ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 263 พลังหมัดรวมเป็นหนึ่ง (1)

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ตอนที่ 263 พลังหมัดรวมเป็นหนึ่ง (1)

“นายรู้จักเฉินเจียเซิงจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ตงหลินหรือเปล่า?”

เฉินเจียวั่งรูปร่างสูงใหญ่ ใช้อาวุธหอกเหมือนกัน ทางโรงเรียนเตรียมทหารส่วนมากมักจะใช้อาวุธแบบเดียวกันเพื่อความสะดวกในการทำสงครามเป็นทีม

ได้ยินแบบนี้ เฉินเจียวั่งจึงส่ายหัวเบาๆ “ไม่รู้จัก แต่ฉันเคยได้ยินชื่อเขา ปรมาจารย์เฒ่าเฉินก็เป็นต้นแบบของฉันเหมือนกัน ปรมาจารย์ของเซี่ยงไฮ้ โดยเฉพาะอธิการจางก็เป็นต้นแบบของพวกเราเช่นกัน ผู้ฝึกยุทธ์เป็นแบบนี้อยู่แล้ว!”

ฟางผิงพยักหน้าว่า “ปรมาจารย์เหล่านี้ รวมถึงผู้ฝึกยุทธ์และทหารที่ตายในสงครามถ้ำใต้ดินต่างเป็นต้นแบบของฉันเหมือนกัน”

ไม่ได้พูดว่าเป็นแบบอย่าง ฟางผิงไม่อยากตายในสนามรบ แต่คนพวกนี้เป็นผู้กล้าอย่างแท้จริง ไม่ถามต่ออีก ฟางผิงฟื้นฟูปราณขึ้นมาในชั่วพริบตา

เฉินเจียวั่งขมวดคิ้วเล็กน้อย พวกอาจารย์ด้านหลังก็เผยสีหน้าตกตะลึงเช่นกัน

นึกไม่ถึงว่าฟางผิงจากเซี่ยงไฮ้จะมีความสามารถนี้จริงๆ!

เฉินเจียวั่งไม่รีบเช่นกัน ถามว่า “ไม่ใช้ดาบ?”

“ไม่ใช้ ฉันอยากให้พลังหมัดรวมเป็นหนึ่งเพื่อทะลวงขั้นสามสูงสุด!”

“ดังนั้นฉันเลยกลายเป็นหินลับคมให้นาย?”

“ขอโทษด้วย แต่ฉันคิดแบบนี้จริงๆ”

“ไม่เป็นไร เคยมีคนเห็นฉันเป็นหินลับคมเหมือนกัน แต่ว่านายขวางประตูโรงเรียมเตรียมทหารอวิ๋นเมิ่ง การต่อสู้นี้ฉันไม่ปล่อยไปง่ายๆ แน่!”

“นี่ตรงกับความต้องการฉันพอดี”

“…”

ทั้งสองคนไม่พูดอะไรอีก ไม่หยั่งเชิงด้วยเช่นกัน

สนทนากันแล้ว บนหอกของเฉินเจียวั่งก็มีปราณเกาะแน่นจนถึงขีดจำกัดอย่างรวดเร็ว!

ตอนแรกฟางผิงยังคิดจะใช้วิธีเดียวกับจูเหวินหลงจัดการเขา แต่เห็นพลังปราณบนหอก กลับต้องหน้าเปลี่ยนสี ถอยหลังไปทันที

บ้าบิ่นไม่ได้หมายความว่าโง่!

เขาเพิ่งจะถอย หัวหอกของเฉินเจียวั่งก็ปรากฏขึ้นที่หน้าอกเขาแล้ว!

ฟางผิงเอนตัวไปข้างหลังชั่วพริบตา ง้างเท้าเตะออกไป

เฉินเจียวั่งขยับแขน หัวหอกสั่นเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนจากแทงเป็นฟาด ตบเข้าที่หน้าอกฟางผิงทันที

“อึก!”

ฟางผิงกระอักเลือดออกมา เตะหอกยาวไปอีกครั้ง

“โจมตีเขาได้ในกระบวนท่าเดียว!”

นักเรียนของอวิ๋นเมิ่งบางคนเผยสีหน้าดีใจขึ้นมา จูเหวินหลงที่อยู่อันดับสี่สิบหกในการจัดอันดับรวมเพิ่งจะแพ้ไป ทุกคนยังคงเสียใจและกังวลอยู่บ้าง

สามโรงเรียมเตรียมทหารหลัก อวิ๋นเมิ่งนั้นอ่อนแอที่สุด

แต่ต่อให้อ่อนแอยังไง ก็เป็นหนึ่งในสามโรงเรียนเตรียมทหารหลัก ทุกปีมักมีคนใช้เป็นหินลับคม จะเอาชนะสบายๆ ได้อย่างไร

จูเหวินหลงแพ้การประลอง แต่คนที่อันดับอยู่ข้างหน้าเขายังมีอีกสองคน

หนึ่งในนั้นถูกจัดในอันดับที่สามสิบเจ็ด ฝีมือไม่ต่างกับจูเหวินหลงเท่าไหร่

คนที่แข็งแกร่งที่สุดยังคงเป็นเฉินเจียวั่ง อันดับที่สิบสี่

ทุกคนต่างกังวลว่าเฉินเจียวั่งจะเป็นฝ่ายแพ้ แต่ตอนนี้เฉินเจียวั่งกลับโจมตีฟางผิงได้ในกระบวนท่าเดียว จึงอดเผยสีหน้าดีใจไม่ได้

ฟางผิงสีหน้าหนักแน่นขึ้นมา ไม่สนใจอาการบาดเจ็บเล็กน้อยนี้

เขาแค่นึกไม่ถึงว่าเฉินเจียวั่งจะแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้

เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว วิชาหอกก็ประสานกลมเกลียว แทบจะหาช่องโหว่ไม่ได้

“แรงกดดันนี่แหละที่ฉันต้องการ!”

ฟางผิงตะโกนในใจ ครู่ต่อมาฟางผิงก็หยัดกายขึ้นตรง จู่โจมไปที่ลำคอของเฉินเจียวั่ง

เฉินเจียวั่งไม่คิดปัดป้อง เคลื่อนไหวฝีเท้าถอยออกไป หอกยาวมาปรากฏขึ้นที่หน้าอกฟางผิงอีกครั้ง

ฟางผิงไม่เหวี่ยงหมัดอีก ซัดฝ่ามือโจมตีด้ามหอกติดต่อกันห้าครั้ง หอกยาวจึงค่อยถอยห่างออกไปแทงเข้ากับอากาศ

แม้ฟางผิงจะใช้มือซัดพลังติดต่อกัน กลับไม่ได้ระเบิดปราณออกไปมากมาย สิ่งที่เขาต้องให้ความสำคัญในตอนนี้คือการประหยัดปราณ เอาชนะอีกฝ่ายโดยไม่ใช้กระบวนท่าชั้นยอด ไม่ใช่ระเบิดออกไปทุกกระบวนท่า ผลาญปราณหนึ่งพันกว่าแคลนี้หมดไปครั้งแล้วครั้งเล่า

ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ เป็นแบบนี้เหมือนกัน เว้นแต่จะสู้ตัวต่อตัว ไม่งั้นเมื่อถึงช่วงตัดสินแพ้ชนะ น้อยนักที่จะใช้กระบวนท่าชั้นยอดได้

แม้หอกของเฉินเจียวั่งจะถูกตบออกไป แต่ฟางผิงยังคงอยู่ใกล้อีกฝ่าย ไม่มีท่าทีลนลานแม้แต่น้อย มือซ้ายกำหมัดจู่โจมไปเกือบสิบหมัดติดต่อกัน

เฉินเจียวั่งอาศัยแรงนั้นถอยไปข้างหลังหลายก้าว หอกยาวที่เคลื่อนที่อย่างชำนาญ เฉียดเข้ามาใกล้คอฟางผิงในชั่วพริบตา

ฟางผิงรับมืออย่างฉุกละหุกอยู่บ้าง ร่างกายหยัดตรงขึ้น แตะปลายเท้าในอากาศ ซัดฝ่ามือออกมาจากด้านบนหลายครั้ง เวลานี้ค่อยป้องกันกระบวนท่าไม้ตายจากอีกฝ่ายได้

“ฟางผิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินเจียวั่ง”

ในโรงเรียนเตรียมทหาร ชายวัยกลางคนที่สวมชุดทหารโบกไม้โบกมือให้ทุกคนถอย หลีกทางให้ทั้งสองคน เอ่ยเบาๆ ว่า “ฟางผิงฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้มาไม่นานเท่าเจียวั่ง อาศัยแค่พื้นฐานของร่างกายและปราณที่แข็งแกร่งเท่านั้น คิดจะเอาชนะเจียวั่งแทบเป็นไปไม่ได้ แน่นอนว่าเว้นแต่เขาจะออกกระบวนท่าชั้นยอดติดต่อกัน กำจัดเจียวั่งให้ตายในครั้งเดียว ไม่งั้นฟางผิงคงเป็นคู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายไม่ได้”

“ไม่หรอก ฉันว่าเขามาประลองครั้งนี้ก็เพื่อสั่งสมบารมี ฉันคิดว่าอาจารย์ของเซี่ยงไฮ้น่าจะเคยชี้แนะเขามาก่อน ถ้าอาศัยปราณมากำราบอย่างเดียว เคล็ดวิชาต่อสู้ของเขาคงไม่พัฒนาขึ้น ไม่มีส่วนช่วยในการควบคุมพลัง แบบนี้การท้าประลองก็ไม่มีความหมายอะไร”

อาจารย์อีกคนกล่าวแย้ง

หากฟางผิงใช้ปราณไร้ขีดจำกัดมากำราบเฉินเจียวั่ง นั่นจะยังประลองอีกทำไม ไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อการพัฒนาความสามารถของเขา

เว้นเสียแต่ว่าอยากจะอวดเบ่ง แสดงให้ทุกคนเห็นว่าตัวเองมีปราณเยอะ ไม่งั้นฟางผิงทำแบบนี้ก็เป็นการสิ้นเปลืองเวลาเท่านั้น

ระหว่างที่ทุกคนพูด จู่ๆ ก็มีคนเอ่ยว่า “ปริศนาเรื่องปราณของเขา ยังไม่มีคำอธิบาย ตกลงเป็นเพราะอะไรกันแน่?” ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า

ผู้ฝึกยุทธ์ทหารวัยกลางคนเอ่ยว่า “ว่ากันว่าไขกระดูกแปรสภาพเป็นหยก รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังจิตใจจึงสามารถทำให้เขาจับกุมอนุภาคพลังงานและใช้ไขกระดูกฟื้นฟูปราณได้เร็วขึ้นในขั้นนี้…แน่นอนว่ารายละเอียดเป็นยังไง ไม่แน่ชัดเหมือนกัน นี่เป็นคำตอบจากเซี่ยงไฮ้ ตอนนี้อาจารย์ส่วนใหญ่ของเซี่ยงไฮ้ทำสงครามในถ้ำใต้ดิน อธิการจางก็สละชีพไปพร้อมกับศัตรูขั้นแปด…เวลาแบบนี้อย่าถามขึ้นมาจะดีกว่า เข้าใจหรือเปล่า?”

ทุกคนรีบพยักหน้า

ถามเรื่องพวกนี้ในช่วงเวลาแบบนี้ นั่นก็เท่ากับรังแกเซี่ยงไฮ้

ครั้งนี้ฟางผิงเป็นฝ่ายมาท้าประลองเอง ไม่งั้นหากพวกปรมาจารย์ของเซี่ยงไฮ้กลับมา บุกมาถึงหน้าประตูเพื่อขอคำตอบ คงไม่มีใครกล้าออกหน้าจัดการแล้ว

อธิการเฒ่าเพิ่งจะเสียสละร่างทองรบจนตัวตาย อัจฉริยะในมหาวิทยาลัยยังถูกหาเรื่อง ไม่มาตามคิดบัญชี นั่นคงไม่ใช่เซี่ยงไฮ้แล้ว

ระหว่างที่อาจารย์ของอวิ๋นเมิ่งโต้แย้งกัน ฟางผิงที่รับมือไม่ทัน ก็ถูกหอกของเฉินเจียวั่งแทงเข้าที่อก!

ฟางผิงถอยหลังไปหลายก้าว พื้นที่เดิมทีก็แตกร้าวถูกเหยียบจนพังเละเทะไปหมด

“อึก…”

ฟางผิงพ่นเลือดออกมาอีกครั้ง เผยแววตาจริงจังขึ้นมา

เฉินเจียวั่งแข็งแกร่งจริงๆ ฟางผิงออกกระบวนท่าช้ากว่าเขาอยู่บ้าง

“คาดเดาล่วงหน้า รวมพลังเป็นหนึ่ง…”

เฉินเจียวั่งแทบจะอยู่ระดับเดียวกับฉินเฟิ่งชิงแล้ว ฟางผิงกลับห่างจากพวกเขาอยู่หนึ่งช่วง

“ต้องใช้หมัดจินกังจัดการเขา!”

ร่างกายและปราณของอีกฝ่ายไม่ได้แข็งแกร่งเท่าเขา ขอแค่หมัดจินกังของตัวเองรวมพลังเป็นหนึ่งได้ เฉินเจียวั่งย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

นึกมาถึงตรงนี้ฟางผิงจึงไม่ถอยหลังอีก

ชกหมัดออกไปโจมตีหัวหอกอย่างว่องไว!

‘เคร้ง!’

เสียงเพิ่งจะดังขึ้นหนึ่งครั้ง ครู่ต่อมาก็ดังติดต่อกันหลายครั้ง

เฉินเจียวั่งไม่รีบเช่นกัน หอกยาวฉวัดเฉวียดไปมาไม่หยุด แทง กวาด จ้วงตามใจนึก พวกนักเรียนที่มองดูรอบๆ ต่างนับถือเขาอย่างยิ่ง

นี่ถึงจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในขั้นสามของอวิ๋นเมิ่ง

ฟางผิง ผู้ฝึกยุทธ์ที่ถูกจัดอยู่ในอันดับสามของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ตอนนี้แทบจะถูกตีอยู่ฝ่ายเดียว เสื้อผ้าขาดหลุดรุ่ยไปตั้งนานแล้ว ร่างกายปรากฏบาดแผลไม่น้อย ด้านเฉินเจียวั่งแทบไม่มีบาดแผลเลย

“ไม่ระเบิดกระบวนท่า น่าอึดอัดชะมัด!”

ฟางผิงพุ่งหมัดโจมตีหอกยาวอีกครั้ง อัดอั้นตันใจอย่างถึงที่สุด

“แต่ถ้าฉันเอาแต่ระเบิดปราณ ชั่วชีวิตนี้บางทีอาจจะไม่สามารถทะลวงขั้นสามสูงสุดได้!”

ทำไม่ถึงขั้นรวมพลังหมัดเป็นหนึ่ง เขาอาจจะหยุดอยู่ในขั้นสามตอนปลายตลอดไป นี่เป็นสิ่งที่ฟางผิงรับไม่ได้

เว้นเสียแต่ว่าร่างกายและปราณของเขาจะแข็งแกร่งจนถึงขีดจำกัดหนึ่ง อาศัยความแข็งแกร่งของร่างกายทะลวงสู่ระดับกลาง

แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฟางผิงต้องการ!

“รวมพลังเป็นหนึ่ง…ถือเป็นการรวบรวมพลังจิตใจอย่างหนึ่งเหมือนกัน”

“ฉันไม่ควรใช้พลังจิตใจหยั่งเชิงอีก แต่ร่างกายกับจิตใจต้องประสานกัน ระเบิดออกไปและสัมผัส!”

ความคิดต่างๆ นานาวนเวียนอยู่ในหัว ครู่ต่อมาฟางผิงก็คำราม มือซ้ายยื่นไปกำในอากาศ เวลานี้หัวหอกของเฉินเจียวั่งราวกับเป็นฝ่ายถูกส่งมาถึงมือฟางผิงเอง!

ฟางผิงใช้โอกาสนี้กระโดดเข้าไปใกล้ หมัดขวาปะทะกับหมัดซ้ายของเฉินเจียวั่งติดต่อกันกว่าสิบครั้ง

ครั้งนี้ฟางผิงไม่ถอย เฉินเจียวั่งก็ไม่ถอยเช่นกัน ฟางผิงจับหอกของเขาไว้ เว้นเสียแต่ว่าเขาจะเลือกทิ้งหอกเท่านั้นซึ่งเฉินเจียวั่งไม่ได้ต้องการแบบนั้น

ทั้งสองคนประมือไม่หยุดยั้งจนเกิดประกายไฟไปทั่ว

นักเรียนเตรียมทหารที่อยู่ต่ำกว่าขั้นสามตอนปลายมองอย่างไม่ละสายตา พวกฟางผิงนั้นเนื้อหนังเหมือนสร้างมาจากโลหะจริงๆ

“ประสานหมัดจินกัง!”

ฟางผิงคำรามเสียงดัง รอบๆ หมัดเต็มไปด้วยบาดแผลปริแตก ไม่มีเสียงดังออกมา กลับเป็นคลื่นพลังที่กระจายออกไป

เฉินเจียวั่งไม่พูดอะไรเช่นกัน หมัดของฟางผิงโจมตีมา หมัดของเฉินเจียวั่งก็พุ่งออกไป!

‘ปัง!’

เกิดเสียงดังก้อง เฉินเจียวั่งถอยหลังไปสามก้าว ฟางผิงกลับถอยไปเจ็ดแปดก้าว ซวนเซจนเกือบจะล้ม

“นายยังบกพร่องไปอยู่บ้าง พลังหมัดรวมเป็นหนึ่งถือว่าพอจะเข้าสู่ระดับต้นได้ แต่เทียบกับฉันยังห่างอีกเยอะ!”

ตั้งแต่เริ่มลงมือจนถึงตอนนี้เฉินเจียวั่งเพิ่งจะเปล่งเสียงขึ้นอีกครั้ง

ฟางผิงหอบหายใจ “บกพร่องไปอยู่บ้างจริงๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันเอาชนะนายไม่ได้!”

“งั้นนายก็ลองดู!”

จู่ๆ เฉินเจียวั่งก็แทงหอกไว้บนพื้น เอ่ยเสียงดังว่า “ให้นายได้เปิดหูเปิดตาสักหน่อยว่าหมัดจินกังที่แท้จริงเป็นยังไง!”

เฉินเจียวั่งเผยโทสะขึ้นมา คำรามเสียงดัง ก่อนจะก้าวเท้าแตะพื้นอย่างหนักแน่น พื้นรอบทิศทางแตกยุบลงไปอีกครั้ง

ชั่วพริบตาเฉินเจียวั่งก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าฟางผิง ชกสองหมัดออกมาอย่างรวดเร็ว

ฟางผิงเผยสีหน้าโมโหเช่นกัน พุ่งหมัดโจมตีเข้าไป!

เสียงดังขึ้นระลอกหนึ่ง ก่อนเสียงกระทบของโลหะจะดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ไม่จบไม่สิ้น

——————

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน ฟางผิงกลับมาเกิดใหม่ในวัย 18 ปีในโลกที่ไม่เหมือนเดิมพร้อมระบบประหลาด และที่นี่เองที่เขาได้ก้าวเข้าสู่โลกของการฝึกยุทธ์รายละเอียด อีกหนึ่งผลงานแฟนตาซี-กำลังภายในที่มาพร้อมระบบสุดโกง จากนักเขียนเดียวกับ STARGATE ปริศนาประตูแห่งดาราฟางผิงย้อนเวลามาอยู่ในร่างของตัวเองในวัย 18 ปีผู้คนรอบข้างยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ที่โลกนี้กลับยังมีการฝึกยุทธ์ และให้ความสำคัญกับผู้ฝึกยุทธ์ช่วงเวลาสั้นๆ ฟางผิงก็สัมผัสได้ถึงสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือสังคมนี้โหดร้ายกับเขาเป็นอย่างยิ่ง!หากไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ไม่เป็นผู้ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าตัวเองจะกลับมาเกิดใหม่เกรงว่าคงทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาเป็นคนชนชั้นล่างเท่านั้นด้วยเหตุนั้นเขาจึงสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ และกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์เพื่อให้ตนและครอบครัวสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมแห่งนี้แต่แน่นอนว่าเส้นทางของการเป็นผู้แข็งแกร่งย่อมไม่ง่ายดายขนาดนั้นแม้เขาจะมีระบบประหลาดคอยช่วยเหลืออยู่ก็ตามเรื่อง : ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนานผู้เขียน : เหล่าอิงชือเสี่ยวจี (老鹰吃小鸡)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท