ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 58 นอนกอด

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 58 นอนกอด

ตอนที่ 58 นอนกอด

เธอบอกว่ามันต้องใช้เวลา พวกเขายังคงต้องทำความรู้จักกันเพิ่มขึ้น และเขาไม่สามารถทำให้เธอกลัวได้

อย่างไรก็ตาม หัวใจที่ลุกเป็นไฟของเขาปฏิเสธที่จะเชื่อฟังและทุบตีความมีเหตุผลอย่างแรง ดวงตาเหล่านี้ก็ไม่ได้ถูกควบคุมโดยสมองเช่นกัน

หลังจากหลินเซี่ยล้างตัวแล้วและกำลังจะเทน้ำทิ้ง เฉินเจียเหอพลันลุกขึ้นยืนและคว้าอ่างเดินถือออกไป

ชายหนุ่มออกไปข้างนอกสักพักและยังไม่กลับมา

หลินเซี่ยถอดเสื้อคลุมของเธอออกแล้วเข้านอน

อันที่จริงเธอนอนไม่หลับเหมือนกัน

เธอกับเฉินเจียเหอไม่ใช่คู่รักที่แท้จริง ไม่ว่าจะทางนิตินัยหรือทางพฤตินัย

หากอาการทางจิตยังคงอยู่ ชายคนนี้อาจกลายเป็นคนอื่นสำหรับเธอในอนาคต

เธอสูดหายใจเข้าลึกพลางหลับตาลง และบังคับตัวเองให้จินตนาการว่าได้ใกล้ชิดกับเฉินเจียเหอ

ลองนึกภาพว่าถ้าเขาเข้ามาใกล้ เธอควรจะรู้สึกยินดีและตื่นเต้นในใจ ไม่ใช่ความกลัว

เธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ เริ่มการจินตนาการเพื่อดูว่าเธอจะรู้สึกไม่สบายตัวหรือไม่

ขณะที่พยายามนึกภาพ เธอก็ผล็อยหลับไปเมื่อใดไม่อาจทราบได้

ระหว่างที่เธอหลับ หลินเซี่ยรู้สึกหนาวมากขึ้นเรื่อย ๆ

เธอตัวสั่นและกลิ้งไปข้างหน้าโดยกำผ้าห่มไว้

มือของเธอสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่อบอุ่น จึงรีบซุกตัวเข้าไปกอดแหล่งความร้อนนั้น ในที่สุดเธอก็หายหนาวและหลับลึกอีกครั้งด้วยความพอใจ

แต่คนที่เธอกอดอยู่นั้นตัวแข็งทื่อด้วยความประหม่าและตื่นเต้น จนไม่กล้าขยับตัว

หลังจากที่เฉินเจียเหอตื่นขึ้นมาจากความหนาวเย็น เขาก็ตระหนักว่าเตียงเตานั้นเย็นมาก

ช่วงนี้ไม่มีแสงแดด และมูลวัวก็ยังไม่แห้ง เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเติมมูลวันที่ยังเปียกให้เต็ม ซึ่งทำให้เตียงเตาเริ่มเย็นลงกลางดึก

ขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้นเพื่อหาซังข้าวโพดมาเผา จู่ ๆ ร่างบางด้านข้างที่อยู่อีกฟากหนึ่งของเตียงเตาก็เข้ามากอดตัวเขาแน่น

เขาไม่กล้าขยับตัวและปล่อยให้เธอนอนกอดเขาทั้งคืน

หลายครั้งที่เขาแทบอดใจไม่ไหวที่จะทำอะไรบางอย่าง

แต่เพราะเธอขอเวลาอีกสักพัก เขาจึงไม่กล้าขยับไปไหน เพราะกลัวว่าเธอจะยิ่งรังเกียจเขา

ต่อหน้าคนที่ชอบ ผู้คนมักถ่อมตัวและระมัดระวังมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

เขาทำให้อุณหภูมิบนเตียงร้อนระอุด้วยตัวของเขาเอง

ผู้หญิงที่นอนกอดเขาดูเหมือนชอบใจกับอุณหภูมิขณะนี้มาก เธอกอดเขาแน่นขึ้นและหลับสนิท แล้วยังส่งเสียงพึมพำแผ่วเบา

ในความมืดมิดยามค่ำคืน เฉินเจียเหออดไม่ได้ที่จะลูบหัวของเธอแผ่วเบา

แม้ว่าเธอจะคลานเข้าไปในอ้อมแขนของเขาโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็รู้สึกพึงพอใจมากแล้ว

เมื่อใกล้รุ่งสาง เขาก็ค่อย ๆ ดึงแขนของเธอออก แล้วลุกขึ้นมาเผาเตียงเตา

เขาถือซังข้าวโพดมัดหนึ่ง แล้วยัดเข้าไปในรูของเตียงเตาเพื่อจุดไฟ

หลินเซี่ยนอนหลับจนรุ่งสาง เธอนึกถึงความรู้สึกหนาวเย็นผิดปกติในความฝัน ก่อนจะตระหนักได้ว่าเธอกำลังกอดใครบางคนไว้เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น

แม้ว่าผ้าห่มและเตียงเตาจะเพียงแค่อุ่น แต่เธอยังคงมีเหงื่อออกมากในระหว่างนอนหลับ

แต่ความรู้สึกในความฝันนั้นเหมือนจริงมาก

เป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นเฉินเจียเหอที่เธอกอดไว้ในอ้อมแขนเมื่อคืนนี้?

ทันใดนั้นเฉินเจียเหอก็เดินเข้ามา เธอกอดผ้าห่มมองเขาและถามว่า “เมื่อคืนคุณหนาวไหมคะ?”

“ไม่นะ มันร้อนมากเลย” เฉินเจียเหอตอบด้วยน้ำเสียงที่มีความหมายขณะหันหลังให้เธอ

ไม่ใช่แค่ร้อนธรรมดา แต่ร้อนจนแทบลุกเป็นไฟ

มันเป็นความร้อนแรงจากภายในสู่ภายนอก

หลินเซี่ยตอบกลับ “โอ้”

“คุณล่ะหนาวไหม?” เฉินเจียเหอถามอย่างสบาย ๆ

หลินเซี่ยตอบ

“ฉันไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ บางทีฉันอาจจะฝันไป”

เฉินเจียเหอ “…”

หลังอาหารมื้อกลางวัน โจวเจี้ยนกั๋วและหวังอวี้เสียพาโจวลี่หรงไปเก็บผักบนภูเขาที่พวกเขามักจะไปตอนเด็ก ๆ โดยพยายามรื้อฟื้นความรู้สึกที่เคยมีตอนยังเป็นเด็ก

เฉินเจียเหอพาหู่จือไปตักน้ำ

แม่เฒ่าโจวนั่งอยู่ในลานบ้านและกำลังตำพริกแห้ง

ใส่พริกแห้งลงในครกหิน แล้วใช้สากหินทุบลงไปอย่างแรง

หญิงชราอ่อนแอและทุบได้ช้ามาก ดังนั้นหลินเซี่ยจึงหยิบสากหินมาช่วยตำ

“เซี่ยเซี่ย หลานไปเลี้ยงวัวเถอะ ถ้ายายเหนื่อยเดี๋ยวก็หยุดเอง”

“ไม่เป็นไรค่ะคุณยาย”

หลินเซี่ยตำพริกจนละเอียด แล้วใช้ช้อนตักใส่ลงกระป๋อง

จากนั้นใส่พริกแห้งลงในครกหินแล้วตำต่อ

หลังจากที่ตำเสร็จ หลิวกุ้ยอิงก็มา

“เซี่ยเซี่ย”

“แม่ มาทำอะไรที่นี่คะ?”

หลิวกุ้ยอิงเหลือบมองเข้าไปในลานบ้านและไม่เห็นใคร หล่อนกระซิบบอกว่า “เสี่ยวเยี่ยนถูกหวังต้าจ้วงเรียกตัวออกไป”

เมื่อหลินเซี่ยได้ยินดังนั้น เธอรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่มีเวลาจัดข้าวของด้วยซ้ำ

เธอเทผงพริกจากกระป๋องลงในฝ่ามือที่สวมถุงมือของเธอ กำมันไว้แน่น แล้วเดินตามหลิวกุ้ยอิงออกไป

หลังออกจากบ้านตระกูลโจว หลิวกุ้ยอิงก็พูดด้วยความกังวลว่าหวังจวี๋เซียงได้นำลำไส้หมูมาจากบ้านของหวังต้าจ้วง ทำให้หญิงชรามีความสุขมากและขอให้หลินเยี่ยนคุยกับหวังต้าจ้วง

“เรียกไปคุยที่ไหนคะ?” หลินเซี่ยถาม

“เรียกไปที่ริมป่าละเมาะ”

ป่านี้อยู่ทางทิศตะวันตกสุดของหมู่บ้าน ซึ่งห่างไกลจากบ้านของเฉินเจียเหอ

“ลองไปดูกันเถอะค่ะ”

ในฤดูหนาว ป่าละเมาะเล็กๆ แห่งนี้เต็มไปด้วยลำต้นของต้นไม้เปลือย ทำให้เธอมองเห็นหวังต้าจ้วงและหลินเยี่ยนได้อย่างรวดเร็ว

หวังต้าจ้วงยืนขวางหน้าหลินเยี่ยน ช่างน่าสงสัยว่าเขาพูดอะไรกับเธอ

หลินเยี่ยนก้มศีรษะลงด้วยความกลัวและย่อตัวไปด้านหลังต้นไม้

หวังต้าจ้วงเป็นเหมือนสัตว์ประหลาด ขณะที่หลินเยี่ยนเปรียบเหมือนลูกแกะรอถูกเชือด

หลินเซี่ยพูดกับหลิวกุ้ยอิงว่า “แม่ รอหนูที่นี่นะ เดี๋ยวหนูจะพาเสี่ยวเยี่ยนออกมา”

“ไปด้วยกันสิ”

“ไม่เป็นไรค่ะ แม่ไปรอตรงนั้นเถอะ”

เมื่อหลินเซี่ยเดินเข้าไป เธอก็หยิบไม้ท่อนหนาขึ้นมาจับไว้ หวังต้าจ้วงและหลินเยี่ยนหันหลังให้เธอ พวกเขาจึงไม่ได้สังเกตเห็นการมาถึงของเธอ

เธอเดินเข้าไปหาพวกเขาจากด้านหลัง โดยนำท่อนไม้หนาวางพิงไว้กับต้นไม้

“หวังต้าจ้วง แกกำลังจะทำอะไร?”

หวังต้าจ้วงกำลังเกลี้ยกล่อมหลินเยี่ยน เมื่อเขาได้ยินเสียงบุคคลที่สาม เขารีบหันกลับมาและเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นหลินเซี่ย เขามองใบหน้างดงามของอีกฝ่าย ขณะดวงตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนา

เมื่อเห็นเธอ เขาก็รู้สึกไม่พอใจ และเกลียดเฉินเจียเหอที่แย่งหลินเซี่ยไปจากเขา

หวังต้าจ้วงดึงมือโง่ ๆ ของเขาออกจากเด็กสาว แล้วถามหลินเซี่ยด้วยความโกรธ “เธอมาทำอะไรที่นี่?”

“เสี่ยวเยี่ยน เธอถอยออกไปก่อน” หลินเซี่ยดึงหลินเยี่ยนเข้ามาและออกคำสั่ง

“แต่ว่าเขา…”

หลินเยี่ยนกลัวว่าหวังต้าจ้วงจะรังแกหลินเซี่ย จึงลังเลที่จะจากไป

“ฟังพี่ซะ ออกไปก่อน พี่ขอพูดกับหวังต้าจ้วงสักหน่อย”

หลินเซี่ยผลักหลินเยี่ยนออกไป

หวังต้าจ้วงยืนนิ่งที่เดิม สายตาจับจ้องที่หลินเซี่ยพลางกล่าวเย้ยหยัน “เธออยากพูดอะไรกับฉันเหรอ?”

หลินเซี่ยมองชายตรงหน้าที่ทำให้เธอตกอยู่ในฝันร้ายทั้งสองชีวิต ก่อนมุมปากเธอจะกระตุกเล็กน้อย

“หวังต้าจ้วง ไม่ใช่ว่าคุณสนใจฉันหรอกเหรอ? ทำไมถึงต้องมาไล่ตามน้องสาวของฉันด้วย?”

“ก็เธอไม่ยอมแต่งงานกับฉัน

“โอ้” หลินเซี่ยมองดูใบหน้าของเขา นึกถึงเหตุการณ์ในชีวิตก่อนของเธอตอนที่ถูกกดทับด้วยร่างอ้วนตรงหน้า ฉับพลันร่างกายของเธอก็สั่นสะท้าน

แต่เธอยังคงบังคับตัวเองให้มองดูเขา

อุปสรรคทางจิตใจของเธอ การใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่งอาจได้ผล

ความกลัวกำจัดได้ด้วยการเผชิญหน้า

หวังต้าจ้วงเห็นว่าหลินเซี่ยกำลังมองเขาโดยไม่พูดอะไร เขาพูดขึ้นอย่างสบาย ๆ ว่า “ฉันได้ยินมาว่าแม่ของเฉินเจียเหอไม่อยากให้เธอเข้าไปอยู่ในบ้านของเขา และกำลังทำเรื่องยุ่งยากเพื่อไล่เธอออก ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็พูดถึงเรื่องนี้ และยังบอกว่าคงไม่มีทางเปลี่ยนใจแม่ของเฉินเจียเหอได้ ถ้างั้นทำไมเธอไม่มาแต่งงานกับฉันล่ะ ฉันไม่สนหรอกนะว่าเธอเคยแต่งงานแล้วครั้งหนึ่ง”

เขาอยากจะแต่งงานกับหลินเซี่ยหญิงสาวหน้าตาดีที่เคยแต่งงานมาก่อน มากกว่าถั่วงอกแห้งอย่างหลินเยี่ยน

หลินเซี่ยเติบโตในเมืองใหญ่ รูปร่างดี ผิวขาวละเอียด และดูดีกว่าหญิงสาวในหมู่บ้านเป็นไหน ๆ

ครั้งแรกที่เขาเห็นเธอ เขารู้สึกโลภมากจนตัวสั่นไปหมด ใจนึกอยากสัมผัสผิวขาวนวลและเอวเพรียวบางของเธอ

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

พี่เหอสุภาพบุรุษมากเลยค่ะ ขอให้ข้ามอุปสรรคในใจของเซี่ยเซี่ยได้ในเร็ววันนะคะ

หวังต้าจ้วง หมูตอนอย่างแกนี่แหละจะโดนเชือด เซี่ยเซี่ยเตรียมสู้แล้ว

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท