บทที่ 201 ของขวัญ
บทที่ 201 ของขวัญ
เมื่อหลี่จงอี้เห็นพวกถังซวงกลับมาแล้ว ชายชราก็ยิ้มยินดี “เสี่ยวโม่ ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย พวกเธอกลับมาสักที ว่าแต่แม่ของเธอไปไหนล่ะ? ไม่ได้กลับมาด้วยกันหรือ?”
ถังซวงเล่าว่าเฮ่อหลานกับจิงเจ้อหรงไปเมืองซูด้วยกัน
หลี่จงอี้หัวเราะหลังได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะพูดต่อว่า “ถ้าอย่างนั้นช่วงนี้เธอก็มากินข้าวที่บ้านฉันก่อน”
“ค่ะ รบกวนคุณปู่ด้วยนะคะ”
“ซวงเอ๋อร์ รบกวนอะไรกัน? ช่วงที่พวกเธอไม่อยู่ ฉันเหงามาก โชคดีที่พวกเธอต้องกลับมาเรียนหนังสือ ไม่อย่างนั้นไม่รู้เลยว่าฉันต้องอยู่คนเดียวอีกนานแค่ไหน”
หลังได้ยินอย่างนี้แล้ว ถังซวงถึงกับหัวเราะออกมา “คุณปู่คะ คราวหน้าหากมีการเดินทางไปไหนอีกคุณปู่ต้องไปกับพวกเรานะคะ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงไม่สบายใจถ้าต้องทิ้งให้คุณปู่อยู่บ้านคนเดียว”
หลี่จงอี้โบกมือด้วยรอยยิ้มก่อนจะพูดว่า “ไม่หรอก เธอต้องไปเพราะมีความจำเป็น ฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้ และไม่อยากจะรบกวน”
ถังซวงก้าวขาไปด้านหน้าจับแขนของหลี่จงอี้ไว้ พลางพูดต่อว่า “คุณปู่คะ ถ้าถึงเวลานั้นคุณปู่สามารถไปกับพวกเราได้แน่นอนค่ะ ก็ทำอย่างที่เคยทำ ถ้าคุณปู่อยู่ที่นี่พวกเราไม่สบายใจแน่ค่ะ”
หลังได้ยินอย่างนั้นแล้ว แววตาของหลี่จงอี้เผยความตื้นตันออกมา พลางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เอาเถอะ ตกลง คราวหน้าถ้าเธอต้องเดินทางอีกฉันจะไปด้วย”
“ค่ะ”
จากนั้นถังเซวี่ยก็ควงแขนหลี่จงอี้เข้าไปด้านในอย่างมีความสุข
เมื่อทั้งสามเข้ามาในบ้าน พวกเขานั่งลงเพื่อรับประทานอาหาร “พวกเธอคงจะหิวระหว่างนั่งรถมาสินะ รีบกินเถอะ”
“ขอบคุณคุณปู่ที่ดูแลพวกเราอย่างดีค่ะ”
ถังเซวี่ยที่นั่งถัดจากหลี่จงอี้ มองโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารก่อนจะลงมือกินอย่างรวดเร็ว
ส่วนถังซวงและโม่เจ๋อหยวนก็หิวเช่นกัน พวกเขาจึงตักข้าวคำโต
เมื่อเห็นว่าทุกคนกินกันอย่างเอร็ดอร่อย หลี่จงอี้ก็ยกยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนที่เขาจะลงมือกินข้าวด้วยเช่นกัน
หลังจากที่ทั้งหมดรับประทานอาหารเสร็จแล้ว หลี่จงอี้อดไม่ได้ที่จะพูด “ซวงเอ๋อร์ ช่วงที่อาหลานไม่อยู่ที่นี่ เธอกับเสี่ยวเซวี่ยมาอยู่กับฉันก็ได้นะ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่สบายใจที่สาวน้อยสองคนต้องอยู่ด้วยกันตามลำพัง”
“คุณปู่คะ พวกเราก็อยู่ข้าง ๆ กัน ตะโกนก็ได้ยินแล้ว คุณปู่ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ”
“ซวงเอ๋อร์ ยังไงซะที่นี่ก็มีห้องว่างอยู่มาก เธอกับเสี่ยวเซวี่ยก็ต้องไปโรงเรียนตอนกลางวัน ส่วนกลางคืนก็มาพักที่นี่ได้”
โม่เจ๋อหยวนหันมองถังซวงแล้วโน้มน้าวเช่นกัน “ใช่แล้วซวงเอ๋อร์ ที่นี่มีห้องว่างอยู่สองห้องถัดจากฉัน เดี๋ยวฉันจะทำความสะอาดให้ แล้วเธอกับเสี่ยวเซวี่ยก็มาพักอยู่ที่นี่ก่อน”
ด้านถังเซวี่ยไม่มีความเห็น เธออยู่ไหนก็ได้ เช่นนี้จึงมองถังซวงอย่างถามไถ่ “พี่คะ เราจะอยู่ที่นี่กันก่อนไหม?”
“ซวงเอ๋อร์ พักที่นี่ก่อนเถอะ ฉันเตรียมผ้าห่มผืนใหม่ไว้สองผืนสำหรับพวกเธอสองคนโดยเฉพาะเลยนะ”
หลังได้ยินคำพูดของหลี่จงอี้แล้ว ถังซวงไม่พูดอะไรมากเพียงแค่พยักหน้ารับ “ค่ะ งั้นเดี๋ยวพวกเราจะไปเก็บข้าวของที่จำเป็น แล้วมาพักอยู่ที่นี่ก่อนสักระยะหนึ่ง”
โม่เจ๋อหยวนยิ้มกว้างก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงยินดี “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย เดี๋ยวฉันไปช่วยเก็บ”
เมื่อเห็นแผ่นหลังของโม่เจ๋อหยวน หลี่จงอี้อดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม แต่สุดท้ายเขาก็เดินไปช่วยด้วยเช่นกัน
สองครอบครัวนี้ถูกกั้นไว้ด้วยกำแพง ดังนั้นสองพี่น้องจึงไม่ได้ขนข้าวของมามากนัก พวกเขาหยิบเพียงของใช้เล็กน้อยแล้วกลับเข้ามา
หลังเก็บข้าวของเสร็จแล้ว ถังซวงกับถังเซวี่ยเริ่มจัดห้องของตนเอง
“พี่คะ ฉันเห็นอาคารหลายหลังในเมือง ฉันคิดว่าจะวาดมันเก็บไว้ แล้วอีกอย่างฉันก็มีเวลาว่างสักที”
หลังได้ยินอย่างนี้แล้ว ถังซวงยกยิ้มพลางพูดต่อว่า “ถ้าอย่างนั้นก็รีบวาดเถอะ”
“ค่ะ”
หลังจากถังซวงออกจากห้องของถังเซวี่ย โม่เจ๋อหยวนก็เดินเข้ามา “ซวงเอ๋อร์ มาที่ห้องฉันก่อนไหม เดี๋ยวฉันชงชาให้”
ถังซวงไม่ปฏิเสธและเดินตรงไปที่ห้องของโม่เจ๋อหยวนทันที
“ซวงเอ๋อร์นั่งลงก่อน เดี๋ยวฉันชงชาให้”
ถังซวงพยักหน้ายิ้ม ก่อนจะมองไปรอบห้องของโม่เจ๋อหยวนอย่างสบาย ๆ และเห็นว่าห้องนี้ถูกจัดอย่างเรียบง่าย นอกจากเตียงแล้วมีเพียงตู้เสื้อผ้า โต๊ะ เก้าอี้เท่านั้น แต่เธอเหลือบมองพิมพ์เขียวสองสามแผ่นบนโต๊ะ จึงเดินไปดูใกล้ ๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น
เมื่อโม่เจ๋อหยวนเข้ามา เขาเห็นว่าถังซวงกำลังมองภาพวาดของตนอยู่ “ซวงเอ๋อร์ นั่นคือสิ่งที่ฉันลองวาดดู แต่ไม่ว่าจะวาดยังไงมันก็ดูไม่ถูกต้องสักที”
ถังซวงสามารถบอกได้ทันทีว่าสิ่งที่โม่เจ๋อหยวนออกแบบไว้คือพิมพ์เขียวของโทรทัศน์จอสี และทุกอย่างก็ดูดีมาก เพียงแต่ว่ามีองค์ประกอบบางอย่างที่ยังไม่เข้าที่เข้าทาง
“พี่โม่อยากทำโทรทัศน์จอสีหรือคะ?”
โม่เจ๋อหยวนไม่คิดมาก่อนว่าถังซวงจะรู้ได้ในทันที เขาวางถ้วยชาลงก่อนจะพยักหน้า “ใช่ จริง ๆ แล้วมีโทรทัศน์จอสีมานานแล้ว พวกเราผลิตโทรทัศน์จอสีเครื่องแรกสำเร็จ แต่บางอย่างเราไม่สามารถผลิตเองได้ จึงต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เราเลยไม่สามารถผลิตโทรทัศน์จอสีได้เอง ฉันเลยลองคิดดูว่าเราจะสามารถค้นคว้าและสร้างมันขึ้นมาเองได้ไหม”
ถังซวงเองก็เห็นด้วยกับความคิดของโม่เจ๋อหยวน
“พี่โม่คิดถูกแล้วค่ะ เพราะประเทศอื่นก็ยังสามารถค้นคว้าจนผลิตมันได้ เราเองก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ยังไงซะสิ่งที่ยากที่สุดคือวัสดุและปัญหาทางเทคนิคบางอย่าง”
โม่เจ๋อหยวนก็ทราบถึงความจริงนี้เช่นกัน เขาถอนหายใจก่อนจะพูดว่า “อืม มันเลยเป็นแค่ความตั้งใจของฉันน่ะ”
เมื่อเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนกำลังหดหู่ใจ ถังซวงอดไม่ได้ที่จะมองเขาแล้วพูดว่า “อืม ความจริงแล้วฉันมีหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ ไว้ฉันจะลองหามาให้นะ”
หลังได้ยินอย่างนี้แล้ว โม่เจ๋อหยวนหันมองถังซวงด้วยความประหลาดใจ
ถังซวงไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่เดินไปที่บ้านของตนเอง ก่อนจะออกมาพร้อมกับหนังสือสองสามเล่ม
“พี่โม่ ช่วงนี้ก็ลองอ่านหนังสือพวกนี้ไปก่อน มันน่าจะเป็นประโยชน์อยู่บ้าง ฉันเอามาจากเมืองก่างเฉิง คิดว่าพี่คงชอบศึกษาอะไรใหม่ ๆ เลยซื้อมันกลับมาฝากน่ะ”
เมื่อเห็นหนังสือหลายเล่มในมือของถังซวง โม่เจ๋อหยวนก็ประหลาดใจ หนังสือเหล่านี้ล้วนแต่เป็นหนังสือหายาก และถังซวงต้องเสี่ยงมากที่นำมันกลับมาเช่นนี้ “ซวงเอ๋อร์ เธอต้องไม่ให้คนอื่นเห็นหนังสือพวกนี้เด็ดขาดนะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะพี่โม่ ไม่มีใครรู้หรอกนอกจากพี่ อีกอย่างฉันยังไม่ได้บอกแม่กับลุงจิงด้วยซ้ำ”
เมื่อได้ยินอย่างนี้แล้ว โม่เจ๋อหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง สำหรับซวงเอ๋อร์แล้ว เขาคือคนที่ไว้ใจได้งั้นหรือ? นี่อีกฝ่ายมองเขาเป็นคนพิเศษกว่าคนอื่นใช่หรือเปล่า? “ซวงเอ๋อร์ ฉันจะเก็บรักษามันอย่างดีและจะไม่ให้ใครรู้”
“พี่โม่เก็บมันไว้อ่านก่อนก็ได้ค่ะ แต่หนังสือพวกนี้เนื้อหาซับซ้อนมาก ไม่รู้ว่าพี่จะเข้าใจไหม?”
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้าก่อนจะตอบกลับ “ฉันน่าจะรับมือไหว ฉันเคยอ่านหนังสือแนวนี้มาแล้วหลายเล่ม”
“ค่ะ อย่างนั้นก็ดีแล้ว”
หลังได้ยินอย่างนั้นแล้ว ถังซวงส่งหนังสือให้กับโม่เจ๋อหยวนแล้วพูดว่า “พี่โม่จัดการเรื่องของตัวเองเถอะค่ะ ฉันก็มีเรื่องต้องไปจัดการเหมือนกัน”
โม่เจ๋อหยวนรู้ดีว่าถังซวงยุ่งมาก ดังนั้นจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ซวงเอ๋อร์ ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไปทำธุระเถอะ”