บทที่ 216 มันใช่เรื่องของท่านหรือ?
บทที่ 216 มันใช่เรื่องของท่านหรือ?
เถาวัลย์หนาเท่าแขนมนุษย์นับร้อยหมายจะกักขังลู่หยวนเอาไว้กลางอากาศ หนามนับไม่ถ้วนทิ่มแทง โจมตีเข้าไปในผิวกายของบุตรศักดิ์สิทธิ์
บนลานประลอง ดวงตาของเสวียนหลีคลุ้มคลั่ง กระบี่ดาราในมือนางถูกย้อมจนกลายเป็นสีม่วง
สีม่วงประหลาดเกาะกุมกระบี่ดาราอย่างแน่นหนา ปราณกระบี่จางหายทีละน้อย ราวกับมันกำลังถูกสีม่วงดูดกลืนพลังออกไปอย่างต่อเนื่อง
เบื้องล่าง แขนซ้ายของเสวียนหลีที่ถูกสะบั้นโดนเถาวัลย์นับพันเข้าเกาะกุม ก่อนสูญสลายกลายเป็นหมอกสีม่วง
“ลู่หยวน!”
สีหน้าของเสวียนหลีโหดเหี้ยม ประหนึ่งคนบ้าเสียสติ!
“ยามนี้เจ้าติดอยู่ในค่ายกลต้องห้ามวิญญาณสวรรค์แล้ว เจ้าจะเข้าใจเองว่าการถูกบดขยี้แท้จริงมันเป็นเช่นไร!”
สิ้นคำของเสวียนหลี เถาวัลย์นับไม่ถ้วนโอบรัดอย่างแน่นหนา แรงกดดันที่เคลื่อนลงมาจากความว่างเปล่าหนักอึ้งขึ้นมา
ตูม!
เพียงพริบตา ค่ายกลลานประลองที่เต่ายักษ์แบกเอาไว้ก็ถูกบดขยี้ไม่มีชิ้นดี อักขระแตกสลาย ค่ายกลได้รับความเสียหายชนิดที่ไม่สามารถซ่อมแซมได้ในเวลาอันสั้น!
ยามผู้คนเห็นการต่อสู้เช่นนี้ พวกเขาแต่ละคนต่างสูดหายใจเข้าไป พวกเขาจับจ้องไปที่ลานด้วยความไม่อยากเชื่อสายตา
คนผู้หนึ่งลอบถอนหายใจออกมา “พ… พลังสีม่วงนั่นคืออะไร เหตุใดถึงแข็งแกร่งเพียงนี้?! สิ่งที่เต่ายักษ์ตัวนี้แบกเอาไว้คือค่ายกลที่สร้างขึ้นเพื่อการแข่งขันภายในโดยเฉพาะ! ต่อให้รับการโจมตีของผู้อยู่ขั้นปรมาจารย์ยุทธ์ก็สามารถฟื้นคืนได้อย่างง่ายดาย! แต่ค่ายกลกลับถูกพลังสีม่วงบดขยี้ จนไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้อย่างนั้นหรือ?!”
ศิษย์ชุดเทาผู้อยู่ข้างกายได้ยินดังนี้จึงเอ่ยคำขึ้น “มันคือค่ายกลต้องห้ามวิญญาณสวรรค์! มันคือวิชาต้องห้าม! เจ้าคิดว่าสีม่วงนี้คืออะไร?!”
เขาลดเสียงลง เอ่ยต่อว่า “สีม่วงนี้คือพลังของปีศาจ! ค่ายกลต้องห้ามวิญญาณสวรรค์นี้ มันคือการสังเวยตัวเอง เพื่อให้ได้รับพลังปีศาจร้าย!”
“เสวียนหลีผู้นี้ครอบครองพลังแห่งดวงดาว นางสละมือซ้ายเป็นการมอบเลือดเนื้อเป็นอาหาร… เป็นเครื่องเซ่นสังเวยแก่ปีศาจ ทำให้พลังของตนเองเพิ่มขึ้น!”
“ดูจากสภาพลานประลองแล้ว พลังที่ได้รับจากการสังเวยของเสวียนหลีไม่ด้อยไปกว่าพลังของยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์ยุทธ์!”
ยามอาจารย์สำนักทั้งหลายผู้ยืนอยู่บนแท่นสูงเห็นดังนี้ พวกเขาต่างครุ่นคิดอยู่ในใจ
เมื่อครู่หลายคนมั่นใจว่าลู่หยวนจะคว้าชัยชนะมาได้ เพียงแต่ยามนี้ กลับบังเกิดความไม่มั่นใจขึ้นมา
พวกเขาเคยเห็นวีรกรรมของบุตรศักดิ์สิทธิ์ในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์มากับตา แม้ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายบรรลุถึงรากฐานการบ่มเพาะขั้นไหน จึงสามารถใช้พลังและอุบายทั้งหมดนั้นได้
เหล่าอาจารย์ประมาณการไว้… ไม่ว่าเจ้าหนุ่มนั่นรากฐานการบ่มเพาะขั้นไหน…
พลังของเสวียนหลีในตอนนี้ย่อมไม่สามารถเอาชนะได้แน่นอน
ทว่า… ยามเห็นค่ายกลต้องห้ามวิญญาณสวรรค์สำแดงพลัง อาจารย์สำนักทั้งหลายเริ่มบังเกิดความลังเลอีกครา
พลังที่เสวียนหลีได้รับจากการสังเวยดังกล่าว ต่อให้เป็นระดับพวกเขา ยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากจึงขจัดออกไปได้
ยามนี้… ลู่หยวนไม่เพียงถูกเถาวัลย์ยึดเกี่ยวเอาไว้เท่านั้น แต่ยังโดนหนามบนเถาวัลย์ทิ่มแทงเข้าสู่ร่างของชายหนุ่มอย่างโหดเหี้ยม ทำให้เขาติดอยู่ในค่ายกลต้องห้ามวิญญาณสวรรค์อย่างสมบูรณ์!
ชั่วเวลาต่อมา พลังปีศาจชั่วร้ายนี้ระเบิดออกจากเถาวัลย์ ก่อนดูดกลืนพลังของลู่หยวนอย่างต่อเนื่อง
ต่อให้ชายหนุ่มมีความสามารถยอดเยี่ยมเพียงไหน แต่เกรงว่าเขาได้สูญสิ้นพละกำลังส่วนใหญ่ไปแล้ว เรี่ยวแรงจากทั่วทั้งร่างกายก็ถูกเถาวัลย์ดึงออกไป!
ด้วยเหตุนี้ ความตายของลู่หยวนจึงเด่นชัดมากขึ้น!
หลิงอวิ๋นผู้ปลีกตัวออกจากอาจารย์สำนักทั้งหลายยืนถือหอกไว้ด้านหลัง ดวงตางดงามของนางจับจ้องไปที่ลานประลองตลอดเวลา
ตั้งแต่พลังปีศาจชั่วร้ายปรากฏขึ้น นางคิ้วขมวด หอกสะบั้นนิลกาฬที่อยู่ด้านหลังสั่นไหว ราวกับพร้อมระเบิดพลังออกมาทุกเมื่อ
เจตจำนงหอกไร้เทียมทานเอ่อล้นออกจากร่างบรรพชนหอก มือของหลิงอวิ๋นที่กุมหอกสะบั้นนิลกาฬเอาไว้ยิ่งแน่นขึ้น
“หลิงอวิ๋น ข้าขอเตือนเจ้า ลู่หยวนผู้นี้ทำสัญญาความเป็นความตายแล้ว หากเข้าไปก้าวก่าย โทษทัณฑ์จากวิถีแห่งสวรรค์ทั้งหมดจะตกเป็นของเจ้าเพียงผู้เดียว!”
เสียงของเฉิงไท่ดังขึ้นข้างหูของหญิงสาว คำว่า ‘โทษทัณฑ์จากวิถีแห่งสวรรค์’ กัดกินหัวใจยิ่งนัก
“หลิงอวิ๋น เจ้าอย่าลืมเด็ดขาด เจ้าคือนายน้อยแห่งตระกูลหลิง สิ่งที่เจ้าแบกรับเอาไว้คือโชคชะตาวิถีหอกของตระกูลที่มีอายุนานนับหมื่นปี อย่าได้ทำลายอนาคตอันรุ่งโรจน์ของตนเองเด็ดขาด!”
หลิงอวิ๋นคืออัจฉริยะวิถีหอกผู้หาตัวจับได้ยากบนแผ่นดินหยวนหงในรอบหลายร้อยปี หากหมั่นฝึกฝน ย่อมประสบความสำเร็จในวิถีหอกอย่างแน่นอน!
หากสัญญาความเป็นความตายของลู่หยวนเป็นเหตุให้นางถึงแก่ความตาย เช่นนั้นก็ไม่อาจล่วงรู้ได้ว่ายอดฝีมือหอกในแผ่นดินหลักจะมีผู้สืบทอดวิถีหอกที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้อีกคนเมื่อใด!
ส่วนตระกูลหลิงผู้กุมโชคชะตาวิถีหอกนานนับหมื่นปี ย่อมเป็นการยากที่จะพัฒนาวิถีหอกต่อไปได้หากหลิงอวิ๋นถึงแก่ความตาย!
คำพูดของเฉิงไท่จริงจัง บรรพชนหอกย่อมเข้าใจความหมายของมัน
ทว่ายามนี้… นางไม่ใช่หลิงอวิ๋นคนเดิมอีกแล้ว!
นางคือบรรพชนหอกแห่งสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ผู้ก้าวเข้าสู่วิถีหอกสูงสุด นางคือผู้สืบทอดแห่งตระกูลหลิงซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลสูงสุดแห่งแดนมัชฌิม
ตัวตนเหล่านี้จองจำหญิงสาวเอาไว้ราวกับโซ่ตรวน พวกมันคอยควบคุมทุกการเคลื่อนไหวของนาง
หากเป็นหลิงอวิ๋นในอดีต นางอาจจะกังวลเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ และถูกคำพูดของเฉิงไท่ห้ามปรามเอาไว้ได้สำเร็จ
ทว่า…
นางในยามนี้ หาใช่หลิงอวิ๋นคนเดิมอีกต่อไปไม่!
วิถีหอกอันนำไปสู่ความไร้หัวใจและอำมหิต ทุกสรรพสิ่งล้วนอนิจจัง
นอกจากลู่หยวนกับวิถีหอกอันยิ่งใหญ่แล้ว หลิงอวิ๋นย่อมไม่ยินยอมให้โซ่ตรวนใดเหนี่ยวรั้งนางได้อีกต่อไป
ทุกสิ่งที่เคยฉุดรั้งตนเองไว้ บัดนี้กลับกลายเป็นเรื่องเหลวไหลในสายตาของนาง!
หลิงอวิ๋นค่อย ๆ เลื่อนสายตามาหา และจับจ้องไปที่เฉิงไท่ สายตาคู่นั้นมันลึกล้ำประหนึ่งห้วงน้ำ
ด้วยเหตุผลบางประการ ยามเฉิงไท่สบสายตาคู่นั้น เขารู้สึกเย็นเยือกจับใจ
หลิงอวิ๋นเพียงอยู่ในครึ่งก้าวสู่ขั้นปรมาจารย์ยุทธ์ แต่กลับทำให้เขารู้สึกขนลุกซู่ได้
หลิงอวิ๋นจ้องมองอีกฝ่าย ริมฝีปากสีแดงขยับ
นางเอ่ยคำออกมาว่า “มันใช่เรื่องของท่านหรือ?”
เฉิงไท่พลันสำลักออกมา ใบหน้าชราของเขาหมองคล้ำด้วยความสยดสยอง
เออ ดีเหลือเกิน!
เฉิงไท่พยายามโน้มน้าวแทบตาย เพียงแต่สิ่งที่หลิงอวิ๋นเอ่ยกลับเป็น ‘มันใช่เรื่องของท่านหรือ?’
ดี! พวกเจ้าอยากทำอะไรก็ทำ!
ข้าไม่สนด้วยแล้ว!
เฉิงไท่สะบัดแขนเสื้อ สายตาของเขาเย็นชา ก่อนมองไปทางลานประลองอย่างสงบ
หลิงอวิ๋นหันกลับไปมองลานประลอง นางสะบัดหอกสะบั้นนิลกาฬในมือ ก่อนปราณหอกทลายสวรรค์จะพุ่งทะยานออกไป
ภาพมายาขนาดหนึ่งหมื่นจั้งรวมตัวขึ้นที่ด้านหลังของมัน เผยให้เห็นร่างหนึ่งถือหอกไว้
ร่างดังกล่าวสวมชุดเกราะต่อสู้ไหมทอง ประหนึ่งเซียนผู้จุติลงมา หอกยาวในมือของมันถูกปกคลุมไปด้วยแสงสว่างสีทอง เจตจำนงหอกไร้เทียมทานตรงเข้าบดขยี้ลานประลอง
ครืนนน!
เหนือสวรรค์ทั้งเก้า เมฆาสีม่วงที่สลักสัญญาแห่งความเป็นความตายระหว่างลู่หยวนกับเสวียนหลี มันสัมผัสเจตจำนงหอกที่หมายจะก้าวก่ายการต่อสู้ของพวกเขาได้ เมฆาสีม่วงจึงเคลื่อนไหว เสียงฟ้าร้องดังสนั่น อัสนีสีม่วงรูปทรงประหนึ่งงูเคลื่อนไปมาตามหมู่เมฆ ราวกับว่าทัณฑ์สวรรค์พร้อมอุบัติขึ้นทุกเมื่อ
หลิงอวิ๋นหยุดมือทันที เจตจำนงหอกทลายสวรรค์ลอยอยู่บนลานประลองพร้อมโจมตี ในขณะที่สายฟ้าสีม่วงบนท้องนภาผันผวนไปมา พวกมันจับตาดูการเคลื่อนไหวของนางอย่างชิดใกล้
แรงกดดันทั้งสองอันเกิดจากเจตจำนงหอกกับพลังอัสนีปกคลุมทั่วทั้งสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ศิษย์ทั้งหลายผู้อยู่รอบนอกต่างโคจรการบ่มเพาะทั่วทั้งร่างกายเพื่อขัดขืน ถึงกระนั้นยังมีบางส่วนที่ถูกแรงกดดันจากพลังดังกล่าวจนเจ็บไปถึงทรวง
ร่างของหลิงอวิ๋นวูบไหว ก่อนจะไปอยู่กลางอากาศเหนือลานประลอง สายตาของนางสงบและเฉยชา เพียงแต่หอกสะบั้นนิลกาฬในมือยังคงระเบิดพลังอันกล้าแกร่งออกมา “เสวียนหลี ข้าหลิงอวิ๋นไม่สนอะไรทั้งนั้น หากเจ้าทำร้ายเขา วันนี้เจ้าต้องตาย!”