ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 27 รักแรกของเฉินเจียเหอคือใคร

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 27 รักแรกของเฉินเจียเหอคือใคร

ตอนที่ 27 รักแรกของเฉินเจียเหอคือใคร

ทักษะการตัดผมของเธอสามารถหาเงินได้ค่อนข้างง่าย

แต่เป็นเรื่องยากที่คนในหมู่บ้านจะหาเงินมาจ่ายได้

แม้จะคิดค่าตัดผมเพียงห้าเหมา แต่เธอก็เขินอายเกินกว่าจะรับเงินจากคนอื่น

การสร้างรายได้จากการตัดผมก็เป็นทางเลือกหนึ่ง แต่ปัญหาสำคัญคือเธอไม่มีอุปกรณ์ที่จำเป็น

ถ้าเธออยู่ในเมืองตลอดทั้งเดือนสิบสอง คงมีผู้หญิงจำนวนมากมาทำผมเพื่อเตรียมพร้อมรับเทศกาลปีใหม่

หากเธอมีอุปกรณ์ เธอคงสร้างรายได้มหาศาลเพียงแค่ให้บริการทำผมกับเหล่าสหายหญิง

หลินเซี่ยครุ่นคิดตลอดทาง โดยพยายามหาวิธีคว้าโอกาสก่อนปีใหม่เพื่อหารายได้พิเศษ

เธอพาหู่จือกลับบ้านพร้อมขนมสีสันสดใสจำนวนหนึ่ง และขอให้เขาแบ่งปันขนมเหล่านั้นกับผู้อาวุโส

แต่เนื่องจากโจวลี่หรงอยู่ในบ้าน หู่จือจึงไม่อยากไป

หลินเซี่ยถามคำเบา “หู่จือ ทำไมเธอถึงกลัวคุณย่าขนาดนั้นล่ะ? คุณย่าเป็นคนดีมากเลยนะ”

ไม่ว่าโจวลี่หรงจะเป็นแม่สามีที่ดีหรือไม่ก็ตาม แต่หลินเซี่ยยังคงต้องนำเสนอหล่อนในแง่บวกต่อหน้าเด็ก ๆ

หู่จือตอบเสียงเย็นชาอย่างดื้อรั้น “คนดีที่ไหนกัน? หล่อนดุร้ายยังกับแม่มดเฒ่า ย่าของเด็กคนอื่นไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย”

คุณย่าของเด็ก ๆ ในหมู่บ้านต่างก็เป็นหญิงชราใจดี

คุณย่าทุกคนควรให้ทุกสิ่งที่หลานต้องการ

ซึ่งไม่เหมือนคุณย่าของเขา ที่มักทำหน้านิ่วคิ้วขมวดตลอดเวลา

ขณะที่เฉินเจียเหอกำลังเผาเตียงเตา หู่จือก็ยัดขนมเข้าไปในปากของเขา

เมื่อเห็นโจวลี่หรงออกจากห้องครัว หลินเซี่ยก็โบกมือให้หู่จือเป็นสัญญาณให้เขาแบ่งปันบางส่วนแก่โจวลี่หรง

หู่จื่อทำได้เพียงเดินไปหาอีกฝ่ายอย่างกล้าหาญ

“คุณย่า ขนมนี้ผมให้”

สีหน้าของโจวลี่หรงเคร่งขรึม มองดูขนมถั่วตัดในมือเล็กที่กลายเป็นสีแดงจากความหนาวเย็นของหู่จือ หยุดชะงักครู่หนึ่งและตอบว่า “ย่าไม่ชอบขนม เธอกินเถอะ”

“ครับ”

หู่จือวิ่งเข้าไปในบ้านอีกครั้ง ก่อนนำขนมไปให้คุณปู่ทวดและคุณย่าทวด

เขาเพิ่งออกมาจากห้องหลัก เสิ่นเสี่ยวเหมยที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวออกมาจากที่ไหนไม่ทราบ หล่อนมองดูหู่จือและพูดเสียงเบา “หู่จือ รู้ไหมว่าการกินขนมราคาถูกพวกนี้ไม่ดีต่อสุขภาพ”

หู่จือชะงัก “???”

เขาไม่รู้ว่ามันดีต่อสุขภาพหรือไม่ เขารู้เพียงว่าขนมถั่วตัดอันนี้รสชาติอร่อย

เสิ่นเสี่ยวเหมยยังคงสร้างความร้าวฉานต่อ “อย่าถูกกระสุนเคลือบน้ำตาลของคนบางคนหลอกเอาได้ พวกเขาใช้เงินไม่กี่เหมาเพื่อล่อลวงเธอ บางคนอาจจะมุ่งร้ายโดยปฏิบัติกับเธอเหมือนสมบัติต่อหน้าคนอื่น แต่ใครจะรู้ คนเหล่านั้นอาจทำร้ายเธอในอนาคตก็ได้”

หลังจากได้ยินสิ่งที่เสิ่นเสี่ยวเหมยพูด หู่จือหันมองหลินเซี่ยด้วยท่าทางสับสน

แม่เลี้ยงใจร้ายจงใจทำดีกับเขาเฉพาะเวลาที่อยู่ในบ้านย่าทวดจริงหรือ?

เมื่อเห็นว่าคำพูดของหล่อนส่งผลต่อหู่จือ เสิ่นเสี่ยวเหมยก็ไม่ลืมที่จะขยับเข้าไปใกล้ “เมื่อเรากลับไปเมืองไห่เฉิง อาสะใภ้รองจะซื้อลูกอมช็อกโกแลตให้เธอเอง เธอรีบคายขนมในปากออกมาเร็วเข้า ก่อนที่ยาพิษจะเข้าสู่ร่างกาย”

หู่จือตอบกลับ “ขนมนี่อร่อยมาก ผมกินไปหลายอันแล้ว ไม่มีอันตรายแน่นอน”

แม่เลี้ยงของเขาก็กินเข้าไปเช่นกัน หากมันมีพิษจริง เธอก็คงไม่กิน

“นี่มันกลิ่นอะไรกัน? ทำไมถึงเหม็นหึ่งขนาดนี้?” หลินเซี่ยยกมือขึ้นปิดจมูก ขณะมองเสิ่นเสี่ยวเหมยพลางกล่าวเย้ยหยัน “ที่แท้ก็เป็นกลิ่นของปัสสาวะ เหม็นจนแทบอ้วก”

เธอจับมือเล็กของหู่จือและพูดว่า “นี่ หู่จือ กลับเข้าห้องกันเถอะ”

“หลินเซี่ย แกกลับมาเดี๋ยวนี้นะ”

หลินเซี่ยเพิ่งสาดปัสสาวะใส่หล่อนในวันนี้ หล่อนจึงรอโอกาสที่จะเอาคืน

หลินเซี่ยลากหู่จือเข้าไปในห้อง หู่จือเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยความขุ่นเคือง “แม่เลี้ยง คิดจะทำร้ายผมเหรอ?”

หลินเซี่ยมองเขาและตอบกลับอย่างจริงจังว่า “ไม่มีทาง แต่หากเธอทำผิดในอนาคต ฉันยังคงต้องลงโทษเพื่อมอบบทเรียนแก่เธอ”

หู่จือขมวดคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งนี้

เธอมองหู่จือและถามว่า “ถ้าเพื่อนของเธอทำผิด พ่อแม่ของพวกเขาจะดุด่า หรือแม้กระทั่งตีก้นลงโทษใช่ไหม?”

“ใช่” หู่จือพยักหน้า

หลินเซี่ยกล่าว “เธอเองก็เช่นเดียวกัน หากในอนาคตเธอทำผิด และพ่อของเธอไม่อยู่บ้านเพื่อลงโทษเธอ ฉันจะเป็นคนลงโทษเธอแทนเขาเอง บอกไว้ก่อนว่าฉันตีแรงมาก”

“จากนี้ไป เธอจะได้รับการปฏิบัติเหมือนกับเด็กคนอื่น”

หู่จือยังคงมีท่าทางสับสน

เขาจะได้รับทุกอย่างแบบที่เด็กคนอื่นมีจริงหรือ?

หลินเซี่ยไม่แน่ใจว่าหู่จือจะเข้าใจสิ่งที่เธอหมายถึงหรือไม่

แต่เฉินเจียเหอที่กำลังเผาเตียงเตานั้นเข้าใจมันอย่างชัดเจน

เขาหยุดชะงักเล็กน้อย ทบทวนคำพูดของหลินเซี่ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า หัวใจเย็นเยียบของเขาคล้ายกับกำลังล่องลอยไปตามสายลมอันอบอุ่น…

พรุ่งนี้เฉินเจียซิ่งและเสิ่นเสี่ยวเหมยจะเดินทางกลับเมืองไห่เฉิง ตอนเย็นแม่เฒ่าโจวจึงไปเก็บลูกพลับที่ปลูกเองถุงหนึ่ง

นางพูดกับเฉินเจียซิ่งว่า “เจียซิ่ง เอานี่กลับไปด้วยสิ เจียวั่งชอบกิน”

“คุณยาย ไม่ต้องให้เยอะหรอกครับ การเดินทางค่อนข้างลำบาก”

เฉินเจียซิ่งคิดว่ามันลำบากมากอยู่แล้วที่จะเบียดเสียดกับผู้คนบนรถไฟ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากนำของติดตัวไปด้วย

แต่แม่เฒ่าโจวยืนกรานที่จะยัดมันลงในกระเป๋าของเขา

“ติดกระเป๋าไปเถอะ แล้วเอาไปให้เจียวั่ง”

“คุณยาย ทำไมลำเอียงแบบนี้ล่ะ ผมไม่เห็นยายให้อะไรผมมาก่อนเลย”

เฉินเจียซิ่งบ่นอย่างไม่พอใจ

แม่เฒ่าโจวไม่ได้โกรธเมื่อได้ยินคำบ่นของเขา และตอบกลับอย่างใจเย็น “ก็หลานจู้จี้จุกจิกมาตั้งแต่เด็ก ถึงจะให้ไปหลานก็ไม่เอาอยู่ดี”

ในตอนเช้า ก่อนที่เฉินเจียซิ่งและเสิ่นเสี่ยวเหมยจะออกเดินทาง พวกเขาบังเอิญเห็นหลินเซี่ยที่เพิ่งตื่นและเดินออกมาลานบ้าน

ท้ายที่สุดเสิ่นเสี่ยวเหมยอดไม่ได้ที่จะพูดจากระแนะกระแหนกับอีกฝ่าย

“หลินเซี่ย อย่าลำพองใจไปหน่อยเลย เมื่อไหร่ที่แกติดตามเฉินเจียเหอกลับเมืองไห่เฉิง แกไม่มีทางเข้าประตูตระกูลเสิ่นแม้แต่ก้าวเดียว”

หลินเซี่ยกำลังหาวขณะมือข้างหนึ่งถือสุ่มไก่ ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดเหล่านั้นของเสิ่นเสี่ยวเหมยแม้แต่น้อย “ฉันแต่งงานกับเฉินเจียเหอแล้ว เขามีงานทำและมีบ้าน ทำไมฉันถึงต้องไปบ้านตระกูลเสิ่นด้วย?”

“ทำพูดดีไปเถอะ”

“จะบอกแกให้เอาบุญ รักแรกของเฉินเจียเหอกลับมาแล้ว และหล่อนกำลังรอเขาอยู่ที่เมืองไห่เฉิง”

เสิ่นเสี่ยวเหมยจากไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ตั้งตารอด้วยความคาดหวังว่าหลินเซี่ยจะถูกทิ้งหลังจากที่ติดตามเฉินเจียเหอกลับเมืองไห่เฉิง

นั่นน่าตื่นเต้นกว่าเป็นไหนๆ

หลินเซี่ยยืนอยู่ในลานบ้าน เมื่อสายลมพัดผ่าน จิตใจของเธอก็ปลอดโปร่งขึ้นมาก

รักแรกของเฉินเจียเหองั้นเหรอ?

รักแรกของเขาคือใครกัน?

ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลยในชีวิตก่อน

ทันทีที่เฉินเจียซิ่งและเสิ่นเสี่ยวเหมยจากไป บ้านก็เงียบลงอย่างมาก

วันนี้เป็นวันที่ยี่สิบสามเดือนสิบสองตามจันทรคติ วันปีใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว แต่พวกเขายังไม่ได้ซื้อของเข้าบ้านเลย

ในตอนเช้า เอ้อร์เลิ่งวิ่งมาบอกว่าวันนี้ครอบครัวของพวกเขาจะฆ่าหมู เขาจึงขอให้เฉินเจียเหอพาหลินเซี่ยและหู่จือไปกินเนื้อหมูที่บ้าน

เมื่อหลินเซี่ยได้ยินเรื่องการฆ่าหมู ขนทั้งตัวเธอก็ลุกตั้งชัน เธอไม่เพียงแค่กลัวการฆ่าหมูเท่านั้น แต่ยังมีบาดแผลทางจิตใจอย่างลึกซึ้งต่อคนที่เชือดหมูด้วย เธอรับมือกับฉากนองเลือดนั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วนับประสาอะไรกับการไปกินเนื้อหมู?

เธอรู้ดีว่ามีคนขายเนื้อหมูเพียงสองคนในหมู่บ้าน นั่นคือหวังต้าจ้วงและลูกชายของเขา เธอจึงแน่ใจว่าหมูของครอบครัวเอ้อร์เลิ่งนั้นจะถูกทั้งสองฆ่าเช่นกัน

เฉินเจียเหอปฏิเสธเอ้อร์เลิ่งกลับ “เราคงไปไม่ได้ นายรีบกลับไปช่วยที่บ้านเถอะ”

เอ้อร์เลิ่งพูดอย่างตื่นเต้นกับหู่จือว่า

“หู่จือ ฉันจะเก็บกระเพาะหมูไว้ให้ แล้วมาเล่นกระเพาะหมูด้วยกันทีหลังนะ”

“ได้ครับ ได้เลย”

หลินเซี่ยซ่อนตัวอยู่ในบ้าน พยายามหาสำลีมาอุดหู

เฉินเจียเหอมองดูหญิงสาวที่กำลังวิ่งหนีด้วยสีหน้าหดหู่เล็กน้อย

ผู้เฒ่าโจวขอให้เฉินเจียเหอถามพ่อของเอ้อร์เลิ่งให้หน่อยว่าเขาพอจะแบ่งขายเนื้อหมูให้ได้ไหม? หากแบ่งมาได้ พวกเขาต้องการซื้อเนื้อหมูจากครอบครัวเอ้อร์เลิ่งสำหรับวันปีใหม่ และไม่ต้องลำบากไปซื้อจากตลาด

เฉินเจียเหอตอบกลับ “คุณตา ไปถามเองแล้วกันครับ ผมมีงานต้องทำอยู่”

หลินเซี่ยกำลังค้นหาสำลีตามกล่องและชั้นต่าง ๆ ทันใดนั้นม่านประตูก็ถูกเปิดออก

เฉินเจียเหอเดินเข้ามา

เขาพูดกับหลินเซี่ยว่า “วันนี้ไปตลาดกันเถอะ”

“ไปตลาดเหรอ?” หลินเซี่ยหยุดพลิกของในชั้น แล้วมองดูเขา

เฉินเจียเหอพยักหน้า “ใช่ ไปซื้อของสำหรับปีใหม่ในเมืองกัน”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

รอเก้อล่ะสิไม่ว่า เซี่ยเซี่ยคนนี้ไม่ตกหลุมพรางเธอหรอกยัยเสี่ยวเหมย

พี่เหออบอุ่นจังเลยค่ะ เหมือนรู้ว่าเซี่ยเซี่ยกำลังกลัว เลยหาทางปลอบ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท