บทที่ 364 ชี้นำชิวเสวียน
บทที่ 364 ชี้นำชิวเสวียน
คนที่ถือหอกซึ่งหมายจะสังหารลู่หยวนก็คือชิวเสวียน!
ถึงแม้จะไม่ได้รวมอยู่ในแผนการของตระกูลชิว แต่เขาก็ยืนกรานหนักแน่นที่จะตามมาด้วย
ทาสอารักขาทั้งหลายไม่กล้าตัดสินใจทันที ถึงอย่างไร เรื่องนี้…บรรพชนก็ให้ค่าแก่อีกฝ่ายไว้มาก!
ทว่าหลังจากส่งสารกลับไปหาตระกูล บรรพชนกลับยอมให้ชิวเสวียนตามไปได้!
ทาสอารักขาจึงไม่อาจเอ่ยอะไรได้ ตอนปรากฏตัวในวังจักรพรรดิแดนมัชฌิมวันนี้ พวกเขาได้พาชิวเสวียนมาด้วย!
ตั้งแต่ชิวเสวียนเห็นลู่หยวนครั้งแรก เขาก็จำได้ทันทีว่าคนผู้นี้คือคนเดียวกับผู้ล่วงรู้ตัวตนของเขาตอนที่อยู่ในดินแดนลับ!
เขายิ่งเดือดดาลและเต็มไปด้วยจิตสังหาร!
หลังจากลู่หยวนนั่งลง ชิวเสวียนก็ขว้างหอกยาว ซึ่งเต็มไปด้วยพลังแห่งวิถีคุณธรรมสูงสุดออกไป!
หอกพุ่งออกไปจนไม่มีอะไรหยุดยั้งได้ มันกำลังจะปลิดชีพอีกฝ่ายได้อยู่แล้ว
แต่คาดไม่ถึงว่าในช่วงวิกฤตนี้ ดาบเล่มหนึ่งจะพุ่งลงมาฟาดหอกที่ข้างกาย!
อีกแค่นิดเดียว!
ภายในใจของชิงเสวียนยิ่งเดือดดาล ทันทีที่เงยหน้าขึ้นก็ได้ยินเสียงบนท้องนภา ก่อนจะพบคนผู้หนึ่งกำลังเอ่ยด้วยความเกียจคร้าน อีกฝ่ายถึงขั้นบอกว่าอยากปกป้องลู่หยวน!
เมื่อมองอย่างละเอียดก็พบผู้ชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลู่หยวนยืนอยู่กลางอากาศ เขามีท่าทางไม่เร่งรีบประหนึ่งเทพโบราณ ซึ่งกลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาไม่ได้แก่กล้าแต่อย่างใด
แต่อีกสองคนที่ตามหลังคนผู้นี้…
ชิวเสวียนหรี่ตาลง พลันเห็นผู้หญิงยืนเอามือกอดอกอยู่ทางฝั่งซ้ายพร้อมกับเผยรอยยิ้มขี้เล่น
ผู้หญิงคนนี้นับว่าหน้าตาสะสวย นางสวมชุดสีแดงร้อนแรงและมีรูปลักษณ์ที่เร่าร้อนยิ่ง ทำให้ทุกคนต่างพากันอิจฉายามได้ชายตามอง แต่เมื่อนางเหลือบมองด้วยสายตาท้าทายโลก กลับให้ความรู้สึกประหนึ่งกำลังดูถูกสิ่งมีชีวิตที่แสนน่าเบื่อ!
ส่วนทางฝั่งขวาของคนผู้นั้นคือชายชราค่อนข้างมีอายุ
ชายชราพิงไม้เท้าขณะก้มตัวต่ำ ใบหน้าซูบตอบจนน่ากลัว เขาไอครั้งเป็นครั้งคราว กลิ่นอายเบาบางประหนึ่งเส้นด้ายจนดูเหมือนกับจวนเจียนตายทุกเมื่อ
แต่ชิวเสวียนมองออกเช่นกันว่าชายชราที่คล้ายกับกำลังจะตายผู้นี้เป็นคนที่ทรงพลังที่สุด!
ผู้หญิงคนนั้นคือผู้อาวุโสเจ็ดแห่งตระกูลฮ่วน… ฮ่วนอวี่หลัน!
ส่วนชายชราคือผู้อาวุโสใหญ่แห่งตระกูลฮ่วน… ฮ่วนปั๋ว!
“พวกเจ้าเป็นใคร?!”
ชิวเสวียนชำเลืองมองผู้ชายท่าทางเกียจคร้านด้วยความเกรี้ยวกราด
สองนิ้วที่มือขวาของชายคนนั้นชิดติดกันก่อนจะยกขึ้น ดาบที่เพิ่งฟันหอกก็ถอยกลับมาอยู่ในมือของเขาทันที
โฮก!
เสียงคำรามทุ้มต่ำของมังกรดังก้องในหูของทุกคน
เมื่อสิ้นเสียงของมัน ผู้ชายที่ยืนอยู่ในอากาศก็เอ่ยว่า “ตระกูลฮ่วน ฮ่วนซิงไป๋!”
ทุกวันนี้ ชิวเสวียนเคยได้ยินชื่อบุคคลและตระกูลในแดนมัชฌิมไม่มากก็น้อย จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะรู้จักตระกูลฮ่วน รวมถึงคุณชายประจำตระกูลอย่างฮ่วนซิงไป๋!
“เจ้าอยากปกป้องฉู่เชิ่งงั้นหรือ?!”
ชิวเสวียนมองฮ่วนซิงไป๋อย่างเกรี้ยวกราดขณะเอ่ยราวกับถูกเค้นออกมาจากลำคอ ในเวลาเดียวกัน พลังรอบกายเขาก็เพิ่มขึ้นราวกับพร้อมจะระเบิด เข้าปะทะกับอีกฝ่ายทุกเมื่อ!
ฮ่วนซิงไป๋ตกตะลึงหลังจากได้ยินคำพูดของชิวเสวียน “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?!”
เขากำลังปกป้องบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ แล้วไปเกี่ยวอะไรกับเจ้าสารเลวอย่างฉู่เชิ่ง?!
มีเพียงปีศาจเท่านั้นที่จะช่วยเดรัจฉานนั่น!
พลังแห่งวิถีคุณธรรมในมือของชิวเสวียนก่อตัวเป็นหอกอย่างรวดเร็ว เขายกมือขึ้นแล้วชี้มันไปที่ลู่หยวน “ฉู่เชิ่งทำให้ข้าขุ่นเคือง วันนี้ข้าต้องการชีวิตของเขา!”
ฮ่วนซิงไป๋เงียบไปสักพัก จากนั้นก็หรี่ตาก่อนจะเหลือบไปเห็นชายผู้หนึ่งที่กำลังซ่อนตัว อีกฝ่ายคล้ายกับกำลังรอโอกาสรุก
เพียงหนึ่งอึดใจ เขาพยักหน้าเล็กน้อย ดวงตาพลันทอประกาย
เมื่อมองชิวเสวียนอีกครั้ง ความมุ่งร้ายในดวงตาก็ลดลงก่อนจะลอบส่งกระแสจิต “สหาย เช่นนั้นเจ้าก็จำผิดคนแล้ว คนผู้นี้คือลู่หยวนหรือก็คือบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ส่วนฉู่เชิ่งที่เจ้าพูดถึงคือคนเจ้าเล่ห์ที่อยู่ด้านข้างนั่นต่างหาก!”
ชิวเสวียนตกตะลึง พลันเอ่ยขึ้นว่า “เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะเข้าใจผิด! ข้าเห็นเจ้านั่นมากับตา ซึ่งเหมือนกับคนนี้…”
เขาพลันนิ่งไปเมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ทำให้ไม่อาจพูดส่วนที่เหลือออกมาได้!
ฮ่วนซิงไป๋รู้ถึงความคิดของอีกฝ่าย “เหอะ… ก็แค่การจำแลงเท่านั้น มีวิชาลับนับไม่ถ้วนบนแผ่นดินนี้ที่สามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นคนอื่นได้!”
สายตาของเขาชำเลืองมองมือของชิวเสวียนก่อนจะเข้าใจ จากนั้นจึงลอบส่งกระแสจิตต่อ “ตระกูลชิวของเจ้าก็มีวิชาเปลี่ยนรูปลักษณ์ไม่ใช่หรือ ก่อนหน้านี้เจ้าก็เคยเห็นมาแล้วว่าฉู่เชิ่งมีวิชาแบบนั้นเหมือนกัน”
“หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าได้พบกับเด็กคนนี้ในดินแดนลับสักแห่งใช่หรือไม่!”
สีหน้าของชิวเสวียนเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินเช่นนี้
ฮ่วนซิงไป๋รู้ทันทีว่าตัวเองเดาถูกหลังจากเห็นสีหน้าดังกล่าว เขาจึงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “มีผู้คนมากมายในแดนมัชฌิมที่ถูกคนผู้นี้หลอก! ฉู่เชิ่งมักแปลงร่างเป็นคนอื่นเพื่อช่วงชิงสมบัติ!”
“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองไปถามด้วยตัวเองเลย”
ชิวเสวียนไม่ทราบเรื่องราวในแดนมัชฌิมมากนัก ถึงแม้จะเคยถามพวกชิวเฟิงจู้เกี่ยวกับคนที่ชื่อฉู่เชิ่งมาบ้าง แต่พวกนางมักลังเลยามสนทนาราวกับไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับอีกฝ่าย!
เขาจึงยิ่งสงสัยและไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ฮ่วนซิงไป๋พูดมาเป็นความจริงหรือไม่
ฮ่วนซิงไป๋คาดการณ์ถึงเรื่องนี้เอาไว้อยู่แล้ว การที่เขาปรากฏตัวในครั้งนี้ก็เพื่อปกป้องลู่หยวนให้รอดจากพายุสายฟ้าอย่างปลอดภัย ส่วนคนที่เหลือจะเป็นอย่างไรก็ช่าง
เขาไม่ห่วงเรื่องการควบคุมสถานการณ์ เพราะนั่นเป็นหน้าที่ของพวกเสวียนเทียนชวน!
อีกทั้งยามนี้ดูเหมือนตระกูลที่กระสับกระส่ายเหล่านั้นจะหายไปแล้ว พวกเขาคล้ายกับล้มเลิกความคิดที่จะโจมตี
แต่ตระกูลชิวนี้รับมือได้ไม่ง่าย!
แม้กระทั่งลู่เทียนเฟิ่งกับหลิงอวิ๋นก็ไม่สามารถปราบยอดฝีมือสวมหน้ากากสีดำสามคนได้ นั่นแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายมีอุบายที่ไม่ธรรมดา!
ฮ่วนซิงไป๋ทราบเช่นกันว่าแม้กระทั่งอำนาจที่คอยหนุนหลัง ก็ไม่อาจสังหารสามคนนั้นได้ในทันที!
ถ้าอย่างนั้น แค่ยื้อเอาไว้ก็พอแล้ว!
ฮ่วนซิงไป๋เอามือไพล่หลังขณะทำลายยันต์ ทำให้มันหายไปในชั่วพริบตา ก่อนจะปรากฏตัวที่ด้านหลังฉู่เชิ่งในหนึ่งอึดใจ
ฉู่เชิ่งย่อมสัมผัสได้ถึงความผันผวนในอากาศด้านหลัง เขาจึงหลบเลี่ยงเพื่อรักษาระยะห่างทันที
ฮ่วนซิงไป๋ชำเลืองมองอีกฝ่ายที่เพิ่งถอยออกมา ก่อนจะยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “สหาย นี่คือทั้งหมดที่ข้าอยากจะพูด เจ้าไม่ต้องเชื่อก็ได้ แต่ว่าฉู่เชิ่งผู้นี้กำลังจะหนีแล้ว!”
ชิวเสวียนหลุบตามองก่อนจะเห็นว่าชายคนนั้นกำลังลอบหลบหนีออกไปจริง ๆ
ทันใดนั้น ชิวเสวียนก็ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “ฉู่เชิ่ง!”
ร่างที่กำลังทะยานออกไปไกลหยุดนิ่งขณะเหลียวหลังโดยไม่รู้ตัว จากนั้นจึงเร่งความเร็วแล้วซ่อนตัว!
ฉู่เชิ่งย่อมไม่ทราบว่าสองคนนั้นสนทนาอะไรกัน แต่เขาทราบว่าความผันผวนในอากาศเมื่อครู่พุ่งเป้ามาที่ตน!
ในเมื่อเสียโอกาสไปแล้ว ตอนนี้จึงถึงเวลาถอยเพื่อเฝ้ารอโอกาสใหม่!
เขายิ่งไม่เข้าใจว่าเหตุใดผู้ชายในอากาศที่แต่งตัวเหมือนคุณชายถึงเอ่ยทักจนตนต้องหันกลับมามอง
ซึ่งเขาไม่ทราบเลยว่าการหันกลับไปมองเท่ากับเป็นการยืนยันสิ่งที่ชิวเสวียนกำลังคิดเอาไว้!