ตอนที่ 154 พิธีเปิดการแข่งขันแลกเปลี่ยน (2)
“ทุกคนน่าจะเห็นแล้ว? ผู้ที่เดินอยู่ด้านหน้าสุดก็คือหัวหน้าทีมของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ นักศึกษาฟางผิง!”
“นักศึกษาฟางผิง ทักทายกับทุกคนสักหน่อยเป็นยังไง?”
ฟางผิงที่อยู่บนเวที ยืดตัวขึ้นเล็กน้อย “สวัสดีทุกคน ผมฟางผิง ปีหนึ่งสาขายุทโธปกรณ์ มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้!”
—
ด้านล่างเวที
ฟางหยวนตกตะลึงจนนิ่งไป
“นั่นมันพี่ฉัน?”
สาวน้อยมึนงงไปหมด ฟางผิงขึ้นไปบนเวทีได้ไง แล้วทำไมถึงกลายเป็นหัวหน้าทีมได้?
เสี่ยวหลิงที่อยู่ด้านข้างตาเป็นประกาย เอ่ยอย่างชื่นชมว่า “นึกไม่ถึงว่าพี่ฟางจะเป็นผู้เข้าร่วมแข่งขันของเซี่ยงไฮ้ ทั้งยังเป็นหัวหน้าทีมด้วย หยวนหยวน พี่เธอจะเก่งเกินไปแล้ว!”
—
อีกด้านหนึ่ง พวกอู๋จื้อหาวก็นิ่งอึ้งราวกับถูกตรึงไว้บนเตียงผ่าตัด
พวกเขามองหน้ากันสักพัก ก่อนอู๋จื้อหาวจะเอ่ยด้วยใบหน้าฝืดเฝื่อน “เขาเป็นหัวหน้า?”
“หมอนี่…เขาเป็นหัวหน้าทีมของเซี่ยงไฮ้งั้นเหรอ นึกไม่ถึงว่าจะไม่บอกพวกเรา!” หยางเจี้ยนหมดคำจะพูด
หลิวรั่วฉีใจเย็นกว่ามาก เอ่ยเสียงเบาว่า “ตกลงฟางผิงมีฝีมือระดับไหนกันแน่?”
“นี่…”
ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาคาดเดา หลิวหวาหรงที่อยู่อีกฟากของบนเวทีเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “นักศึกษาฟางผิงมาจากสาขายุทโธปกรณ์ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุด ขณะเดียวกันก็เป็นผู้ที่สอบศิลปะการต่อสู้ได้คะแนนสูงสุดของรุ่ยหยางในปี 2008 แน่นอนว่านี่เป็นข้อมูลที่มหาวิทยาลัยของพวกเขาส่งมาล่วงหน้า ทุกคนอย่าได้คิดจริงจัง มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้อาจจะไม่ได้เปิดเผยความสามารถทั้งหมดของนักศึกษาเสมอไป”
เฉินเสวี่ยเยี่ยนที่เงียบมาโดยตลอด เอ่ยแทรกว่า “ไม่ใช่อาจจะ แต่ไม่อาจเปิดเผยความสามารถทั้งหมดอยู่แล้วต่างหาก จากข้อมูลที่ส่งมาล่วงหน้า ฟางผิง หัวหน้าทีมของพวกเขา เชี่ยวชาญ…เชี่ยวชาญเคล็ดวิชาราชสีห์คำราม คุณเชื่อหรือเปล่าล่ะ?”
“แค่กๆ ยังมีเรื่องนี้อยู่เหรอ ผมไม่ทันมอง ขอโทษด้วยจริงๆ…”
ฟางผิงที่อยู่บนเวทีกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง หาเรื่องที่มันน่าเชื่อถือกว่านี้ไม่ได้หรือไง!
คนที่ส่งข้อมูลช่วยทำอะไรที่จริงจังหน่อยได้ไหมล่ะ!
บนเวทีไม่ได้มีแค่ฟางผิงคนเดียว พวกหลิวหวาหรงพูดถึงฟางผิงพักหนึ่ง ก่อนจะย้ายหัวข้อสนทนาไปที่คนอื่นๆ
“ทีมหลักของเซี่ยงไฮ้มีสมาชิกทั้งหมดห้าคน นอกจากหัวหน้าทีมฟางผิงแล้ว ยังมีจ้าวเหล่ยที่ทุกคนค่อนข้างคุ้นเคยดี นักศึกษาจ้าวเหล่ย คุณช่วยแนะนำตัวให้ทุกคนรู้จักหน่อยได้หรือเปล่า?”
“จ้าวเหล่ย นักศึกษาปีหนึ่งสาขายุทโธปกรณ์ มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้!”
“นักศึกษาจ้าวเหล่ยดูเท่ห์จริงๆ ในข้อมูลบอกว่าจ้าวเหล่ยเชี่ยวชาญ…เชี่ยวชาญวิชาศีรษะเหล็ก?”
หลิวหวาหรงเอ่ยทั้งหลุดขำ “ดูท่ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้คงไม่อยากจะเปิดเผยความสามารถที่แท้จริงของผู้เข้าร่วมแข่งขันออกมา นักศึกษาจ้าวเหล่ยเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุดเหมือนกัน”
“สมาชิกคนที่สามของเซี่ยงไฮ้ นักศึกษาฟู่ชางติ่ง”
“สวัสดีทุกคน ผมฟู่ชางติ่ง นักศึกษาปีหนึ่งสาขายุทโธปกรณ์”
“นักศึกษาฟู่ชางติ่งอยู่ขั้นหนึ่งสูงสุดเช่นกัน เกาเข่าสอบได้เป็นอันดับสี่ของปักกิ่ง สามอันดับแรกที่อยู่ข้างหน้าเขาเลือกมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่งทั้งหมด ผมคิดว่าเซี่ยงไฮ้กับปักกิ่งเจอกัน ต้องน่าตื่นตาตื่นใจแน่ๆ ทั้งยังเป็นการต่อสู้ระหว่างนักเรียนอันดับหนึ่งจากหลายมณฑลและเมืองอีก!”
“สมาชิกทีมหลักคนที่สี่ หยางเสี่ยวม่าน แม้นักศึกษาหยางเสี่ยวม่านจะเป็นผู้หญิง แต่สตรีไม่เป็นรองบุรุษ ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แสดงความสามารถได้ยอดเยี่ยม ตัวหยางเสี่ยวม่านเองก็เป็นนักเรียนที่ได้รับคะแนนสูงสุดของมณฑลไห่อันปี 2008!”
“…”
“สมาชิกทีมหลักคนที่ห้าของเซี่ยงไฮ้ จ้าวเสวี่ยเหมย คนนี้เป็นผู้หญิงเช่นกัน ทั้งยังอาศัยฐานะของนักเรียนคะแนนสอบสูงสุดเข้าสู่เซี่ยงไฮ้ จ้าวเสวี่ยเหมยเป็นนักเรียนที่สอบได้อันดับหนึ่งของเมืองชิงหูปี 2008 ทั้งยังเป็นอันดับสามของมณฑลตงหลิน”
“…”
“สมาชิกทีมสำรองของเซี่ยงไฮ้ เฉินอวิ๋นซี ความสามารถขั้นหนึ่งสูงสุด นักเรียนอันดับหนึ่งของมณฑลตงหนาน!”
“…”
“สมาชิกทีมสำรอง ถังซงถิง ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุด…”
“…”
“สมาชิกทีมสำรอง จินเหล่ย ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนปลาย…”
“…”
หลิวหวาหรงแนะนำสมาชิกทีมทั้งสิบคนคร่าวๆ แล้ว ท้ายที่สุดค่อยเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เตรียมการรบได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ! สมาชิกเจ็ดคนอยู่ในขั้นหนึ่งสูงสุด อีกสามคนอยู่ขั้นหนึ่งตอนปลาย ทั้งยังเข้าใกล้ขั้นหนึ่งสูงสุดแล้ว ถือเป็นรวมตัวของอันดับหนึ่งอันดับสองของมณฑลและเมืองต่างๆ ด้วยเช่นกัน นี่ก็คือทีมนักศึกษาใหม่ของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้! หวนนึกถึงปีนั้น หลังจากผมเข้าสู่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ปีสองเทอมสุดท้ายเพิ่งจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุด ปีสามเข้าสู่ขั้นสอง จวบจนจบการศึกษายังติดอยู่ที่ขั้นสอง ตอนนี้พวกเด็กๆ เก่งกาจกันเสียจริง ผมว่าบางทีอีกไม่กี่ปี อัจฉริยะพวกนี้คงจะล้ำหน้าวัยอย่างพวกเราไปแล้ว”
หลิวหวาหรงเอ่ยด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง ไม่นานก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ต่อไป เชิญผู้เข้าร่วมแข่งขันจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่งขึ้นเวที!”
—
เมื่อทีมของปักกิ่งเดินออกมา พวกฟางผิงก็ปราดสายตามองออกไปทันที
หัวหน้าทีมเป็นนักศึกษาชายที่รูปร่างผอมโปร่ง ไม่สูงมาก
ไม่นานทุกคนก็รู้ว่าคนผู้นี้คือใคร
“หัวหน้าทีมของฝั่งเซี่ยงไฮ้เหนือความคาดหมายของทุกคน หัวหน้าทีมของปักกิ่งกลับถูกทุกคนเดาออกแล้ว! หานซวี่ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุด นักเรียนที่ได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ!”
“นักศึกษาหานซวี่ คุณเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งจริงๆ หรือเปล่า?” หลิวหวาหรงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
หานซวี่เผยท่าทีจริงจัง ไม่มีแววล้อเล่นแม้แต่น้อย “ผมเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุด มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่ง สมาชิกทีมสิบคนอยู่ขั้นหนึ่งสูงสุดทั้งหมด ไม่มีขั้นสอง!”
“สมาชิกทีมของปักกิ่งเตรียมการรบได้สมบูรณ์แบบยิ่งกว่า! เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุดกันทั้งหมด!”
—
พวกฟางผิงเริ่มจริงจังขึ้นมาแล้ว ทางเซี่ยงไฮ้เคี่ยวเข็ญผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุดออกมาได้เจ็ดคนถือว่าไม่ง่ายแล้ว นึกไม่ถึงว่าปักกิ่งจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุดกันทั้งหมด
และรอจนสมาชิกของพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัยขึ้นมา พวกเขาก็เตรียมความพร้อมได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน
หัวหน้าทีมเว่ยปิน รวมทั้งสมาชิกทีมหลักสี่คน เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุดกันทั้งสิ้น ที่เหลืออีกห้าคนอยู่ขั้นหนึ่งตอนปลายเช่นกัน
ในนั้นยังมีเฉินหงเหว่ย คนที่พวกฟางผิงเจอกันที่มหาวิทยาลัยครุศาสตร์หวาตง
แน่นอนว่า พอเจอกับสมาชิกหลายคนที่อยู่ขั้นหนึ่งสูงสุด ผู้ชมด้านล่างเวทีจึงไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไหร่
จวบจนทีมพันธมิตรของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ขึ้นเวทีมา เวลานี้ถึงมีความโกลาหลขึ้นมาอีกครั้ง
“หัวหน้าทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ซุนหมิงอวี่ มาจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ซีเป่ย ขั้นสองตอนต้น!”
“สมาชิกทีมหลัก เฉินเจียเซิง จากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ตงหลิน ขั้นสองตอนต้น!”
“สมาชิกทีมหลักไป๋อิ่น จากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียง ขั้นหนึ่งสูงสุด!”
“…”
“สมาชิกทีมสำรองหวังไหวจิ่น จากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ตงอู๋ ขั้นหนึ่งตอนปลาย…”
ฟางผิงได้ยินชื่อที่คุ้นหู หวังไหวจิ่นจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ตงอู๋
นอกจากนี้เขายังมองไป๋อิ่นจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงอีกหลายครั้ง
ส่วนผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองจากทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไป ฟางผิงกลับไม่สนใจเป็นพิเศษแต่อย่างใด
ไม่ใช่แค่เขา ทางปักกิ่งหานซวี่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับผู้ฝึกยุทธ์สองคนนี้เท่าไหร่เช่นกัน
ด้านล่างเวทีเกิดความวุ่นวายอยู่บ้าง นึกไม่ถึงว่าสองมหาวิทยาลัยชื่อดังและทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัยจะไม่มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองเลยสักคน กลับกันเป็นทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปที่มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองถึงสองคน!
—
ชั้นสองของสนามกีฬา
ปรมาจารย์หลายคนประจำอยู่บนที่นั่ง
เวลานี้จู่ๆ ก็มีคนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะต่อสู้เล่นลูกไม้แบบนี้ไม่มีความหมายหรอก”
มีคนเอ่ยอย่างเยือกเย็นว่า “จะมีความหมายหรือไม่ ถึงเวลานั้นคงรู้เอง”
“ฮ่าๆ ตอนนี้ดึงดูดสายตาคนได้จำนวนมาก แต่รอให้ขั้นสองสองคนนั้นถูกขั้นหนึ่งกำราบ ถึงเวลานั้นพวกเขาจะรู้ว่า อะไรคือยิ่งยืนอยู่สูงเท่าไหร่ ตกลงมาก็ยิ่งเจ็บมากเท่านั้น!”
ในสนามจะมีใครบ้างที่ไม่ใช่ผู้หลักแหลม ความคิดของทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะต่อสู้ พวกเขาแทบจะเดาได้ในทันที
ดึงดูดความสนใจจากผู้คนเท่านั้น!
ทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะต่อสู้แข็งแกร่งและเก่งกาจ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองสองคนนั้นเก่งจริงๆ เหรอ?
มหาวิทยาลัยอย่างปักกิ่งเซี่ยงไฮ้ไม่มี ทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัยก็ไม่มี มีแค่ทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ที่มีขั้นสอง นี่หมายความว่ายังไง?
หมายความว่าทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้นั้นมีอัจฉริยะและทรัพยากรมากมาย
แต่คนในสนามก็ไม่ได้โง่เช่นกัน ถึงขั้นมีบางคนแค่นเสียงอย่างดูแคลน
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองตอนต้นสองคน เข้าสู่ขั้นสองจะอยู่เหนือคนอื่นจริงๆ น่ะเหรอ?
ทางเซี่ยงไฮ้หรือปักกิ่ง ไม่แน่ว่าสุ่มสมาชิกทีมหลักออกมาสักคนอาจจะสามารถโจมตีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองพวกนี้แตกพ่ายได้ ถึงเวลานั้นจะเรียกว่าขายหน้าอย่างแท้จริง
คนของทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ไม่สนใจเช่นกัน เอ่ยด้วยรอยยิ้มบางว่า “คอยดูไปก็แล้วกัน”
“ต้องตั้งตารอคอยอยู่แล้ว ฉันอยากจะเห็นจริงๆ ว่าหากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองสองคนนั้นถูกตีพ่ายตั้งแต่รอบแรกจะเป็นความรู้สึกยังไง”
คนอื่นๆ ไม่ใช่ปรมาจารย์จากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ จึงไม่อาจพูดอะไรมาก ทำท่าประหนึ่งจะได้ดูเรื่องสนุกเท่านั้น
ชั้นสองสองคนจากทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ทางที่ดีควรจะมีฝีมือระดับหนึ่ง ไม่อย่างนั้นหากถูกคนตีพ่ายตั้งแต่รอบแรก คงอับอายไปถึงบ้านเกิดแน่ๆ
————————