กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 199 ผมจะกินคุณก่อน

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 199 ผมจะกินคุณก่อน

บทที่ 199 ผมจะกินคุณก่อน

เซี่ยชิงหยวนขยับร่างกายของเธออย่างไม่สบายใจ “แม่กับอี้หลินยังไม่นอนเลยนะ”

ฝ่ามือใหญ่ของเสิ่นอี้โจวโอบเอวเรียวของเธอและเกยคางของเขาบนไหล่ของหญิงสาวทางด้านหลัง “ไม่เป็นไร เวลาที่ผมอยู่ในห้องหนังสือ พวกเขามักจะไม่เข้ามาอยู่แล้ว”

ลมหายใจร้อนชื้นรดต้นคอพลางแนบชิดใบหู ทำให้เธอต้องถอยหนี

เธอต้องการที่จะลุกขึ้น “มันจะไม่ดีนะถ้าพวกเขามาหาคุณน่ะ”

เสิ่นอี้โจวโอบเอวของเธอและกดให้แผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าแนบชิดเข้ากับร่างแกร่งของเขา พร้อมแย้มยิ้มออกมา ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงนุ่มนวลออกมา “เอาล่ะ รีบเขียนสิ”

หลังจากเขาพูดเช่นนั้น มือใหญ่ก็หยิบปากกาบนโต๊ะพร้อมวางบนฝ่ามือของเธอ “เอาสิ”

เซี่ยชิงหยวนรู้ว่าเขาจะไม่ปล่อยเธอไปจนกว่าจะเขียนเสร็จ

เธอไม่มีทางเลือกอื่นเสียนอกจากจับปากกา เปิดสมุดบัญชี และเริ่มบันทึกรายรับของสองวันที่ผ่านมา

เมื่อวานขายเสื้อผ้าได้ทั้งหมด 116 ชิ้น และรายได้สุทธิหลังจากหักต้นทุนแล้วคือ 391 หยวน!

เมื่อรวมกับเมื่อวาน 252 หยวน กำไรสุทธิในสองวันของเธอคือ 643 หยวน!

ร่างกายของเซี่ยชิงหยวนเริ่มร้อนขึ้น

เธอรู้ว่ารายได้ที่ดีจากการขายเสื้อผ้าในครั้งนี้ส่วนใหญ่มาจากประสบการณ์หลายปีในงานอุตสาหกรรมเสื้อผ้าในชาติที่แล้วของเธอ และความจริงที่ว่าเตียนเฉิงไม่ค่อยเจอเสื้อผ้าที่กำลังนิยมแบบทางภาคใต้ นี่เลยเป็นโอกาสแรกที่เธอคว้าด้วยประสบการณ์สองชาติของเธอ

เมื่อตลาดเสื้อผ้าที่นี่เติบโตเต็มที่และอุปทานค่อย ๆ อิ่มตัว ธุรกิจขายเสื้อผ้าของเธอคงจะไม่เป็นที่นิยมอีกต่อไป

แค่เธอมั่นใจและไม่รีบร้อน

ในเวลาไม่ถึงงครึ่งปี พวกเขาจะไปที่เมืองหลวงของมณฑล

….

เซี่ยชิงหยวนต้องการที่จะบอกเสิ่นอี้โจวเรื่องรายได้ของสองวันที่ผ่านมาอย่างมีความสุข ดังนั้นเธอจึงหันศีรษะ ไม่ทันใดริมฝีปากของเธอก็ถูกปิด

เธอชะงักทันที

เธอต้องการอธิบาย “ฉัน… อื้ม!”

ทันทีที่เธออ้าปากพูด เขาก็ปิดปากเธอด้วยอวัยวะเดียวกัน

เขาจับหลังศีรษะของเธอและมอบจุมพิตอย่างลึกซึ้ง

ศีรษะของเซี่ยชิงหยวนเอียงไปข้างหลัง โชคดีที่กล้ามเนื้อและกระดูกของเธอยังอ่อน ดังนั้นร่างกายของเธอจึงสามารถโค้งงอได้บราวนี่ออนไลน์

เพื่อรองรับเธอ เสิ่นอี้โจวก็ค่อย ๆ จับร่างของเธอหันหน้าเข้าหาตัวเขาจากเดิมที่เธอนั่งหันข้างให้เขาอยู่

เธอเกาะไหล่ของเสิ่นอี้โจวไว้ และนิ้วมือเล็ก ๆ ของเธอจกำปกเสื้อของเขาด้วยมือที่ปัดป่ายยุ่งเหยิง

จากนั้นเธอก็กัดเขาทันพลัน

หญิงสาวได้ยินเพียงเขาพูดว่า “ตั้งสติหน่อย”

เซี่ยชิงหยวนคว้าเนื้อนุ่มรอบเอวของเขา ขนตาของเธอสั่นไหว “ได้เวลากินแล้ว”

เสิ่นอี้โจวกัดฟันขืนความจั๊กจี้ที่เธอทำไว้ และกล่าวว่า

“ไม่ต้องห่วง ผมจะกินคุณก่อน”

ฝ่ามือใหญ่ที่ด้านหลังของเธอออกแรงดึงให้ร่างนวลซบอกแกร่งอีกครั้ง

เซี่ยชิงหยวนเงียบไปชั่วขณะ “…”

เมื่อหญิงสาวได้ยินสิ่งนี้

เธอตบหน้าของเสิ่นอี้โจวด้วยความตกใจเบาๆ จากนั้นก็เตรียมลุกหนี

เสิ่นอี้โจวได้แต่กุมใบหน้าที่เซี่ยชิงหยวนตบ “…”

จากนั้นเขาดึงมือของเธอมา พลางมอบจูบที่หลังมือของหญิงสาว แต่สายตายังคงจับจ้องเธอไม่วางตา “เอาล่ะ เราเริ่มกันเถอะ”

ตอนนี้ใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนแดงก่ำมากพออยู่แล้ว เธอรีบดึงมือออกทันที “ฉันจะออกไปแล้ว”

เธอรีบเปิดประตูแล้วเดินจากไป ส่วนเสิ่นอี้โจวทำเพียงเช็ดริมฝีปากด้วยนิ้วหัวแม่มือ

ริมฝีปากของเขาที่แต่เดิมชุ่มชื้นกลับมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น

เขายืนขึ้น จัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและเดินตามออกไป

เสิ่นอี้หลินซึ่งกำลังเดินตามหลังเซี่ยชิงหยวน ก็หันศีรษะไปมองที่เสิ่นอี้โจวขึ้นมาอย่างฉับพลัน

แต่หลังจากพบกับการจ้องมองของเสิ่นอี้โจว เด็กชายก็รีบกุลีกุจอหันหน้าหนีไม่กล้ามองอีก

นับตั้งแต่ที่เขาบังเอิญเข้าไปในห้องของพี่ชายกับพี่สะใภ้ และเผลอไปขัดจังหวะคู่รักที่กำลังจูบกัน เสิ่นอี้โจวจึงเคยนำตัวเขาออกไปเพื่อให้ ‘ความรู้’

ดังนั้นไม่ว่าเสิ่นอี้โจวและเซี่ยชิงหยวนจะอยู่ด้วยกันที่ใด เสิ่นอี้หลินก็ไม่กล้าเข้าไปโดยไม่เคาะประตูอย่างเด็ดขาด

ไม่สิ อย่าเข้าไปดีกว่าถ้าไม่จำเป็น

วันนี้เสิ่นอี้โจวอารมณ์ดี เขาขดริมฝีปากและเดินไปที่โต๊ะอาหารด้วยกัน

ส่วนเซี่ยชิงหยวนก็อารมณ์ดีตลอดในสองวันมานี้

ไม่เพียงแต่อาหารใหม่ ๆ ในร้านตรอกเก่าที่ได้รับความนิยมเท่านั้น แต่เสื้อผ้าที่เอาไปขายตรงโรงงานน้ำและโรงงานน้ำตาลก็กำลังเฟื่องฟูเช่นกัน

แม้ว่าจะไม่ได้รับความนิยมเท่าวันแรก แต่ก็สามารถขายได้เฉลี่ยสามสิบหรือสี่สิบตัวทุกวัน

ควบคู่ไปกับการขายมากกว่าหนึ่งโหลต่อวันที่ร้านตรอกเก่า กำไรสองร้อยหยวนต่อวันจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแน่นอน

ในเวลาเช้าตรู่เมื่ออาเซียงมาส่งผัก เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “วันนี้เราไปที่โรงงานบุหรี่กันเถอะ”

โรงงานบุหรี่อยู่ไกลกว่าโรงงานน้ำ แต่ค่าจ้างของคนงานในโรงงานบุหรี่สูงกว่ามาก ดังนั้นเสื้อผ้าจะขายดีแน่นอน

อาเซียงตอบตกลงทันที “ตกลงค่ะ”

วันนี้เธอนำผลไม้ที่ปลูกที่บ้านมาด้วย หญิงสาวหยิบขนุนที่มีน้ำหนักมากกว่าสิบจินออกมาจากตะกร้าไม้ไผ่ “พี่เซีย ขนุนที่ปลูกที่บ้านของฉันสุกแล้ว และพ่อขอให้ฉันเลือกสองลูกมาให้พี่ชิมน่ะค่ะ”

จากนั้นเธอก็หยิบขนุนอีกลูกออกมา “ลูกหนึ่งเป็นขนุนเปียก ส่วนอีกลูกเป็นขนุนแห้ง”

เซี่ยชิงหยวนปฏิเสธโดยไม่ลังเล “พวกเธอต้องทำงานหนักมากเพื่อปลูกมัน เพราะงั้นเอาไปขายเถอะ ถ้าพี่ต้องการกินมัน พี่จะซื้อมันจากเธอเอง”

อาเซียงหยิบขนุนวางลงบนพื้นโดยตรง “นี่ไม่มีค่าอะไรมากหรอกค่ะ ถ้าฉันให้พี่จ่ายค่าขนุนทุกลูก นั่นจะไม่ดูว่าฉันเป็นคนไม่มีน้ำใจเหรอพี่เซี่ย”

เธอปาดเหงื่อจากหน้าผาก “ที่บ้านฉันมีตั้งสองต้น พอออกผลมันก็มีเยอะ ขนุนพวกนี้สุกเร็วจนขายไม่ออกเชียวค่ะ”

พูดจบก็หยิบขนุนออกมาอีกสองลูกเล็ก ๆ “สองลูกนี้สำหรับพี่สาวเพ่ยหลาน”

อาเซียงเป็นคนมีน้ำใจ ของต่าง ๆ นอกจากมอบให้เซี่ยชิงหยวนแล้ว เธอมักจะนำอีกส่วนมาให้คนอื่นด้วยเป็นส่วนใหญ่ด้วย

ตอนนี้เจียงเพ่ยหลานไม่เพียงแต่มีงานที่มั่นคงทำ แต่เธอยังสามารถนำของกลับบ้านได้เป็นครั้งคราว พี่สะใภ้ของเธอปฏิบัติต่อเธอดีขึ้นทุกวัน

ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นทำให้เธอตัดสินใจว่าเมื่อหาเงินได้อีกหน่อยจะพาลูกสาวแยกออกมาอยู่ด้วยกัน

แต่เจียงเพ่ยหลานยังคงปฏิเสธ “ปกติเธอก็ให้อะไรฉันมากมายอยู่แล้ว ฉันรับไม่ได้อีกแล้วล่ะ”

อาเซียงกล่าวว่า “พ่อของฉันบอกว่า พวกเราชาวไร่ไม่มีของดีอะไรมากมาย เลยให้ได้แค่เท่านี้ ตราบใดที่พวกพี่ชอบ พวกเราก็ยินดีให้ค่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ยิ้มและพูดว่า “ในเมื่ออาเซียงพูดแบบนี้ เราก็ยอมรับกันเถอะ”

เธอตบหลังมือของอาเซียงและเจียงเพ่ยหลาน “เธอสองคนคือมือขวาของฉัน ตราบใดที่เราทำงานหนัก เราจะมีชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอน”

ทั้งสามคนประสานมือกันแล้วหัวเราะ “ทุกคนมาทำงานหนักด้วยกันเถอะ!”

เซี่ยชิงหยวนไปร้านขายหมูหลังจากทำความสะอาดร้านตรอกเก่าเสร็จในตอนเช้า

หมูต้มกับซอสกระเทียมที่ทำเมื่อวานได้รับความนิยมอย่างมากและขายหมดอย่างรวดเร็ว

คนแถวหลังแทบจะทะเลาะกันเพื่อแย่งหมูต้มกับซอสกระเทียมด้วยซ้ำ

เซี่ยชิงหยวนสัญญากับพวกเขาว่าเธอจะทำมากกว่าเดิมในวันรุ่งขึ้น

ในขณะเดียวกันเธอก็มีความคิด

นอกจากหมูต้มกับซอสกระเทียมแล้ว เธอยังสามารถทำฟูชีเฟ่ยเพี่ยน* ได้อีกด้วย

ถ้าใช้ปอดหมูและหัวใจหมูในการทำ ไม่เพียงแต่ทำให้รสชาติเข้มข้นขึ้น แต่ยังประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย

เมื่อเถ้าแก่ร้านหมูเห็นเธอเดินเข้ามา เขาก็ยิ้มร่าและพูดว่า “ทุกอย่างพร้อมแล้ว”

จากนั้นเขาก็ยกของที่เธอสั่งเอาไว้ขึ้นมา มีทั้งเนื้อและเครื่องในจำนวนมากลงบนเขียง

เถ้าแก่พูดว่า “ตามที่คุณบอก วันนี้ผมเก็บหมูสามชั้นให้คุณแปดจิน และยังมีปอดหมูกับหัวใจหมูด้วย ผมจะชั่งน้ำหนักให้อีกครั้งนะ”

เขาพูดพลางจัดการกับเนื้อหมู

เถ้าแก่คนนี้มีร่างอ้วนท้วนไปด้วยไขมันแต่ก็แข็งแรงมาก ด้วยพละกำลังที่ดีของเขา เขาสามารถถือเนื้อที่มีน้ำหนักเกือบสิบจินไว้ในมือได้โดยไม่สั่นไหวเลย

เซี่ยชิงหยวนชำเลืองมองแผงขายข้าง ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ และพบว่ามีหลายคนกำลังขนเนื้อหมูขึ้นรถบรรทุก

เซี่ยชิงหยวนไม่รู้จักบุคคลเหล่านั้น แต่เธอจำหมายเลขทะเบียนรถได้ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นรถของศาลากลาง

เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวนเฝ้าดูอยู่ เถ้าแก่ก็พูดว่า “ศาลากลางกำลังซื้อของที่แผงถัดไปอยู่น่ะครับ”

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “อ้อ”

ขณะที่เธอกำลังจะถอนสายตากลับ เธอบังเอิญเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาท่ามกลางเสียงเร่งเร้าของผู้ชายหลายคน

เมื่อผู้หญิงคนนั้นลงจากรถ ปรากฏว่าเป็นจางอวี้เอ๋อนั่นเอง!

* ฟูชีเฟ่ยเพี่ยน (夫妻肺片) เป็นอาหารเสฉวนที่ขึ้นชื่อ เป็นเครื่องในสัตว์ในน้ำพริกแบบเสฉวน

********************************

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด! หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต ปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท