กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 137 พ่อจ๋า หนูผิดไปแล้ว

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 137 พ่อจ๋า หนูผิดไปแล้ว

บทที่ 137 พ่อจ๋า หนูผิดไปแล้ว

ด้วยแรงฉุดอันแผ่วเบา เสิ่นอี้โจวประคองร่างของเธอขึ้นมาอย่างมั่นคง จนกระทั่งอีกฝ่ายทรงตัวได้แล้ว

เมื่อเห็นว่าใบหน้าเล็กเรียวของเธอซีดลง เขาก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มตรงมุมปาก

เขาถอดเสื้อออกแล้วสอดไว้บนไม้แขวนข้าง ๆ จากนั้นจ้องมองเธอด้วยสายตาจริงจัง

จากนั้นชายหนุ่มก็พูดขึ้นอย่างแผ่วเบา “คุณกลัวผมเหรอครับ?”

เซี่ยชิงหยวนย่อมไม่กลัวเสิ่นอี้โจว

แต่เธอกลัวความรู้สึกที่เหมือนถูกส่งขึ้นไปบนก้อนเมฆครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นก็เหวี่ยงลงมาอย่างรวดเร็ว

ความรู้สึกแบบนั้นทำให้เสพติดได้ง่าย

เมื่อคืนเธอเกือบจะตะโกนส่งเสียงดังออกมานับครั้งไม่ถ้วน

ถ้าเสิ่นอี้โจวไม่จูบเธอด้วยริมฝีปากของเขาได้ทัน เสียงของเธอจะต้องสั่นสะเทือนไปทั้งบ้านแน่

หญิงสาวส่ายหัว ก่อนจะพยักหน้าอีกครั้งทั้งน้ำตา “พ่อจ๋า หนูผิดไปแล้ว สงสารหนูเถอะนะคะ!”

เสิ่นอี้โจววางมือบนเข็มขัด

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาก็หยุดชะงักแล้วมองเธอนิ่ง

จากนั้นเขาก็ส่ายหัว “ไม่มีประโยชน์ที่จะเรียกพ่อตอนนี้หรอกสาวน้อย!”

ด้วยเสียง ‘คลิก’ หัวเข็มขัดของเขาก็ปลดออก

เสิ่นอี้โจวยิ้มชั่วร้าย “คุณซุกซนเกินไป ฉะนั้นต้องได้รับบทเรียนซะบ้างชิงหยวน!”

เซี่ยชิงหยวน “…”

เธออยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา “ฉันสัญญาฉันจะไม่พูดอีกว่าคุณทำไม่ได้! คุณเก่งที่สุด ฉันยอมรับว่าคุณเก่งยิ่งกว่าวัวพ่อพันธุ์ซะอีก!”

อุ๊บส์ เธอหลุดปากไปซะแล้ว!

ฉันจบเห่แล้ว!

เธอมองไปยังเสิ่นอี้โจวซึ่งกำลังแสดงสีหน้าประหลาดใจ

จากนั้นเธอเห็นว่ามุมริมฝีปากของเสิ่นอี้โจวยกขึ้นเพราะการชมเชยของเธอ

ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชา “วัวพ่อพันธุ์?”

เซี่ยชิงหยวนพยายามหลีกเลี่ยง “นั่นเป็นคำที่ฉันได้ยินจากคนอื่นที่เอาไว้เรียกชายที่มีพลังมากน่ะ!”

ถ้าเสิ่นอี้โจวไม่มีความทรงจำในชาติที่แล้ว เขาอาจจะโดนหลอกแล้วปล่อยผ่านไป

ทว่าเขาก็นึกถึงคำนี้ขึ้นมา เพราะเซี่ยชิงหยวนเคยพูดออกมาก่อนไปทำงานก่อนหน้านี้

นิ้วเรียวของเขาสอดกลับเข้าไปในเข็มขัดอีกครั้ง และดึงออกด้วยการกระตุก

ชายหนุ่มไม่ได้วางมันลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปแล้ว แต่เขากลับโยนมันลงบนพื้น

เสียงของเขาแหบแห้ง “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่มีอะไรที่จะช่วยคุณได้อีกแล้ว”

หลังจากพูดจบ เขาก็อุ้มเซี่ยชิงหยวนและเดินไปที่เตียง

มือของเซี่ยชิงหยวนฉวยโอกาสคว้าเสาข้างเตียงไว้

แต่ถึงอย่างไร นิ้วเรียวขาวก็แยกออกทีละนิ้ว แล้วก็มีเสียง “หวือ!” และไม่มีเสียงอะไรอีกเลย

เธอตระหนักได้อย่างแท้จริงถึงความหมายของการทำร้ายตัวเองและไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้

เมื่อเซี่ยชิงหยวนตื่นอีกครั้ง มันก็ค่อนข้างสายแล้ว

เธอดีใจที่ตัวเองไม่ได้มีนัดกับอาเซียงในวันนี้

ไม่อย่างนั้น หากพวกเขามาและเธอยังนอนอยู่บนเตียง เด็กพวกนั้นจะคิดอย่างไร?

เมื่อเธอได้ยินใครบางคนพูดข้างนอก เธอก็ตระหนักได้ว่าหลินตงซิ่วและเสิ่นอี้หลินมาอยู่ร่วมชายคาเดียวกับเธอแล้วนี่นา!

เธอทำได้เพียงกรีดร้องในใจ

ตื่นสายแบบนี้ เธอได้กลายเป็นลูกสะใภ้ที่ไม่ได้ความซะแล้ว

โชคดีที่หลินตงซิ่วเป็นแม่สามีที่ใจกว้าง ไม่เช่นนั้นถ้าเป็นแม่สามีคนอื่น ๆ คงจะไม่พอใจเป็นแน่

เมื่อเธอลุกขึ้นจากเตียง กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างกายก็ตึงเปรี๊ยะ เธอฝืนยิ้มด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว

เธอนั่งอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง และคนที่อยู่ข้างในกระจกก็เหมือนผีสาว

หัวใจของเซี่ยชิงหยวนแทบลุกเป็นไฟ

เธอเป็นแบบนี้เพราะตาบ้าเสิ่นอี้โจวแท้ ๆ เลย!

เธอเปลี่ยนเสื้อผ้า หวีผม แล้วเดินออกจากห้อง

หลินตงซิ่วกับเสิ่นอี้หลินไม่รู้ไปอยู่ไหนแล้ว

เธอตามหาที่มาของเสียงและพบว่าพวกเขาอยู่ในสวนหลังบ้าน

หลินตงซิ่วนั่งอยู่บนม้านั่งตัวเล็ก ในขณะที่เสิ่นอี้หลินกำลังเล่นอยู่ข้าง ๆ เธอ

เดิมที มันเป็นภาพที่ดูกลมเกลียวกันมาก แต่เพราะปากช่างเมาต์ของเติ้งซูอี้ มันจึงถูกทำลายโดยสิ้นเชิง

เติ้งซูอี้กอดอกและพูดอย่างสนุกปากว่า “เลขาธิการเสิ่นของคุณอายุไม่น้อยแล้ว และลูกสะใภ้ของคุณก็ไม่ใช่เด็กแล้วนี่จริงไหม? ตอนนี้หน้าที่การงานมั่นคงและสภาพแวดล้อมก็ดี ให้พวกเขามีลูกเร็ว ๆ เถอะ ตอนนี้คุณเองก็ยังไม่แก่เท่าไหร่ คุณก็ช่วยพวกเขาเลี้ยงเด็กได้ใช่ไหมล่ะ”

เธอสะบัดผมแล้วพูดว่า “ไม่งั้นในอีกสองปี ลูกสะใภ้ของคุณจะแก่เกินกว่าจะมีลูกแล้ว!”

หลินตงซิ่วไม่รู้จะพูดปฏิเสธยังไง

แม้เธอจะรู้สึกว่าคำพูดของเติ้งซูอี้ไม่ค่อยดีนัก แต่อีกฝ่ายก็เพิ่งแนะนำมาว่าเป็นภรรยาของรองผู้อำนวยการ

ไอ้ตำแหน่งรองผู้อำนวยการนี่มันคืออะไรกัน? แต่ฟังดูเหมือนจะมีอำนาจมากเช่นกัน

หากเธอตอบอะไรบางอย่างไปตามที่ใจคิดแล้วทำให้ผู้คนไม่มีความสุข มันจะไม่ดีสำหรับเสิ่นอี้โจวที่ทำงานที่นี่ใช่ไหม?

ดังนั้นคิ้วของหลินตงซิ่วจึงย่นเข้าหากันจนแทบจะบีบยุงตายได้ แต่เธอก็ยังไม่ปฏิเสธสักคำ

เสิ่นอี้หลินซึ่งกำลังเล่นและฟังอยู่ริมสวน เงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าสับสน “คุณป้าฮ พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ของผมยังไม่แก่เลย แต่คุณแก่มากจนผมต้องเรียกคุณว่าป้าเลย คุณแก่ขนาดนี้แล้ว ทำไมคุณกลับบอกว่าพี่ชายกับพี่สะใภ้ของผมแก่ล่ะ?”

หลังจากสิ้นเสียงของเสิ่นอี้หลิน ใบหน้าของเติ้งซูอี้ก็มืดมนทันที

ปีนี้เธอเพิ่งอายุสี่สิบ ซึ่งถือว่าแก่แต่ก็ไม่มาก แต่ใครจะอยากถูกเรียกอีแก่ล่ะ?

คำพูดของเสิ่นอี้หลินทำให้เธออับอายมาก

เมื่อหลินตงซิ่วได้ยินสิ่งนี้ เธอรีบปิดปากของลูกชายคนเล็ก “ลูกชายคนนี้นี่! หยุดพูดจาไร้สาระนะ!”

แต่เซี่ยชิงหยวนไม่สามารถกลั้นหัวเราะได้

เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ พวกเขาก็หันไปเห็นเซี่ยชิงหยวน ยกเว้นเสิ่นอี้หลิน ทุกคนดูจะสับสน

หลินตงซิ่วรู้สึกประหม่าเพราะเธอกังวลว่าลูกสะใภ้จะไม่สบายใจหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น

ในขณะเดียวกัน เติ้งซูอี้กลับรู้สึกแย่ราวกับว่าตัวเองถูกจับได้ว่าพูดจาไม่ดีลับหลังคนอื่น ทว่าครั้งสุดท้ายที่เธอต้องการสร้างสัมพันธ์กับเซี่ยชิงหยวน เธอก็โดนพูดตอกกลับมา

หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอก็รู้สึกว่าไม่ได้พูดอะไรผิด ดังนั้นจึงยืดตัวตรงและส่งยิ้มให้เซี่ยชิงหยวน “โอ้ ตื่นแล้วเหรอคะ?”

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าเบา ๆ “ค่ะ”

สำหรับคนประเภทนี้ เซี่ยชิงหยวนไม่จำเป็นต้องสุภาพด้วย

หลินตงซิ่วเช็ดน้ำจากมือของเธอและพูดว่า “โจ๊กอุ่นอยู่ในหม้อนะ ลูกรีบไปกินเถอะ”

เสิ่นอี้หลินยิ้มและเรียก “พี่สะใภ้”

เซี่ยชิงหยวนตอบด้วยรอยยิ้ม

เมื่อหลินตงซิ่วมองไปที่สีหน้าของเซี่ยชิงหยวน เธอก็รู้สึกโล่งใจที่ลูกสะใภ้ไม่ได้โกรธเธอเลย

เธอเตือนตัวเองอีกครั้งว่าเธอไม่สามารถเป็นแบบนั้นเหมือนในหมู่บ้านซีสุ่ยได้อีก

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะแม่”

เมื่อเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนมองข้ามตัวเองอย่างโจ่งแจ้ง เติ้งซูอี้ก็กล่าวว่า “ชิงหยวน คุณนี้โชคดีจริง ๆ! แม่สามีปฏิบัติต่อคุณเป็นอย่างดีและน้องสามีก็ปกป้องคุณด้วย”

เซี่ยชิงหยวนชำเลืองมองอีกฝ่ายเล็กน้อย อดทนต่อความเจ็บปวดที่เอวและพูดว่า “แน่นอนค่ะ ฉันโชคดี และฉันก็ไม่จำเป็นต้องทนอยู่กับสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ นอกจากนี้ฉันไม่คิดว่าคนของฉันพูดอะไรผิด”

เธอยิ้มและลูบหัวของเสิ่นอี้หลิน “ใช่ไหมอี้หลิน?”

เสิ่นอี้หลินรู้ทันทีว่าสิ่งที่เติ้งซูอี้พูดนั้นไม่น่าพอใจ เช่นเดียวกับที่ผานเยว่กุ้ยเคยทำมาก่อน

นอกจากนี้ เขายังรู้สึกราง ๆ ว่าพี่ชายกับพี่สะใภ้ดูจะไม่ชอบให้คนอื่นพูดถึงการมีลูก

เสิ่นอี้โจวเคยสั่งว่าหากมีคนพูดบางอย่างต่อหน้าหลินตงซิ่ว และหลินตงซิ่วไม่กล้าโต้เถียง เขาสามารถพูดเถียงไปได้เลย

ปรากฏว่าเขาคิดถูก

อย่างน้อยเซี่ยชิงหยวนก็ดูพอใจ

เขายังเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้เซี่ยชิงหยวน “ใช่!”

เสียงนั้นดังราวกับหัวเราะเยาะคำพูดที่ไร้สาระของเติ้งซูอี้เมื่อครู่นี้

เซี่ยชิงหยวนพูดอีกครั้ง “ไปบอกลาน้าเติ้งเถอะ พี่สะใภ้คนนี้จะพานายเข้าบ้านแล้ว”

เสิ่นอี้หลินโค้งให้เติ้งซูอี้อย่างร่วมมือ จากนั้นตะโกน “ลาก่อนครับ น้าเติ้ง!”

เซี่ยชิงหยวนมองไปยังเติ้งซูอี้ด้วยรอยยิ้ม “แม่สามีของฉันปีนี้อายุสี่สิบหกปี แก่กว่าคุณแค่ไม่กี่ปี ดังนั้นการที่อี้หลินเรียกคุณแบบนี้ตรงกับความอาวุโสของคุณแล้วใช่ไหมคะ?”

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด! หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต ปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท