กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 146 ยั่วมายั่วกลับไม่โกง

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 146 ยั่วมายั่วกลับไม่โกง

บทที่ 146 ยั่วมายั่วกลับไม่โกง

หลินตงซิ่วรู้สึกลำบากใจมากที่ต้องเห็นเซี่ยชิงหยวนส่งเงินสี่ร้อยแปดสิบหยวนออกไปในคราวเดียว

แต่เมื่อเห็นยอดขายสลัดเย็นวันนี้สูงถึงหกสิบหยวน เธอลอบคำนวณดู หลังจากหักต้นทุนแล้ว จะยังเหลือกำไรประมาณห้าสิบหยวน

ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกทุกข์ใจน้อยลง

สี่ร้อยแปดสิบหยวนน่าจะได้รับคืนภายในสิบวัน

อีกทั้งเซี่ยชิงหยวนยังกล่าวว่า หากพวกเธอมีหน้าร้านก็จะขายสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้นในอนาคต

หลินตงซิ่วกล้ำกลืนคำพูดที่เต็มไปด้วยความกังวลลงคอไป และมุ่นมั่นที่จะขายสลัดเย็นให้กับเซี่ยชิงหยวน

เซี่ยชิงหยวนเองก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจของหลินตงซิ่วเช่นกัน

เธอไม่ได้พูดอะไรและทำให้อีกฝ่ายได้เห็นกำไรจากการขายต่อจากนี้ ฉะนั้นทุกอย่างก็จะได้รับการแก้ไขแล้ว จริงไหมล่ะ?

เซี่ยชิงหยวนอารมณ์ดีจนกระทั่งเธอกลับบ้าน

ก่อนเข้านอน หญิงสาวฮัมเพลงขณะทาครีมบำรุงผิว

ส่วนเสิ่นอี้โจวเองก็อารมณ์ดีเมื่อคิดว่าปัญหาใหญ่ทั้งสองได้รับการแก้ไขแล้ว

เขาโอบกอดเซี่ยชิงหยวนไว้ในอ้อมแขนของตน “ร้านค้านั่นทำให้คุณมีความสุขได้ขนาดนี้เลยเหรอ?”

เซี่ยชิงหยวนพยายามดิ้นให้หลุด เธอหันหน้าไปทางกระจก ทาครีมให้ทั่วผิวและพูดว่า “แน่นอนค่ะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันมีหน้าร้านเป็นของตัวเองแล้ว และถึงแม้จะยังเช่าเขาอยู่ แต่มันก็เป็นร้านที่ฉันไปขายได้ประจำจริงไหม? นอกจากนี้ เมื่อทำธุรกิจไปเรื่อย ๆ ฉันวางแผนจะซื้อร้านค้าและบ้านอีกเยอะ ๆ เลย”

หญิงสาวจำได้ว่าช่วงเวลาก่อนที่เธอจะเสียชีวิต ราคาบ้านในตอนนั้นสูงขึ้นมาก

เธอเชื่อว่ายี่สิบปีหลังจากนี้ อสังหาริมทรัพย์จะเป็นอุตสาหกรรมที่ทำกำไรได้อย่างมหาศาล

เสิ่นอี้โจวเฝ้าดูเซี่ยชิงหยวนทาผิวจนเสร็จเรียบร้อยอย่างระมัดระวัง เขาฉุดแขนทั้งสองขึ้น จากนั้นพาเธอไปที่เตียงนอน

ขายาวของเขากดทับหญิงสาวเบา ๆ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายขยับได้

จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “ใช่ ในอนาคตเราจะมีร้านค้ามากมาย ในเวลานั้นถนนจะเต็มไปด้วยแบรนด์ของคุณ”

เซี่ยชิงหยวนก็กระตือรือร้นเช่นกันหลังจากได้ยินสิ่งนี้ “คุณก็คิดว่าการซื้อร้านค้าตุนไว้เป็นเรื่องดีเหมือนกันเหรอ?”

การซื้อบ้านเก็บไว้แล้วขายต่อนั้นทำเงินได้มากก็จริง แต่การซื้อร้านค้าเยอะ ๆ แล้วปล่อยเช่าจะทำเงินได้ดีกว่า

เสิ่นอี้โจวพยักหน้าและพูดว่า “อืม ผู้คนแห่กันเข้ามาในเมืองมากขึ้นเรื่อย ๆ ราคาตึกรามบ้านช่องในเมืองต่าง ๆ ก็จะเพิ่มขึ้นในไม่ช้าก็เร็ว”

เมื่อได้ยินแบบนั้น เซี่ยชิงหยวนก็ยิ่งมั่นใจในแผนการลับของตัวเอง นั่นคือการสั่งสมร้านค้า

เมื่อถึงเวลานั้น เธอจะเก็บค่าเช่าร้านตามถนน ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว

เสิ่นอี้โจวจูบซอกคอระหงของเธอเบา ๆ เสียงของเขาทั้งทุ้มต่ำและแหบแห้ง “แล้วคุณต้องการทำอะไรที่มีความสุขกว่านี้ไหม?”

เซี่ยชิงหยวนไม่ตอบสนองชั่วขณะ ‘ชายคนนี้เพิ่งพูดเรื่องจริงจังเมื่อวินาทีที่แล้ว และวินาทีถัดมาเขาก็กลับมาพูดเรื่องไร้สาระเลยได้ยังไงกันนะ?’

เธอพยายามลุกขึ้นจากอ้อมแขนของเขา แต่ขายาวของเสิ่นอี้โจวกดทับตัวเธอไว้ และร่างกายท่อนบนของเขาหันตะแคง คร่อมอยู่ด้านบนร่างเธอ

เขาใช้จมูกโด่งเป็นสันสัมผัสเธอแผ่วเบา แล้วพูดว่า “ผ่านมาสองสามวันแล้ว ผมคิดถึงคุณจัง”

เซี่ยชิงหยวน “…”

เธอเม้มปากยิ้มเขิน “ฮึ่ม!”

ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าเสียง ‘ฮึ่ม’ ของเธอหมายความว่ายังไง

แต่เห็นได้ชัดว่าเธอดูจะไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่นัก

เขายังคงล่อลวงเธอต่อไป “ช่วงนี้ผมออกกำลังเพื่อฟิหุ่นด้วยนะ คุณอยากเห็นไหมครับ?”

เสิ่นอี้โจวมักชอบออกกำลังกาย แต่เวลาส่วนใหญ่ที่เขาออกกำลังกายเป็นตอนที่เซี่ยชิงหยวนยังหลับอยู่ และเขาก็แอบลุกออกไป

เดิมทีเธอคิดว่าเขาแค่วิ่งจ็อกกิงหรืออะไรสักอย่าง แต่เขากลับฟิตหุ่นด้วยเหรอเนี่ย?

เซี่ยชิงหยวนดูจะไม่สนใจมากนัก “ฉันไม่อยากเห็น ฉันเคยเห็นมันมาก่อนแล้ว”

เสิ่นอี้โจว “…”

เขาจูบปากของเธอ แล้วใช้ริมฝีปากตนไล้ไปตามเรียวปากของหญิงสาว การเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าทว่าอ่อนโยน และท่าทางที่ไม่ชัดเจนนั้นก็เร้าอารมณ์ของอีกฝ่ายในทันที

เขาพึมพำด้วยเสียงทุ้มต่ำ “มันแตกต่างจากเมื่อก่อนแน่นอน คุณลองสัมผัสดูได้นะว่ากล้ามเนื้อผมหย่อนไหม”

ขณะที่พูด เขาก็จับมือของเซี่ยชิงหยวนล้วงเข้าไปใต้เสื้อผ้าของเขา

เซี่ยชิงหยวนสัมผัสผิวหนังใต้ร่มผ้าทันที

บริเวณที่เธอสัมผัสคือกล้ามเนื้อหน้าท้อง ซึ่งให้สัมผัสที่เรียบเนียนและแน่นอัด

ดวงตาของเธอปรือขึ้น มองไปยังเสิ่นอี้โจวตาไม่กะพริบ

“ฉัน…ฉันไม่อยากสัมผัสมัน” เธอกำลังจะชักมือออกขณะที่พูด

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสิ่นอี้โจวก็หัวเราะ เขากดตัวแนบลงไปที่หูของเธอและพูดว่า “ถ้าคุณไม่อยากแตะต้อง งั้นคุณก็รับรู้มันโดยตรงเลยก็ได้นะ”

เซี่ยชิงหยวน “!”

เธอรู้สึกเหมือนกำลังจะระเบิด!

ดวงตาประหนึ่งนกฟีนิกซ์ของเสิ่นอี้โจวเริ่มเกิดอารมณ์แล้ว ดวงตาของเขาไม่ได้เป็นสีน้ำตาลอ่อนอีกต่อไป แต่กลายเป็นเหมือนกระแสน้ำวนที่มีดวงดาวถูกบดขยี้ข้างใน และทางช้างเผือกก็พวยพุ่งออกมา

เซี่ยชิงหยวนไม่สามารถรั้งไว้ได้และกำลังจะพยักหน้า

เธอก่นด่าในใจ ‘คนเลว! เขาอ่อยเธออีกแล้ว!’

เมื่อสบตาเขาอีกครา เธอก็พ่นลมหายใจใส่หูของเขา และจงใจส่งเสียงแหลมดังออกมา “ไม่เอา!”

สีหน้าของเสิ่นอี้โจวแข็งค้างไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขากะพริบตาและยิ้ม “คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าให้ผมพยายามทำให้ถึงหนึ่งร้อยครั้ง?”

เขาจับมือเธอไล้ไปตามร่างกายของเขาที่อยู่ใต้ร่มผ้า

ทำไมภายนอกเซี่ยชิงหยวนถึงดูเหมือนไม่มีปฏิกิริยา ทั้ง ๆ ที่ตัวเธอร้อนจนเหมือนถูกไฟไหม้กัน?

