ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 92 สหายพี่น้องแห่งกรมการรถไฟ

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 92 สหายพี่น้องแห่งกรมการรถไฟ

ตอนที่ 92 สหายพี่น้องแห่งกรมการรถไฟ

พี่สาวจางบอกว่า “ลองฟังความคิดเห็นของเสี่ยวหลินก่อนเป็นไง”

“พวกคุณลองฟังเพลงนี้ดูสิคะ”

หลินเซี่ยกดปุ่มกรอไปข้างหน้า กรอไปจนกว่าจะเจอเพลงที่เธอหมายตา “พวกคุณเคยได้ยินเพลง ‘ความทรงจำสีชมพู’(1) ไหมคะ? ฉันคิดว่าเพลงนี้มีโทนที่เบากว่า และมีจังหวะสนุกสนานตามสมัยนิยม ดูเหมือนเพิ่งออกเทปเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ฉันว่าเพลงนี้มีเสน่ห์ทางดนตรีมาก”

พี่สาวหลิวพูดว่า “ฉันเคยได้ยินเพลงนี้ แต่หาเทปเพลงที่เพิ่งจะซื้อมาไม่เจอซะแล้ว”

“ทุกคนลองฟังดูก่อนค่ะ”

หลังจากฟังเพลงจนจบแล้ว พี่สาวทั้งหลายก็พร้อมใจกันเลือกเพลงนี้เป็นเอกฉันท์

“ถ้าอย่างนั้นเรามาคิดท่าเต้นตามทำนองเพลง แล้วเต้นเพลงนี้กันเถอะ”

“เธอออกแบบท่าเต้นเป็นหรือเปล่า” พี่สาวหลิวถาม

“ฉันไม่รู้ท่าเต้นซับซ้อนมากมาย เอาเป็นว่าเราคิดรูปแบบการขยับเคลื่อนไหวง่าย ๆ ขึ้นมาดีกว่า”

ที่จริงท่าเต้นเดินหน้าถอยหลังก้าวข้างเป็นสี่เหลี่ยมถือว่าง่ายสำหรับคนรุ่นหลัง ที่สำคัญคือได้เคลื่อนไหวร่างกายทุกส่วน

นักแสดงเยอะ จังหวะก็ควรไปทางเดียวกัน พอมีดนตรีประกอบ การแสดงจะยิ่งน่าสนใจ

ประเด็นหลักคือต้องง่ายต่อการจดจำ

ชาติที่แล้วเธอได้คร่ำหวอดอยู่ในวงการบันเทิง แม้จะอยู่เบื้องหลังแต่ก็ได้รับอิทธิพลจากการดูและการฟังมาพอสมควร ทำให้มีความสามารถทางการแสดงไปโดยปริยาย

นอกจากนี้ ผู้ใหญ่และป้า ๆ ในชุมชนก็ชอบเต้นแอโรบิคกันเป็นกิจวัตร โดยเฉพาะเพลง ‘ความทรงจำสีชมพู’ เป็นที่ชื่นชอบมากในหมู่พวกเขา เธอจึงจดจำการเคลื่อนไหวเหล่านั้นได้

แต่เวอร์ชั่นที่คนรุ่นใหม่เต้นกันคือเวอร์ชั่นดีเจรีมิกซ์ พวกหล่อนคงเต้นไม่ได้แน่ มันจะล้ำสมัยเกินไป

“เปิดเพลงวนไปเรื่อย ๆ ก่อนแล้วกัน เผื่อจะคิดอะไรออก”

หลินเซี่ยถาม “เรามีกันทั้งหมดกี่คนคะ?”

“ตอนแรกมีแปดคน แต่ซิ่วฟางไม่มา เดาว่าหล่อนอาจจะไม่เข้าร่วม”

ดีแล้วที่หวังซิ่วฟางไม่เข้าร่วม ไม่งั้นผู้หญิงคนนั้นคงมีปัญหากับเธอแน่

“ฉันจะลองเต้นมั่ว ๆ ดูก่อน”

หลินเซี่ยโชว์สเต็ปของตัวเอง เต้นคลอไปพร้อมกับดนตรี นอกจากการเคลื่อนไหวแบบจัตุรัสแล้ว เธอยังเพิ่มท่าเต้นแบบดิสโก้ยอดนิยมอีกด้วย

แต่เธอไม่ค่อยคุ้นเคยกับจังหวะดิสโก้เท่าใดนัก เมื่อเพิ่มท่าเข้าไปด้วยเลยดูแปลก ๆ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจปล่อยผ่านไป อย่างไรมันก็ไม่เข้ากับสุนทรียภาพในยุคนี้

“ดูดีมาก ดูดีมาก โชคดีที่เธอหุ่นดี ไม่ว่าจะเคลื่อนไหวยังไงก็น่ามองไปหมด” ทันทีที่หลินเซี่ยเริ่มเต้น พี่สาวทั้งหลายก็ปรบมือพร้อมกับชมเชยเธอ

หลินเซี่ยขยับตามเสียงเพลง แล้วเต้นไปจนจบเพลงตามภาพที่เคยเห็นในความทรงจำ

“พี่สาวจาง คุณคิดว่าท่าพวกนี้จะยากเกินไปไหมคะ?”

เธอพูดต่อ “ถ้าไม่ติดขัดอะไร ฉันจะออกแบบท่าเต้นโดยแยกส่วนทีละท่อน วาดลงในสมุดจด แล้วเราค่อยมาฝึกซ้อมกันตามนั้นนะคะ”

การเคลื่อนไหวทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ถ้าเว้นช่วงห่างอาจจะลืม ยุคนี้ยังไม่มีเครื่องอัดวิดีโอ ทำได้เพียงวาดเอาเท่านั้น

“ฉันคิดว่ามันดูง่ายกว่าระบำยางเกออีก ทุกคนว่าไง?”

“ใช่ ฉันเห็นด้วย ระบำยางเกอของพวกเราแข็งทื่อเกินไป เราต้องเลือกเพลงที่มีจังหวะสนุกตามกระแส”

“เสี่ยวหลิน ช่วยเต้นอีกครั้งเถอะ พวกเราจะตั้งใจดู”

“ค่ะ”

หลินเซี่ยถอดเสื้อคลุมของเธอออก แล้วเต้นอีกครั้งตามเสียงเพลง

เนื่องจากยังอยู่ในช่วงมีประจำเดือน ทำให้ขยับตัวเยอะมากไม่ได้

ถึงอย่างนั้นความที่รูปร่างดี การเคลื่อนไหวอ่อนช้อย ก็ทำให้เธอเป็นที่น่าจับตามองมาก

“ว้าว ดูผู้หญิงคนนั้นเต้นสิ”

“เธอสวยชะมัดเลย ฉันเข้าไปทำความรู้จักกับผู้หญิงคนนั้นหน่อยดีกว่า เผื่อโชคดีจีบติด”

ผู้ชายสามคนรวมถึงหู่จือถือกล่องของขวัญเดินเข้ามาจากประตูรั้วของอาคารพักอาศัย พวกเขาต่างอุทานด้วยความตกตะลึงเมื่อเห็นสาวน้อยคนสวยกำลังเต้นอยู่ที่ลานกว้าง

“นั่นพี่สะใภ้”

“นายว่าไงนะ?” หนุ่มหล่ออีกคนมองชายในชุดตำรวจด้วยสีหน้าประหลาดใจ ถามย้ำ “พี่สะใภ้งั้นเหรอ?”

ถังจวิ้นเฟิงพยักพเยิดคางแล้วพูดว่า “ผู้หญิงที่กำลังเต้นอยู่ตรงนั้นก็คือภรรยาที่พี่เฉินพากลับมาจากบ้านเกิดด้วยกันไงล่ะ นายอย่าแย่งเขาเชียวนะ”

หนุ่มหล่อรู้สึกเคอะเขินและละอายใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เมื่อกี้เขาถูกใจเธอจนยั้งปากไม่ทันจริง ๆ

โชคดีที่พี่เฉินไม่อยู่ตรงนี้เลยไม่ได้ยิน

“ไม่มีทางซะหรอก หล่อนเนี่ยนะ?” ชายอีกคนที่มีหนวดเคราประหลาดใจ “เหล่าเฉินมีเมียเด็กขนาดนี้เชียวเหรอ?”

หู่จือร้องบอกด้วยความภูมิใจ “ใช่ครับ หล่อนคือน้าเซี่ยเซี่ยของผมเอง”

“พระเจ้าช่วย เหล่าเฉินไปโชคดีมาจากที่ไหนกันเนี่ย?”

“น้าเซี่ยเซี่ยของผมนอกจากจะสวยมากแล้ว ยังเก่งมากด้วย จากนี้พ่อผมไม่ต้องเป็นโสดอีกต่อไปแล้ว”

หลังจากที่หู่จือพูดด้วยความตื่นเต้น เขาก็เดินนำไปข้างหน้า พาพวกเขาเข้าไปในอาคารพักอาศัยอย่างอารมณ์ดี

“น้าเซี่ยเซี่ย ผมพาแขกมาฮะ” หู่จื่อตะโกนเรียก

หลินเซี่ยที่กำลังสาธิตท่าเต้นให้กับพี่สาวทั้งหลายต้องหยุดชะงักทันทีเมื่อเห็นหู่จื่อ

หู่จือเดินไปหาเธอพร้อมกับชายสามคน พวกเขารีบทักทาย “สวัสดีครับพี่สะใภ้”

“พี่สะใภ้ เราเคยเจอกันแล้วครั้งหนึ่งที่สถานีรถไฟ ผมถังจวิ้นเฟิง ส่วนนี่คือเหล่าฟาง และนี่คือเสี่ยวลู่”

ลู่เจิ้งอวี่ผลักเขาออกไปและพูดด้วยความรังเกียจ “หลีกไป พวกเราไม่ได้เป็นใบ้ แนะนำตัวเองได้”

จากนั้นเขาก็มองหน้าเธอแล้วยิ้ม “พี่สะใภ้ ผมลู่เจิ้งอวี่ครับ อายุยี่สิบห้า เป็นน้องเล็กสุดในหมู่พวกเรา”

ลุงอีกคนที่ไว้หนวดแนะนำตัวเองบ้าง “ฉันชื่อฟางจิ้นเป่า เป็นพี่ใหญ่ของกลุ่ม ฉันควรเรียกพวกเธอว่าน้องชายและน้องสะใภ้ถึงจะถูก”

“สวัสดีค่ะ” หลินเซี่ยตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “เชิญค่ะ เข้าไปในบ้านกันเถอะ”

“พี่สาวจาง ฉันขอตัวไปต้อนรับแขกก่อนนะคะ พวกคุณฟังเพลงกันไปก่อน”

พี่สาวจางพยักหน้า “ได้สิ เอ้า พวกเรา มาฟังเพลงให้คุ้นหูกันเถอะ”

หลินเซี่ยเชิญสหายพี่น้องของเฉินเจียเหอให้เข้าไปในบ้านด้วยกัน

“เชิญนั่งลงก่อนค่ะ ฉันจะไปรินน้ำมาให้พวกคุณ” หลินเซี่ยรีบหยิบจานใส่เมล็ดแตงโมมาให้พวกเขา และรีบรินน้ำสะอาดใส่แก้ว

ฟางจิ้นเปามองดูหญิงสาวที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับงานตรงหน้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโล่งใจ “ผู้หญิงคนนี้ไม่เลวเลย เหล่าเฉินตาแหลมดีจริง ๆ”

ถังจวิ้นเฟิงมองไปที่หญิงสาวผอมเพรียว ใบหน้าอ่อนเยาว์เพราะวัยสาว แต่แล้วสีหน้าของเขาก็ซับซ้อน เธอดูดีก็จริง แต่เธอยังเด็กเกินไป

ที่จริงแล้วเขาอยากให้พี่เฉินลงเอยกับลูกพี่ลูกน้องของเขามากกว่า

ลูกพี่ลูกน้องของเขาอายุน้อยกว่าเฉินเจียเหอแค่สองปี พวกเขาเคยอยู่ในย่านเดียวกันมาก่อน จึงรู้จักกันดี

ถังหลิงมาหาเขาเมื่อไม่กี่วันก่อน ถามซักไซ้ไล่เลียงเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเฉินเจียเหอไปละเอียดยิบ

ถังจวิ้นเฟิงรู้ว่าหล่อนกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เมื่อสถานการณ์ออกมาเป็นแบบนี้ เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้

หลินเซี่ยและหู่จือยกแก้วน้ำมาวางเรียงบนโต๊ะ “ดื่มน้ำก่อนค่ะ”

เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกัน หลินเซี่ยจึงนั่งทำตาปริบ ๆ อยู่อย่างนั้นโดยไม่รู้ว่าจะชวนคุยอะไรดี

ลู่เจิ้งอวี่เปิดฉากถาม “พี่สะใภ้ คุณเป็นคนที่ไหนเหรอ?”

หลินเซี่ยตอบว่า “บ้านเกิดฉันอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับคุณตาของเฉินเจียเหอค่ะ”

“หมายความว่าพวกคุณสองคนเจอกันในหมู่บ้านล่ะสิ?” ลู่เจิ้งอวี่ถามด้วยสีหน้าซุกซน

“เปล่าค่ะ เราเจอกันตั้งแต่ตอนอยู่ที่ไห่เฉิงแล้ว”

เมื่อลู่เจิ้งอวี่ได้ยินแบบนั้น เขาก็ทำหน้าไม่พอใจ “พี่เฉินเจอกับพี่สะใภ้ตั้งแต่ตอนอยู่ในไห่เฉิงแล้ว ทำไมเขาไม่ยอมบอกพวกเราเลยล่ะ? ไม่เห็นเราเป็นพี่น้องแล้วหรือไง?”

ฟางจิ้นเป่ากลอกตามาที่เขาพลางหัวเราะเบา ๆ “เจ้าโง่เอ๊ย ถ้าฉันได้เจอกับผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ เป็นฉันฉันก็ไม่บอกนายเหมือนกันนั่นแหละ”

“น้องสะใภ้ พวกเราเป็นเพื่อนเก่าสมัยเป็นทหารของเหล่าเฉิน พวกเรามีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมใกล้ชิดกันมาก ไม่ต้องเกรงใจ อีกหน่อยเราต้องได้เจอกันอีกบ่อย ๆ แน่” ในฐานะพี่ใหญ่ของกลุ่ม ฟางจิ้นเป่ามองหญิงสาวที่นั่งเขินและพูดด้วยรอยยิ้ม

หลินเซี่ยพยักหน้า “ฉันเคยได้ยินเจียเหอพูดถึงพวกคุณด้วยค่ะ แล้วฉันก็เคยเห็นรูปถ่ายของคุณสมัยคุณยังเป็นทหารกรมกองรถไฟ”

พอพูดถึงรูปถ่าย หลินเซี่ยก็มองไปที่ชายหนุ่มรูปหล่อที่ตัวเองคุ้นหน้าคุ้นตานิดหน่อย

เธอมองไปที่ลู่เจิ้งอวี่ อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เสี่ยวลู่ คุณทำงานที่ไหนเหรอคะ?”

ผู้ชายคนนี้หน้าตาเหมือนเลขาคนสนิทของพ่อบุญธรรมเสิ่นอวี้อิ๋งในชาติที่แล้วมาก

เลขาคนนั้นก็ชื่อลู่เจิ้งอวี่

ลู่เจิ้งอวี่ตอบกลับ “พี่สะใภ้ ผมทำงานเป็นช่างซ่อมบำรุงในอู่รถจักรของกรมการรถไฟครับ”

“ใช่ พวกเราอยู่หน่วยเดียวกัน”

ฟางจิ้นเป่าบอกว่า “ถึงแม้ว่าพวกเขาพี่น้องจะถูกแยกให้ไปอยู่กันคนละหน่วยหลังปลดประจำการออกจากกองทัพ แต่อาชีพของเราก็แยกจากรถไฟไม่ได้จริง ๆ”

เฉินเจียเหอเป็นช่างเทคนิคที่ดูแลการผลิตเครื่องยนต์หัวรถจักร ถังจวิ้นเฟิงบรรจุเป็นตำรวจประจำสถานีรถไฟ ส่วนพวกเขาเป็นช่างซ่อมบำรุงรถไฟ

ลู่เจิ้งอวี่พูดเสริม “ยกเว้นเหล่าเซี่ย ตอนนี้เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรมการรถไฟแล้ว”

หลินเซี่ยที่เอาแต่นิ่งเงียบในตอนแรก แต่หลังจากรู้จักกันแล้ว เธอก็กลายเป็นคนช่างพูดทันที “ใช่ลุงเซี่ยที่ตอนนี้เป็นเถ้าแก่เจ้าของธุรกิจหรือเปล่าคะ? เหมือนฉันเคยได้ยินว่าเขาอยู่ในเชินเฉิง?”

ฟางจิ้นเป่าพยักหน้า “ใช่ เขาเป็นคนที่มีความสามารถมาก หลังจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างขององค์กรกรมการรถไฟแล้ว เหล่าเซี่ยก็ทำงานในสำนักวิศวกรรมการรถไฟเป็นเวลาหลายปีถึงจะปลดเกษียณก่อนกำหนด ตั้งแต่เขาเป็นเถ้าแก่ใหญ่ ฐานะก็ต่างไปจากเมื่อก่อนมาก”

ถังจวิ้นเฟิงเอ่ยแก้ “เวลาเปลี่ยนผู้คนก็เปลี่ยนตามกันทั้งนั้น หากพี่กับฉันลาออกจากราชการแล้วไปขายอาหารทะเล มีหรือเราจะไม่รวย? แต่เรามีความกล้าหาญและบ้าบิ่นพอที่จะทำแบบนั้นหรือเปล่าล่ะ? ต่างจากเหล่าเซี่ยที่กล้าเสี่ยง แล้วทำสิ่งต่าง ๆ จนประสบความสำเร็จ”

ไม่นานเฉินเจียเหอก็กลับมาพร้อมกับถุงทึบในมือ เห็นว่าสหายพี่น้องทั้งสามกำลังพูดคุยกับภรรยาตัวน้อยของเขาอย่างสนุกสนาน

…………………………………………………………………………………………………

ความทรงจำสีชมพู 粉紅色的回憶 https://www.youtube.com/watch?v=9fQCRtX0TtE

สารจากผู้แปล

เจอเพื่อนๆ พี่เหอแล้ว แต่ละคนนี่โลกกลมเหลือเกิน มีแต่คนเกี่ยวข้องกับเซี่ยเซี่ย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน