บทที่ 231 หอคอยสวรรค์
บทที่ 231 หอคอยสวรรค์
ไม่กี่วันผันผ่าน เรื่องของลูกแก้วส่องสวรรค์ก็ถูกฝังลึกอยู่ในใจของลู่หยวนกับเสวียนเทียนชวน
คนแรกมีแผนการ ส่วนคนหลังฉลาดปราดเปรื่อง
ลู่หยวนมอบหมายเรื่องเล็กน้อยให้ศิษย์เอกแห่งยอดเขาวิถีเร้นลับจัดการ เขาถึงขั้นมอบหมายให้เสวียนเทียนชวนทำการบ่มเพาะเผ่าภูติผีที่อพยพมาอยู่กับตระกูลเสิ่น
ยามเสวียนเทียนชวนทราบเรื่องเผ่าภูติผี เขาพลันนึกประหลาดใจ
ถึงอย่างไรเผ่าภูติผีนี้ก็ถูกมนุษย์กวาดล้างสังหาร จนไม่เหลือร่องรอยแล้ว
มันเป็นความรู้สึกที่น่าประหลาด หาใช่ความอุ่นใจไม่
เรื่องเหล่านี้ลู่หยวนกลับให้เสวียนเทียนชวนจัดการ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อใจ
ขอเพียงบุตรศักดิ์สิทธิ์เชื่อใจ แล้วมอบหมายทุกอย่างให้เขาทำก็ย่อมถือเป็นการปฏิบัติในฐานะพวกพ้อง เมื่อนั้นเรื่องการรักษาขาของเขา รวมถึงเรื่องฟื้นฟูรากฐานการบ่มเพาะ ก็ย่อมอยู่ใกล้แค่เอื้อม!
เสวียนเทียนชวนปล่อยวางเรื่องดังกล่าว ก่อนจะจมอยู่ท่ามกลางตำราโบราณ เพื่อมองหาวิธีที่ดีที่สุดในการบ่มเพาะเผ่าภูติผี
ยามนี้ ลู่หยวนกำลังฝึกฝนอยู่บนยอดเขาหอก
ทันใดนั้น นอกห้องโถงหลัก เสียงของหลิงอวิ๋นดังขึ้น “ลู่หยวน เจ้าสำนักได้มอบหมายคำสั่งมาให้ เจ้าจงไปที่ยอดเขาสูงสุด”
บุตรศักดิ์สิทธิ์หยุดโคจรพลังวิญญาณในร่างกายและสะกดมันเอาไว้
เขาลุกขึ้นแล้วเปิดประตูตำหนักออกไป เห็นหลิงอวิ๋นถือคำสั่งไว้ในมือ ดวงตาของนางลึกล้ำประหนึ่งห้วงน้ำ หาได้มีแววสั่นไหวไม่
หลิงอวิ๋นส่งมอบคำสั่งสำนักให้ลู่หยวน เอ่ยอย่างแผ่วเบาว่า “เขาเรียกเจ้าไปในคราวนี้ น่าจะเป็นเรื่องการเข้าหอคอยสวรรค์”
บุตรศักดิ์สิทธิ์มีความประทับใจเกี่ยวกับหอคอยสวรรค์
หลังสิ้นสุดการแข่งขันภายในครั้งนี้ ก่อนที่สิบอันดับแรกจะได้เข้าตำหนักจักรพรรดิแดนมัชฌิม พวกเขาสามารถเลือกเข้าหอคอยสวรรค์ได้
สมบัติที่อยู่ภายในหอคอยสวรรค์แห่งนี้ ล้วนเป็นเคล็ดตำราโบราณหายากในโลก ไม่ทราบได้ว่ามีกี่คนที่อยากเข้าไปแสวงหาร่องรอยของวาสนา เพื่อพยายามทำให้การบ่มเพาะของตนเองมีความคืบหน้า
เพียงแต่ลู่หยวนไม่ได้สนใจในเคล็ดวิชาเหล่านั้น สิ่งที่เขาสนใจก็คือ ภายในหอคอยสวรรค์แห่งนั้น มีสิ่งที่บันทึกเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์มารอยู่กี่ชิ้น!
ยามชายหนุ่มรับคำสั่งสำนักมาแล้ว เขาก็มุ่งหน้าสู่ยอดเขาสูงสุด
เมื่อมาถึงห้องโถงหลัก พบว่าอีกเก้าคนรออยู่ก่อนแล้ว
ฮ่วนซิงไป๋เป็นคนแรกที่ก้าวมาข้างหน้า เขาเดินมาอยู่ข้างกายลู่หยวน ก่อนยกมือขึ้นทำความเคารพ “บุตรศักดิ์สิทธิ์!”
ลู่หยวนทำความเคารพกลับพอเป็นพิธี ไม่นานคนอื่นก็เข้ามาทักทายเช่นกัน ใบหน้าของพวกเขาประดับด้วยรอยยิ้ม พลางไถ่ถามทุกข์สุข
ส่วนใหญ่คนเหล่านี้เป็นลูกหลานของตระกูลชั้นสูง จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะทราบว่า ภายใต้สถานการณ์ตอนนี้ หากสานสัมพันธ์กับลู่หยวน ย่อมไม่ใช่เรื่องเลวร้ายแต่อย่างใด
แม้ทางฝั่งลู่หยวนจะดูคึกคัก แต่ทางชิวชิงหลีกับฉู่เชิ่งกลับเงียบสงัด
ยามฉู่เชิ่งเห็นว่าลู่หยวนเป็นที่ต้องการของผู้อื่น เขาจึงเผยรอยยิ้มเย็นชาอยู่ในใจ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหยียดหยามประมาณหนึ่ง
ลู่หยวน เมื่อใดที่ข้าเข้าตำหนักจักรพรรดิจนได้รับวาสนามา เมื่อนั้นข้าจะทุบตีเจ้าให้เหมือนกับสุนัขขี้แพ้!
ส่วนชิวชิงหลียืนตัวตรง นางคิ้วขมวดประมาณหนึ่ง ตั้งแต่ลู่หยวนปรากฏตัวขึ้น วิญญาณอีกดวงที่อยู่ในร่างของนางยังคงให้คำแนะนำไม่ขาดสาย
“ชิวชิงหลี ลู่หยวนจะต้องเป็นผู้ปกครองแห่งอนาคตอย่างแน่นอน! เจ้าควรทิ้งฉู่เชิ่ง แล้วติดตามบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ถึงจะเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง!”
“ดูพี่ฉู่เชิ่งของเจ้าในตอนนี้สิ สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาคงอยากทิ่มแทงบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ให้ได้ แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ไม่แม้แต่จะเหลียวแลเขาด้วยซ้ำ”
“จุ๊ ๆๆ ข้าไม่เข้าใจเลยว่า เหตุใดเจ้าถึงไปตกหลุมรักตัวตลกแบบนี้ได้! เหตุใดเจ้าถึงไม่ให้ข้าควบคุมร่างกาย ข้าจะได้ตามหาร่างใหม่ให้ เจ้ากับพี่ฉู่เชิ่งก็จะได้มีช่วงเวลาอันแสนสุขร่วมกัน!”
ชิวชิงหลีตะโกนในใจว่า “หุบปาก!”
ทันใดนั้น กลิ่นอายในใจของชิวชิงหลีพลันผันผวน คลื่นวิญญาณแผ่ซ่านออกมาจากจิตเทวะของนาง ก่อเกิดเป็นโซ่ตรวนเพื่อผนึกวิญญาณอีกดวงเอาไว้ชั่วคราว
“เรื่องของข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องมาก้าวก่าย! เจ้าอย่าคิดที่จะฉวยโอกาสควบคุมร่างกายของข้าเหมือนอย่างที่ทำเมื่อคราวที่แล้ว!”
ก้นบึ้งในใจของนางเกิดความเงียบสงัด ไม่มีเสียงดังขึ้นอีก
ชิวชิงหลีระบายลมหายใจเฮือกหนึ่งเพื่อสงบสติตัวเอง
ทันทีที่เงยหน้าขึ้น ชิวชิงหลีเห็นลู่หยวนกำลังเดินมาหา นางจึงยกมือขึ้นทำความเคารพ น้ำเสียงของนางแจ่มชัดและเย็นชา “คารวะบุตรศักดิ์สิทธิ์”
มุมปากของลู่หยวนยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม “เหตุใดชิงหลีถึงทำตัวสุภาพเช่นนี้? ก่อนหน้านี้เจ้ากับข้า หึ ๆ”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ลู่หยวนจงใจทิ้งช่วง รอยยิ้มบนใบหน้าของเขากว้างมากขึ้น
หากคำพูดไม่จบประโยคเช่นนี้เข้าหูผู้อื่น ย่อมทำให้ผู้อื่นคิดไปต่าง ๆ นานา
ผู้คนที่อยู่ด้านหลังของเขา ต่างพากันสนทนาหลังจากได้ยินคำพูดดังกล่าว
“ข้าบอกแล้วว่าชิวชิงหลีเป็นของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่! ฉู่เชิ่งผู้นั้นก็แค่หน้าด้านตามติดชิวชิงหลี เพื่อหาโอกาสที่จะได้รับวาสนา!”
“ฉู่เชิ่งผู้นี้ช่างหน้าไม่อาย! เรื่องของชิวชิงหลีกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่แพร่สะพัดไปทั่วสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่เขายังเกาะผู้หญิงกินอยู่อีก! เจ้าคนไร้ประโยชน์!”
“เรื่องนี้จะโทษเขาก็ไม่ถูก ถึงอย่างไร การติดตามศิษย์พี่ชิวชิงหลีก็ทำให้ได้รับผลประโยชน์มากมาย หากศิษย์พี่ชิวชิงหลีหันมาสนใจข้า ข้าก็พร้อมจะย้ายไปอยู่บ้านนางเลย!”
“ข้าได้ยินมาว่า หลังจากเขาเข้าสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ การบ่มเพาะและการเลื่อนขั้นของเขาต่างพึ่งทรัพยากรจากศิษย์พี่ชิวชิงหลี! แม้กระทั่งตำแหน่งศิษย์เอกของบรรพชนดาบ เขาได้รับมาก็เพราะศิษย์พี่ชิวชิงหลีออกหน้าให้ บรรพชนดาบจึงต้องยอมนาง! การแข่งขันภายในครั้งนี้ ที่เขาได้อันดับสาม เกรงว่า…”
ยามฉู่เชิ่งได้ยินคนเหล่านี้พูดถึงเรื่องของตน โทสะจึงก่อตัวขึ้นภายในตัวเขา
การบ่มเพาะของเขา ล้วนมาจากความพยายามทีละขั้นตอนของเขาทั้งสิ้น!
มันเกี่ยวอะไรกับชิวชิงหลี?!
ต่อให้ไม่มีชิวชิงหลี เขาก็ยังสามารถได้รับตำแหน่งศิษย์เอกของบรรพชนดาบอยู่ดี!
อันดับสามจากการแข่งขันภายใน เขาก็ได้มันมาด้วยกำลังของตน!
หน้าอกของฉู่เชิ่งยังคงกระเพื่อมไปมา ราวกับโทสะกำลังปะทุเพราะความอับอาย
ลู่หยวนพ่นลมออกจมูก เพียงไม่กี่คำก็ทำให้ฉู่เชิ่งผู้นี้โกรธได้ ช่างเป็นคนที่ไร้สมองเสียจริง!
ในใจของฉู่เชิ่ง เสียงของท่านหู่ดังขึ้นอย่างประจวบเหมาะ “เจ้าหนู อย่าตกหลุมพราง ลู่หยวนผู้นี้ตั้งใจจะยั่วโมโหเจ้า! หากเจ้าโกรธขึ้นมา มันก็เป็นไปตามที่อีกฝ่ายต้องการพอดี!”
“วันนี้เป็นวันเข้าสู่หอคอยสวรรค์ของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ข้างในนั้นจะต้องมีมรดกอย่างแน่นอน อย่ามามัวเสียเวลากับเรื่องเล็กน้อยพวกนี้เลย!”
สิ้นคำของท่านหู่ ฉู่เชิ่งจึงสะกดโทสะทั้งหมดเอาไว้ในใจ สีหน้าของเขาที่ราวกับอยากฉีกทึ้งลู่หยวนไม่หลงเหลืออีกต่อไป
เมื่อเห็นดังนี้ ลู่หยวนจึงบังเกิดความสงสัย
เด็กคนนี้ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถสะกดอารมณ์ทั้งหลายเอาไว้ได้ หมายความว่าต้องมีบุคคลระดับสูงที่คอยชี้นำอยู่เบื้องหลังเป็นแน่!
ไพ่ตายของเด็กคนนี้ จะมีความข้องเกี่ยวกับวิญญาณบรรพบุรุษหรือไม่?
ก่อนลู่หยวนจะทันได้สืบค้นไปมากกว่านี้ เฉิงไท่ก็เดินเข้ามาในห้องโถงหลัก
ทุกคนต่างยกมือขึ้นทำความเคารพ
เฉิงไท่ยืนอยู่เบื้องหน้าทุกคน แล้วเอ่ยว่า “ข้าเรียกพวกเจ้ามาในวันนี้ก็เพื่อจะพาเข้าไปในหอคอยสวรรค์ มันคือสถานที่ที่รวบรวมตำราลับไว้มากที่สุดในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ พวกเจ้าสามารถเข้าไปได้สามวัน สามารถอ่านได้เท่าที่ต้องการ แต่ห้ามนำออกมาเด็ดขาด!”
สิ้นคำเฉิงไท่สะบัดมือ ทันใดนั้นแสงสว่างสีทองสิบสายก็ทะยานออกมา ก่อนจะตกลงสู่มือของทุกคน
“นี่คือเหรียญตราที่ใช้เข้าหอคอยสวรรค์ ขอเพียงมีเหรียญตรานี้ พวกเจ้าก็สามารถเคลื่อนไหวในหอคอยสวรรค์ได้อย่างอิสระ ไปได้!”
ทุกคนยกมือขึ้นเพื่อตอบรับ ก่อนจะพากันล่าถอย
หลังออกจากห้องโถงหลัก ฮ่วนซิงไป๋เดินมาอยู่ข้างกายลู่หยวนแล้วยัดแผนที่ให้อีกฝ่าย เอ่ยเสียงต่ำว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์ นี่คือแผนที่หอคอยสวรรค์ มันแสดงพื้นที่ของตำราทั้งหลายที่อยู่ภายในนั้น”
*ชี้แจงจากทีมงาน ENJOYBOOK ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป จะมีการเปลี่ยนชื่อ ‘ศาลาสวรรค์’ เป็น ‘หอคอยสวรรค์’ จึงเรียนมาเพื่อทราบและขออภัยในความไม่สะดวก