เซี่ยชิงหยวนไม่อาจตั้งสติได้อีกต่อไป เธอลอบกัดฟัน พยายามต่อต้านสิ่งล่อตาล่อใจตรงหน้าอย่างเต็มที่

นิ้วของเธอกลายเป็นกรงเล็บและจิกที่หน้าอกของเขา

เธอค่อย ๆ เกร็งนิ้วแน่น เฝ้าดูท่าทีของอีกฝ่าย

เธอยกยิ้ม “แต่ตอนนี้มันถึงกำหนดเวลาแล้ว”

สิ้นประโยคนั้น เธอเกร็งมืออย่างตั้งใจ “คุณฝึกฝนมาดีมาก เกือบจะทำตามที่ฉันกำหนดได้สำเร็จแล้ว”

เสิ่นอี้โจวส่งเสียงออกมาโดยไม่คาดคิด “อืม”

เขาจับมือเล็กที่กำลังซุกซนของเธอ “หยุดก่อนไหม?”

เซี่ยชิงหยวนไม่หยุด

เธอรีบดึงมือออกจากฝ่ามือเขาและสัมผัสอีกด้านหนึ่ง “คุณไม่ได้บอกให้ฉันลองดูหรอกเหรอ? ถ้าฉันไม่ลอง ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าคุณหย่อนยานหรือเปล่า?”

เสิ่นอี้โจวกลั่นแกล้งเธอได้สำเร็จทุกครั้ง นั่นมันไม่ใช่เพราะเขากล้ามากกว่าตัวเธอหรอกเหรอ?

ตราบใดที่เธอทำตัวหน้าหนากว่าเขา หญิงสาวก็ไม่ต้องกลัวอะไร

ยั่วมายั่วกลับ ต้านมาต้านกลับ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น

หางตาของเสิ่นอี้โจวกระตุก “แล้วคุณดูเสร็จหรือยัง?”

เซี่ยชิงหยวนกลั้นยิ้มที่มุมปากของเธอ “ยังไม่เสร็จ รอเดี๋ยวก่อนสิ”

ขณะที่พูด มือเล็กของเธอก็ไล้วนไปรอบ ๆ บีบนั่นกดนี่

คิ้วและดวงตาที่จดจ่อเหล่านั้นดูจะตรวจสอบอย่างระมัดระวัง

เสิ่นอี้โจวรู้สึกเพียงว่าส่วนที่เซี่ยชิงหยวนสัมผัสทั่วร่างกายของเขากำลังร้อนผ่าวราวกับไฟแผดเผา

ไม่ว่าเธอจะจับตรงไหน ผิวหนังส่วนนั้นจะกระตุกเป็นระลอก

ทันใดนั้น เซี่ยชิงหยวนก็พลิกตัวและตำแหน่งของทั้งสองก็สลับกัน

เธอโน้มตัวเข้าหาเขาพร้อมรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์บนใบหน้า

มืออีกข้างของเธอแตะแก้มของเขา

ปลายนิ้วเรียวไล้จากกึ่งกลางคิ้วไปจนถึงสันจมูกตรง จากนั้นไล่ลงมายังริมฝีปากบางเซ็กซี่

หญิงสาวกดปลายนิ้วลงบนริมฝีปากที่เดิมเป็นสีชมพู แต่ตอนนี้กลับเป็นสีเข้มขึ้นราวกับดอกกุหลาบที่บอบบาง

ใบหน้าของเสิ่นอี้โจวช่างหล่อเหลาเหลือเกิน

เธอจิกเบา ๆ ที่มุมปากของเขาและพบว่าขนตาของเขาสั่นระริก

เซี่ยชิงหยวนโน้มหน้าเข้าใกล้หูของเขาและพูดว่า “ประหม่าเหรอคะ?”

เมื่อพูดเช่นนั้น หญิงสาวก็จงใจเอาปากแนบหูของเขา เพื่อที่ว่าเมื่อเธอพูดแบบนี้ ความร้อนจากลมหายใจจะลอยเข้าไปในช่องหูของเขาทั้งหมด

เสิ่นอี้โจวกำมือของเขาโดยไม่รู้ตัว

เขามองไปที่เพดานและตอบว่า “เปล่า”

เมื่อได้ยินเสียงของเสิ่นอี้โจวที่เค้นออกมาจากลำคอ เซี่ยชิงหยวนก็ยิ่งอารมณ์ดี

เธอถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง

มือเล็ก ๆ ของเธอเปลี่ยนทิศทาง และเลื่อนลงไปที่ขอบกางเกงของเขา

ในขณะที่เสิ่นอี้โจวกำลังตกใจ เธอก็เม้มปากและกำมือเบา ๆ “จุ๊ จุ๊ มันก็ไม่เท่าไหร่นี่”

เมื่อหญิงสาวพูดเช่นนั้น ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจ

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท