กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 170 ‘ลูกพี่’ ผู้สุดแสนจะโรแมนติก

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 170 ‘ลูกพี่’ ผู้สุดแสนจะโรแมนติก

บทที่ 170 ‘ลูกพี่’ ผู้สุดแสนจะโรแมนติก

เธอเห็นชายหนุ่มใส่รองเท้าแตะคาบไม้จิ้มฟันกำลังเดินมาหาพวกเธอ

รูปร่างของเขาผอมมาก หัวเกรียน สวมเสื้อลายดอกไม้เปิดอก มีพุงเล็กน้อยและผิวสีแทน

ขณะเขาเดินเข้ามา แขนสองข้างของเขาแกว่งไปมาตามจังหวะการเดิน ท่าทางเก๋าเหมือนพวกนักเลงหนุ่มในหนังฮ่องกง

ก่อนเขาจะเดินเข้ามา พวกผู้ชายและผู้หญิงต่างหลีกตัวให้พ้นทางและเดินจากไป

ขณะวิ่งเข้ามา ชายชาตรีต่างพยักหน้าและโค้งคำนับให้

ดูจากท่าทางเช่นนี้ มันก็แสดงชัดว่าคนทั้งสองรู้จักกัน

ผู้ชายคนนั้นเห็นตัวคนจากไปแล้ว ก็ไม่กลับมาอีกเลย

เขากับกลุ่มสองคนของเซี่ยชิงหยวนยืนห่างกันสิบกว่าเมตร หัวเราะแล้วหัวเราะอีก จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงจีนกลางฟังชัดถ้อยชัดคำว่า “แม่คนสวย ฉันเป็นลูกพี่รองของที่นี่ ต่อจากนี้ ฉันจะปกป้องเอง”

ขณะกล่าว เขาชี้ไปทางด้านหลัง “นั่นคือพี่ใหญ่ของเรา”

เมื่อเซี่ยชิงหยวนได้ยินคำว่าพี่ใหญ่ หญิงสาวก็ขมวดคิ้ว

เธอมองตามทิศทางที่เขาชี้ไป จึงเห็นชายรูปร่างผอมสูงยืนอยู่ตรงนั้นแต่ไกล

เขายืนพิงราวบันไดด้านหลังโดยหันหน้าไปทางด้านข้าง

เนื่องจากระยะไกล หญิงสาวจึงมองเห็นเฉพาะสันจมูกโด่งและสันกรามได้รูปของเขาเท่านั้น

เขาหันมองมาทางนี้ครู่หนึ่ง แล้วหันกลับไปอีกครา

ราวกับเจ้าตัวไม่ได้สนใจพวกเธอแม้แต่น้อย

เขาก้มศีรษะลง คาบบุหรี่ไว้ในปากแล้วทำมือป้องลม

หลังจากนั้นไม่นาน เปลวไฟจาง ๆ ก็วาบผ่านร่องนิ้วมือของเขา

ทันใดนั้น เขาเงยหน้าขึ้นและมีประกายไฟเล็ก ๆ ปรากฏที่ปลายมวนบุหรี่

เขาคาบบุหรี่ไว้ที่ปาก สูบแล้วพ่นควันออกมา

ควันที่เขาพ่นออกมาเป็นรูปวงสีขาวซีดแลดูเลือนราง

เซี่ยชิงหยวนเพิ่งเคยเห็นผู้สูบบุหรี่ได้อย่างดื่มด่ำและได้อรรถรส

ลูกพี่ใหญ่คนนั้นบุ้ยใบ้ส่งสัญญาณไปทาง ‘พี่รอง’ จากนั้นหันหลังและเดินไปยังทางออกของสถานีรถไฟ

‘พี่รอง’ ตะโกนเสียงดัง “หัวหน้า!”

เขาโบกมือกับเซี่ยชิงหยวนแล้ววิ่งตามไป

อาเซียงมองตามหลังของ ‘พี่รอง’ ที่จากไปและพูดว่า “พี่เซี่ย พี่คิดว่าพวกเขาเป็นพวกคนในวงการใต้ดินแบบในหนังไหมคะ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยชิงหยวนก็ส่งยิ้มให้อีกฝ่าย “คนในโลกใต้ดินไม่ใช่แบบนี้ พวกเขาน่าจะเป็นเหมือนพวกงูเจ้าถิ่นมากกว่า”

ทว่าคนทั้งสองยังดูอายุไม่มากนัก หญิงสาวจึงคิดว่าพวกเขาน่าจะเป็นผู้ติดตามตัวเล็กของตางูเฒ่ามากกว่า

เซี่ยชิงหยวนไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจมากนัก

เพราะเธอกับอาเซียงเพียงมาซื้อของที่นี่เป็นครั้งคราวเท่านั้น และเธอคงต้องยุ่งไม่เกี่ยวกับคนประเภทนี้มากนัก

จากนั้นหญิงสาวก็กล่าวว่า “เราหาโรงแรมกันก่อนเถอะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยไปเลือกดูเสื้อผ้ากัน”

อาเซียงพยักหน้า “อื้ม”

เซี่ยชิงหยวนหันกลับมาและดูสโลแกน ‘รวมมาตุภูมิเป็นปึกแผ่น ฟื้นฟูสาธารณรัฐประชาชนจีน’ ที่แปะอยู่บนสถานีรถไฟ ป้ายนี้ให้ความรู้สึกคุ้นเคยที่หายไปนานกลับมา

ตอนที่เธอทำงานอยู่ในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า เธอจะมาที่นี่เป็นครั้งคราวเพื่อดูว่ามีเสื้อผ้ารูปแบบใหม่ล่าสุดจากเมืองฮ่องกงหรือไม่

ดังนั้นเธอจึงคุ้นเคยกับที่นี่ดี

ตลาดค้าส่งที่พวกเธอกำลังจะไปนั้นอยู่ติดกับสถานีรถไฟ

ตลาดค้าส่งต้องขนส่งสินค้าจำนวนมาก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติมากที่จะสร้างใกล้กับสถานีรถไฟ

เซี่ยชิงหยวนกับอาเซียงเข้าพักในโรงแรมระดับไฮเอนด์ ซึ่งอยู่ถัดจากสถานีรถไฟแล้วพักเหนื่อยอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรับประทานอาหารและพากันไปเดินตลาดกลางคืน

สถานบันเทิงยามค่ำคืนในเมืองกว่างโจวนั้นดีกว่าเมืองเตียนเฉิงมาก ต่อให้เป็นเวลาสามทุ่มก็ยังมีผู้คนมากมายอยู่บนท้องถนน

นอกจากแผงขายบาร์บีคิวแล้ว ยังมีร้านค้ามากมายที่มีเอกลักษณ์ท้องถิ่น เช่น โจ๊กหม้อเฉาส่าน หมูผัดขิง ซุปหม้อไฟ และอื่น ๆ

เซี่ยชิงหยวนในชาตินี้เพิ่งมาเยือนเมืองทางตอนใต้เป็นครั้งแรก เธอจึงไม่กล้ากินตามใจปากมากนัก

เธอกับอาเซียงกินโจ๊กเฉาส่านสำหรับมื้อค่ำ ซึ่งไม่มีส่วนผสมอาหารทะเล แต่มีเพียงเนื้อสับกับผักใบเขียว จากนั้นจึงสั่งข้าวผัดหนึ่งจาก

แม้รสชาติอาหารจะเบา แต่อาเซียงก็ยังรู้สึกแปลกใหม่ “พี่เซี่ย รสชาติอ่อนอยู่หน่อย ๆ นะคะ”

เธอดื่มโจ๊กอีกครั้ง ก่อนจะอ้าปากค้าง “แต่มันหวานมากเลย”

เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “อาหารในเมืองทางใต้ส่วนใหญ่มีชื่อเสียงในด้านรสชาติดั้งเดิม เช่นเดียวกับโจ๊กที่เธอกิน ถ้าจะถามว่าทำยังไง พวกเขาแค่เอาข้าวลงไปต้มในน้ำเดือดแล้วใส่เครื่องปรุงเท่านั้นเอง”

เฉาส่าน*[1]เป็นเขตหนึ่งในมณฑลทางใต้ ซึ่งมีผู้ชื่นชอบอาหารทะเลและอาหารดองแพร่หลาย

“พวกเรามาที่นี่เป็นครั้งแรก และยังไม่รู้ว่าเราแพ้อาหารทะเลชนิดไหนบ้าง ดังนั้นอดทนกินของแบบนี้ไปก่อนนะ”

อาเซียงฟังและพยักหน้าอย่างครุ่นคิด “เข้าใจแล้วค่ะ”

นี่เป็นการเดินทางไกลครั้งแรกของเธอ และมันก็เหมือนกับที่พ่อพูดไว้ ทุกอย่างเป็นสิ่งแปลกใหม่

หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อย มันก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มตรง

เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “พี่จะพาเธอไปที่ตลาดกลางคืนในเมืองกว่างโจวนะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น อาเซียงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดว่า “พี่เซี่ยคะ พี่มาที่นี่ครั้งแรกจริง ๆ เหรอ ทำไมฉันรู้สึกว่าพี่คุ้นเคยมากกับที่นี่เหลือเกิน ตอนอยู่ที่สถานีรถไฟเมื่อบ่ายนี้ พี่ก็พูดภาษาท้องถิ่นกับสองคนนั้นใช่ไหมคะ ฉันไม่เข้าใจเลยสักคำ”

ยิ่งกว่านั้นเธอสัญญาว่าจะดูแลเซี่ยชิงหยวนอย่างดี แต่ทำไมมันถึงกลายเป็นเซี่ยชิงหยวนดูแลเธอเสียอย่างนั้นเล่า?

เมื่อเซี่ยชิงหยวนได้ยินอีกฝ่ายพูดอย่างนั้น เธอก็ลอบด่าตัวเองว่าเผยไต๋มากเกินไป จากนั้นหญิงสาวก็ส่งยิ้มตอบ “เธอยังจำประโยคที่พี่สอนก่อนหน้านี้ได้ไหม ตราบใดที่เธอต้องการขึ้นไปอยู่บนที่สูง เธอไม่จำเป็นต้องเป็นคนสร้างตึกสูงด้วยตัวเอง เพียงแค่หมั่นศึกษาหาความรู้มากหน่อย เธอก็สามารถอยู่สูงกว่าคนอื่นได้แล้ว”

อาเซียงพยักหน้าอีกครั้ง “ใช่แล้ว พี่เซี่ยพูดถูกต้องเลย!”

เด็กสาวยังต้องเรียนให้หนักเมื่อเธอเดินทางกลับไป จากนั้นเธอก็ต้องเรียนภาษาจีนกวางตุ้งที่ไม่เข้าใจไว้ด้วย

มีตลาดขายส่งภายในเมืองกว่างโจวช่วงกลางคืน

แม้กระทั่งกลางค่ำกลางคืนแบบนี้ ยังสามารถพบเห็นสินค้าคุณภาพดีซึ่งหลั่งไหลมาจากเมืองท่า และไม่อาจเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ระหว่างวัน

แผงขายของในตลาดค้าส่งกลางคืนปูด้วยผ้าใบกันน้ำผืนใหญ่ ซึ่งด้านบนมีเสื้อผ้าวางกองไว้

เสื้อผ้ามีมากมายหลายแบบ และมีทุกสี

เสื้อผ้าหน้าร้อนซึ่งมีเนื้อผ้าบางจะถูกนำมาจำหน่ายในช่วงเวลานี้ ฉะนั้น เมื่อผู้คนมุงเข้ามากว้านซื้อ แผงขายเสื้อดังกล่าวจึงดูไร้ระเบียบ

เมื่อมองจากระยะไกล มันดูยุ่งเหยิงอย่างมาก

ถึงกระนั้นเสียงร้องเรียกของพ่อค้าแม่ค้าก็น่าประทับใจไม่น้อย

“เสื้อผ้าทุกชิ้น มีราคาเท่ากันหมด!”

“แปดเหมาสำหรับหนึ่งตัว แปดเหมาสำหรับหนึ่งตัว รับประกันว่าคุณจะไม่เสียเงินเปล่าถ้าคุณซื้อมัน คุณไม่ถูกเราหลอกแน่นอน!”

“มาเลือก มาชมได้จ้า เสื้อผ้าลดล้างสต๊อก!”

ตลาดกลางคืนคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาเลือกซื้อเสื้อผ้าทั้งปลีกและส่ง

การเลือกซื้อสินค้าหลากหลายชิ้นก็ไม่เลว แต่ก็มีบางคนแบกถุงกระสอบแล้วหยิบเสื้อผ้าเต็มกำมือ

เซี่ยชิงหยวนมองไปยังร้านข้าง ๆ ที่มีป้ายกระดาษแข็งวางอยู่ บนป้ายเขียนว่าขายเสื้อผ้าตามน้ำหนัก

อาเซียงตกตะลึง “พี่เซี่ย เสื้อผ้าพวกนี้ชั่งน้ำหนักขายกันเหรอคะ?”

เด็กสาวแทบอยากจะถามว่าพวกเธอควรรีบซื้อไหม

พวกคนที่ไปรุมซื้อก็หยิบเสื้อผ้าเร็วเสียจนอย่างกับทางร้านแจกฟรี

เซี่ยชิงหยวนพูดด้วยเสียงต่ำ “เสื้อผ้าที่ชั่งน้ำหนักขายส่วนใหญ่ คุณภาพจะไม่ค่อยดี นอกจากนี้มันอาจจะปะปนกับเสื้อผ้ามือสองซึ่งไม่ต่างกับขยะที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ และเวียนมาขายที่ตลาดแห่งนี้ด้วย”

แต่ข้อดีของเสื้อผ้าประเภทนี้ก็มีอยู่เหมือนกัน เสื้อผ้าที่นำเข้ามาจะมีรูปแบบแปลกใหม่และเนื้อผ้าดี ดังนั้นเสื้อผ้าประเภทนี้จึงขายออกได้ง่าย

อาเซียงพยักหน้าด้วยความเข้าใจที่คลุมเครือ จากนั้นติดตามเซี่ยชิงหยวนอย่างใกล้ชิด ขณะเฝ้าดูอยู่เงียบ ๆ

เนื่องจากเธอมาซื้อสินค้าที่นี่ เซี่ยชิงหยวนจึงต้องการจะหารูปแบบและคุณภาพที่ดีกว่า

ไม่อย่างนั้น ถ้าหญิงสาวแค่ต้องการซื้อเสื้อผ้ามากมายไปขาย เธอคงไม่ต้องถ่อมาไกลขนาดนี้

เซี่ยชิงหยวนลอบพิจารณาเสื้อผ้าตามร้านต่าง ๆ ในขณะที่เปรียบเทียบกับร้านขายเสื้อผ้าในเมืองเตียนเฉิง

ต้องบอกว่า เมืองกว่างโจวเป็นเมืองแนวหน้าทางด้านแฟชั่นของประเทศอย่างแท้จริง

ที่นี่เริ่มขายเสื้อผ้านอกฤดูกันแล้ว ซึ่งบางตัวคนเตียนเฉิงอาจจะยังไม่เคยได้สวมใส่ และชาวบ้านส่วนใหญ่ในเมืองเตียนเฉิงจะใส่ชุดเก่าที่เป็นกระแสเมื่อสองสามปีที่แล้วอยู่เลย

นั่นเป็นเพราะการคมนาคมที่ไม่สะดวกและความเฉพาะเจาะจงของที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ทำให้มณฑลอวิ๋นทั้งหมดล้าหลังกว่ามณฑลที่พัฒนาแล้วบางแห่งไปหลายก้าว

เธอยังได้ยินคำพูดสองสามคำจากเสิ่นอี้โจวว่าตอนนี้เมืองเตียนเฉิง วางแผนที่จะพัฒนาการท่องเที่ยวและการเกษตร

มณฑลอวิ๋นสามารถใช้ประโยชน์จากทัศนียภาพที่สวยงามและข้อได้เปรียบของการเพาะปลูกทางการเกษตรในการพัฒนาตัวเองได้

แต่ถึงอย่างนั้น จากปัจจัยทั้งสองประการนี้ สิ่งแรกที่ต้องทำคือต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ดี

เซี่ยชิงหยวนพาอาเซียงเดินไปตามตลาดกลางคืนเรื่อย ๆ จนกระทั่งเธอเจอเสื้อผ้าบนแผงลอยที่ดึงดูดความสนใจของเธอได้

แม้จะมีเสื้อผ้ากองโตวางอยู่หน้าแผงขายของ แต่เสื้อผ้าส่วนใหญ่ก็ถูกคัดแยกและคลี่ออก

ด้านหลังร้านมีชั้นวางขนาดใหญ่ ซึ่งเต็มไปด้วยเสื้อผ้าที่รีดและแขวนไว้อย่างเรียบร้อย

เสื้อผ้าในร้านนี้เอาชนะใจเซี่ยชิงหยวนได้อย่างแท้จริง

เธอเดินเข้าไปและกำลังจะถามราคา แต่กลับมีเสียงกรีดร้องและสาปแช่งจากทางด้านข้าง

จากนั้นฝูงชนก็เริ่มตื่นตระหนกและบางคนยังพยายามผลักเซี่ยชิงหยวนและอาเซียงต่อไป

พวกเธอถูกฝูงชนกระแทกไหล่จนเกือบล้ม

นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

[1] เขตเฉาส่าน คือ แหล่งซึ่งรวบรวมวัฒนธรรมดั้งเดิมทางทิศตะวันออกของมณฑลกวางตุ้ง

********************************

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน