บทที่ 312 ชิวเสวียนเข้าสู่แดนมัชฌิม
บทที่ 312 ชิวเสวียนเข้าสู่แดนมัชฌิม
ชิวเฟิงจู้กำลังจะหยิบยันต์ออกมาเพื่อถ่ายทอดคำสั่งให้กับหลิงเทา
ทันใดนั้นก็เกิดความผันผวนขึ้นในอากาศ แล้วยันต์สีทองก็ปรากฏออกมา!
ชิวเฟิงจู้สีหน้าตกตะลึง ยันต์แผ่นนี้เป็นของผู้มีสถานะสูงส่งในตระกูลชิว มีเพียงเรื่องสำคัญมากเท่านั้นถึงจะใช้มันในการออกคำสั่งหรือถ่ายทอดข้อมูลได้
นางหยิบยันต์ขึ้นมาก่อนจะเห็นแสงวาบ แถวตัวอักษรขนาดเล็กพลันปรากฏขึ้น
นางอ่านมันอย่างละเอียดโดยไม่ขาดตกแม้แต่คำเดียว
หลังจากอ่านจบแล้ว สีหน้าของชิวเฟิงจู้ก็ยิ่งแปลกประหลาด ดวงตาของนางกลอกไปมาอย่างครุ่นคิด
ผ่านไปสักพักใหญ่ นางเอื้อมมืออันสั่นเทาออกไปคว้าแผ่นยันต์ไว้แล้วนั่งลง
ตอนนี้ชิวหลิงเดินเข้ามายังห้องโถงหลักจากด้านนอกเพื่อจะรายงานบางอย่าง ทำให้นางได้เห็นสีหน้าซีดเผือดของชิวเฟิงจู้
ชิวหลิงชำเลืองมองรอบข้าง ก่อนสังเกตเห็นยันต์ในมือของชิวเฟิงจู้ จากนั้นจึงถามขึ้นว่า “ท่านอาเฟิงจู้ คือว่า…เกิดเรื่องอะไรกับตระกูลงั้นหรือเจ้าคะ?”
ชิวเฟิงจู้จัดลำดับความคิดสักพักแล้วพยักหน้าอย่างเหม่อลอย “ใช่”
ชิวหลิงยังคงถามต่อ “กะ…เกิดเรื่องอะไรขึ้นเจ้าคะ?”
ชิวเฟิงจู้ส่งยันต์ให้ ชิวหลิงจึงรับไว้แล้วกวาดสายตาอ่านทันที ทันใดนั้นดวงตาของนางก็เบิกกว้าง “คะ…คุณชายใหญ่จะตามพวกเรามาที่แดนมัชฌิมงั้นหรือ?!”
บนยันต์แผ่นนั้นมีลายมือที่เขียนโดยองครักษ์ของผู้อาวุโสใหญ่ มันเขียนว่าใกล้ถึงเวลาที่คุณชายใหญ่ชิวเสวียนจะออกจากการเก็บตัวแล้ว เขาจึงอยากเตรียมการต้อนรับเฉลิมฉลองให้แก่อีกฝ่าย
แต่หลังจากรออยู่สิบกว่าวันก็ไม่มีความเคลื่อนไหวในถ้ำที่ชิวเสวียนบ่มเพาะอยู่ ผู้อาวุโสใหญ่ก็ยิ่งสับสน ดังนั้นเขาจึงทะลวงค่ายกลเข้าไป แต่กลับพบว่าข้างในนั้นว่างเปล่า
เขาจึงขอให้ใครบางคนใช้สุดยอดพลังเพื่อระบุตำแหน่งของชิวเสวียน ทำให้พบว่าอีกฝ่ายได้มาถึงแดนมัชฌิมแล้ว!
ผู้อาวุโสใหญ่คาดเดาว่าอีกฝ่ายคงติดตามพวกเขามาสักพักแล้วเพื่อทะลวงค่ายกลภายนอกของตระกูลชิว ก่อนจะหลบหนีไป!
ถึงแม้บนยันต์แผ่นนั้นจะไม่ได้กล่าวถึงว่าการกระทำของชิวเสวียนเกี่ยวข้องกับพวกนางหรือไม่ แต่ชิวเฟิงจู้ย่อมสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันแรงกล้าจากทุกตัวอักษร
ในข้อความข้างท้ายของยันต์ องครักษ์เพียงเอ่ยประโยคเดียว
“ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ต้องรับรองความปลอดภัยของคุณชายชิวเสวียนให้จงได้! อย่าให้คุณชายใหญ่มีรอยฟกช้ำเด็ดขาด! หาไม่แล้ว… พวกเจ้าตาย!”
ข้อความสุดท้ายเขียนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทว่ากลับแฝงไว้ด้วยจิตสังหารเย็นยะเยือกลึกไปถึงกระดูก!
“คุณชายผู้นี้กำลังสร้างปัญหาให้พวกเราไม่ใช่หรือ?!”
ชิวหลิงกำยันต์ไว้มั่นขณะเม้มริมฝีปาก
“แดนมัชฌิมกว้างใหญ่ จะรู้ได้อย่างไรว่าคุณชายใหญ่อยู่ที่ใด?!”
“ไหนบอกว่าระบุตำแหน่งของคุณชายใหญ่ได้แล้วอย่างไรเล่า? เหตุใดจึงไม่บอกตำแหน่งที่แน่ชัดมา?”
ยามนี้ชิวหลิงรู้สึกไม่พอใจ หากผู้ใดในตระกูลชิวทำให้ผู้นำตระกูลขุ่นเคืองก็ยังพอคุยกันได้ ถึงอย่างไรพวกเขาต้องคำนึกถึงความสัมพันธ์เครือญาติ ขอเพียงไม่ใช่ความผิดพลาดร้ายแรง ย่อมไม่มีทางถึงแก่ความตาย
แต่ถ้าสร้างความขุ่นเคืองให้กับสายเลือดของผู้อาวุโสใหญ่ ก็เป็นอีกเรื่อง!
ผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลชิวเคยเป็นหนึ่งในผู้ชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลชิว
ในช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจ ผู้อาวุโสใหญ่ได้กระทำการบุ่มบ่าม จึงทำให้พ่ายแพ้อย่างหมดรูป ส่งผลให้สูญเสียตำแหน่งผู้นำตระกูลไป
แต่สมาชิกตระกูลชิวที่รวบรวมได้ในตอนนั้นต่างพากันติดตามเขาด้วยความสมัครใจ!
ด้วยเหตุนี้เขาจึงยังครองตำแหน่งผู้อาวุโสใหญ่ไว้ได้!
หลายปีที่ผ่านมา สมาชิกตระกูลต่างเข้าร่วมกับเขาเป็นจำนวนมากเพื่อให้การสนับสนุน โดยที่พวกเขาได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งสำคัญในตระกูลชิว
อำนาจของผู้อาวุโสยิ่งเพิ่มพูน ทำให้เกือบเทียบเคียงกับผู้นำตระกูลได้!
เพียงแต่ท่านบรรพชนเป็นผู้กำหนดตำแหน่งผู้นำตระกูลในตอนนั้น ต่อให้ผู้อาวุโสใหญ่ในยามนี้มีอำนาจมากแค่ไหน เขาก็ยังไม่กล้าล้ำเส้น!
ความรู้สึกที่สั่งสมมาหลายปียังคงเก็บงำอยู่ภายในใจ ยิ่งทำให้ผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลชิวเต็มไปด้วยโทสะ
หากผู้ใดทำให้ขุ่นเคืองใจ เกรงว่าจุดจบคงไม่สวยเท่าไหร่!
คราวนี้หลานชายหัวแก้วหัวแหวนออกจากตระกูลชิวมาพร้อมกับพวกเขา หากได้รับบาดเจ็บขึ้นมา ผู้อาวุโสใหญ่จะต้องโกรธพวกเขาอย่างแน่นอน!
ชิวเฟิงจู้พบว่าเรื่องราวนี้จัดการยาก หากเป็นเมื่อไม่กี่วันก่อน พวกนางย่อมออกตามหาชิวเสวียนได้ แต่บัดนี้ทุกคำพูดและการกระทำกลับถูกเปิดเผยต่อหน้าตระกูลทั้งหลาย
หากค้นหาอย่างบุ่มบ่าม ย่อมเป็นการเปิดเผยข้อมูลว่ายามนี้ชิวเสวียนอยู่ในแดนมัชฌิมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การเปิดเผยดังกล่าวอาจไม่ใช่ผลดีต่ออีกฝ่ายเท่าไหร่!
แม้ในยามปกติ ตระกูลเหล่านี้จะแย้มยิ้มและเต็มใจช่วยเหลือยามประสบเรื่องลำบาก
แต่เมื่อหายนะมาเยือน พวกเขาย่อมเลือกที่จะยืนอยู่ด้านข้าง
หากข้อมูลของชิวเสวียนถูกเปิดเผยจนล่วงรู้ถึงหูอีกฝ่ายขึ้นมา ใครเล่าจะล่วงรู้ว่าพวกเขาจะลอบทำอะไรลับหลัง?
เพราะการวางตัวหมากนี้ ทำให้ตระกูลชิวตกเป็นผู้ต้องสงสัยจากหลายตระกูล หากยามนี้ยังมีเรื่องอื่นเกิดขึ้นอีก ผู้ที่จะได้รับผลกระทบเป็นคนแรกย่อมไม่พ้นชิวเสวียน!
“การระบุตำแหน่งมีค่าใช้จ่ายสูง ข้าเดาว่าพวกเขาเพียงทราบตำแหน่งแบบวงกว้างเท่านั้นถึงได้เริ่มต้นที่แดนมัชฌิม”
“หาไม่แล้ว คนที่อยู่ใต้อาณัติผู้อาวุโสใหญ่คงมาที่นี่นานแล้ว”
ชิวเฟิงจู้กุมหน้าผากที่เริ่มปวดตุบอย่างรุนแรง “พวกเราต้องตามหาเขาให้เจอ”
ชิวหลิงเม้มริมฝีปาก “พวกเราต้องตามหาอยู่แล้วเจ้าค่ะ แต่จะเอากำลังคนที่ไหนออกไปตามหาเขาเล่า?!”
“ตอนนี้แค่ก้าวออกจากลานบ้านไป สายตาทุกคู่ในแดนมัชฌิมต่างก็จับจ้องมาแล้ว!”
ชิวเฟิงจู้พยักหน้าแล้วเงยหน้าขึ้น “ข้ารู้ดี เพราะอย่างนั้นเราต้องไม่เคลื่อนไหว!”
สิ้นคำ ชิวเฟิงจู้ก็หยิบยันต์ที่มอบให้หลิงเทาก่อนหน้านี้ออกมา ก่อนเขียนตัวอักษรบางอย่างลงไป
เมื่อเขียนจบประโยค นางกำมือแล้วยันต์ก็หายไป
ชิวหลิงขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “ถึงแม้หลิงเทาจะเป็นหนึ่งในพวกของเรา แต่ถึงอย่างไรก็เป็นตัวตนในตระกูลหลิง หากขอให้เขาเคลื่อนไหวตอนนี้จะไม่ทำให้เราลำบากหรือเจ้าคะ? อาจจะดึงดูดความสนใจของตระกูลหลิงด้วย…”
“ไม่มีปัญหา”
ชิวเฟิงจู้เอ่ยขัดคำพูดของชิวหลิง “ตอนนี้ยังไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ต่อให้มีเพียงหลิงเทาที่ออกตามหา แต่ก็ยังดีกว่าให้พวกเราออกไป!”
“ตอนนี้ข้ามาลองคิดอย่างถ้วนถี่แล้ว ยังไม่มีผู้อยู่ใต้อาณัติของผู้อาวุโสใหญ่ถูกส่งมา หมายความว่าพวกเขาติดพันเรื่องอื่นอยู่ จึงฝากฝังมาให้พวกเราจัดการแทน”
“ในเมื่อไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน จึงขอให้หลิงเทาค่อย ๆ ค้นหา แล้วพวกเรายังมีเวลาสะสางเรื่องทางนี้ให้เรียบร้อยเช่นกัน!”
ชิวเฟิงจู้สูดหายใจเข้า “คาดไม่ถึงว่าแดนมัชฌิมแห่งนี้จะมีพยัคฆ์ซุ่มมังกรซ่อนอยู่…”
…
นอกห้องโถงหลักของตระกูลหลิง หลิงเทากำลังยืนรอด้วยความเคารพ
ผ่านไปหลายอึดใจ เสียงอันดุดันก็ดังมาจากห้องโถง “เข้ามา!”
หลิงเทาเปิดประตูห้องโถงแล้วเดินเข้าไป
ภายในนั้น หลิงอวิ๋นยืนอ่านตำราโบราณอยู่หน้าชั้นหนังสือ แม้เขาจะเข้ามาแล้ว แต่นางเพียงถามขึ้นโดยไม่เงยหน้าว่า “มีอะไรหรือ?”
หลิงเทาประสานมือทำความเคารพ “ประมุขน้อย ปลากินเหยื่อแล้วขอรับ”