหลังคนแบบนี้ และทำให้พ่อของฉันต้องทำงานอย่างยากลำบากนอกบ้านอีก ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปเด็ดขาด!”
หลังจากพูดจบ เธอก็หันหลังกลับและออกจากประตูไป
เซี่ยโย่วหมิงรีบพูดกับเซี่ยจิ่งเยว่ “ไปเกลี้ยกล่อมน้องสาวของแกให้กลับมาเร็ว!”
[1] รักบ้านรวมถึงอีกา หมายถึง รักเขาก็รักครอบครัวของเขาด้วยเช่นกัน คล้ายกับวลีที่ว่า ‘Love me love my dog’