บทที่ 381 วิญญาณหอกเถี่ยหนิว
บทที่ 381 วิญญาณหอกเถี่ยหนิว
ฮ่วนซิงไป๋กับเจียงเชียนชิวกำลังต่อสู้กันอย่างหนักหน่วงในแดนมัชฌิม เพียงไม่กี่อึดใจก็ประมือกันไปกว่าหนึ่งร้อยกระบวนท่า
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ฮ่วนซิงไป๋เริ่มรู้สึกว่าตนเองเสียเปรียบ
เนื่องจากที่แห่งนี้คือแดนมัชฌิม เจียงเชียนชิวจึงได้รับการเสริมพลังจากโชคชะตาของที่นี่ ยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งแข็งแกร่ง ตรงกันข้ามกับฮ่วนซิงไป๋ที่เหนื่อยล้าหลังจากเปิดเส้นชีพจรโลหิต การที่เขายืนหยัดจนถึงตอนนี้จึงเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ
ทันใดนั้น!
เจียงเชียนชิวก็ฉวยโอกาสตวัดง้าวในมือจนดาบยาวมังกรพลัดถิ่นกระเด็นออกไป ก่อนจะแทงไปที่หัวใจของฮ่วนซิงไป๋อย่างรวดเร็ว
ฮ่วนอวี่หลันผู้อยู่ไม่ไกลตกตะลึงเมื่อเห็นเช่นนี้ จึงโคจรการบ่มเพาะทั้งหมดเพื่อเข้าช่วยเหลือ
ทว่ามีดตัดกระดูกสองเล่มพุ่งมาอย่างรวดเร็วเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของนางเอาไว้
บัดนี้ ง้าวรุกคืบมาที่หัวใจของฮ่วนซิงไป๋แล้ว!
ชิ้ง!
แสงสีทองสาดส่องออกมาจากหัวใจของฮ่วนซิงไป๋เพื่อปัดป้องง้าว
“กำแพงพิทักษ์ชีพหรือ?”
เจียงเชียนชิวเย้ยหยัน “ฮ่วนซิงไป๋ ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะปกป้องชีวิตตัวเองได้สักกี่ครั้งกัน!”
สิ้นคำ เขาก็แทงง้าวเข้าไปที่หัวใจอีกครั้ง
แสงสีทองพลันสลายไปเมื่อง้าวเสือกเข้ามา แล้วกำแพงพิทักษ์ชีพก็แตกกระจายในชั่วพริบตา
ทันใดนั้น ง้าวก็กำลังจะแทงเข้าสู่หัวใจของฮ่วนซิงไป๋
เจียงเชียนชิวยกยิ้ม
เหอะ… เขาต้องการจะพรากชีวิตของฮ่วนซิงไป๋เพื่อบอกกับทุกคนว่าหากผู้ใดไม่เชื่อฟัง ก็ต้องตาย!
ไม่เพียงแค่ฮ่วนซิงไป๋เท่านั้น แต่เขาจะกวาดล้างทั้งตระกูลฮ่วน!
ชิ้ง!
เมื่อปลายง้าวสัมผัสกับผิวสีของฮ่วนซิงไป๋ เสียงที่สั่นสะท้านก็ดังขึ้น
แขนขาวดุจรากบัวพลันปรากฏแก่สายตาของเจียงเชียนชิว มือเล็กข้างนั้นจับง้าวเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้มันรุกคืบไปมากกว่านี้
“เจ้าเป็นใคร?!”
เจียงเชียนชิวเห็นเพียงคนที่ปรากฏตัวบนอากาศเป็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบสองถึงสิบสามปี แม้หน้าตาน่ารัก แต่พละกำลังกลับไม่ธรรมดา!
หลี่เจียงหนานขมวดคิ้ว เมื่อเห็นคนผู้นี้ เขาไม่เคยได้ยินว่ามีคนเช่นนี้อยู่ในแดนมัชฌิมมาก่อน
การที่นางสามารถรับง้าวของเจียงเชียนชิวด้วยมือเปล่าได้ ความแข็งแกร่งระดับนี้ย่อมไม่มีทางไม่เป็นที่รู้จักในแดนมัชฌิม!
ริมฝีปากสีชมพูน่ารักของสาวน้อยเผยอเล็กน้อยแล้วเอ่ยเสียงทุ้มต่ำอันแหบพร่าประหนึ่งคนชราออกมา “คิคิคิคิคิ ข้าคือปู่ทวดของเจ้ายังไงละ!”
ทุกคนดวงตาเบิกกว้าง
พวกเขาประสาทหลอนหรือไร ถึงได้ยินเสียงเมื่อครู่มาจากสาวน้อย?!
คนผู้นี้คือวิญญาณหอกนั้นเอง
เจียงเชียนชิวเดือดดาลเมื่อได้ยินคำพูดนี้ “เจ้าเป็นสัตว์ประหลาดแบบไหน?! เหตุใดจึงไม่ให้ความเคารพข้า!”
วิญญาณหอกเอ่ยขึ้นทันที “ข้าไม่ใช่สัตว์ประหลาด ข้ามีชื่อ!”
นางดันง้าวของเจียงเชียนชิวออกไปอย่างแรง แม้อีกฝ่ายพยายามอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่อาจรุกเข้าหาฮ่วนซิงไป๋ได้อีกต่อไป
“ชื่อของข้าคือ…”
ทุกคนต่างหูผึ่งรอฟัง
เด็กน้อยผู้นี้อายุยังไม่มาก แต่กลับมีพละกำลังมากเพียงนี้
อาจจะเป็นยอดฝีมือสูงสุดผู้เคยท่องไปทั่วแผ่นดินก่อนจะมาปรากฏตัวอีกครั้งด้วยเหตุผลหลายหลาก!
จักรพรรดิเรื่องเล็ก แต่ผู้แข็งแกร่งเรื่องใหญ่!
ทุกคนกลั้นหายใจด้วยเกรงว่าจะพลาดคำพูดของวิญญาณหอก
“ชื่อของข้าคือ… เถี่ยหนิว!”
ผ่านไปสักพัก โลกพลันตกอยู่ในความเงียบงัน
ทุกคนเงียบขณะที่คำว่า ‘เถี่ยหนิว’ ยังคงครอบงำจิตใจ
ยอดฝีมือสูงสุดเช่นนี้ แต่กลับมีชื่อเช่นนั้นหรือ*[1]?!
ทั้งที่เด็กน้อยผู้นี้หน้าตาน่ารัก!
แต่กลับมีชื่อเช่นนั้นหรือ?!
ใครเป็นคนตั้ง?!
ใครเป็นคนตั้ง?! ออกมาเดี๋ยวนี้!
วิญญาณหอกพยักหน้าอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นรอบข้างตกอยู่ในความเงียบ
นางเพิ่งทำให้ลู่หยวนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้า!
เพียงตะโกนขานชื่อก็ทำให้ทุกคนหวาดกลัวจนตัวสั่น!
แสดงว่าชื่อนี้น่าเกรงขามไม่เบา!
เมื่อเถี่ยหนิวออกโรง ใครเล่าจะกล้าท้าทาย!
บนวิถีหอก ข้าเนี่ยแหละแข็งแกร่งที่สุด!
เถี่ยหนิวเงยหน้ายืดอกอย่างภาคภูมิใจ ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นอย่างลำพองใจ
นางคาดไว้แล้วว่าหลังจากลู่หยวนทะลวงขั้นสู่สวรรค์จนสามารถครองบัลลังก์มหาจักรพรรดิได้ นางก็จะกลายเป็นจักรพรรดินีเถี่ยหนิว!
แน่นอนว่านางจะได้ในสิ่งที่ต้องการในท้ายที่สุด
แค่ก…
ไม่ทราบว่าใครไอ จึงทำให้สติของทุกคนกลับคืนมา
พวกเขายังคงเงียบ เถี่ยหนิว… แม้จะไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่จะมีผู้แข็งแกร่งชื่อนี้อยู่บนแผ่นดินจริงหรือ!
เจียงเชียนชิวตระหนักได้เช่นกันว่าต่อให้คนผู้นี้จะเป็นใคร แต่ผู้ที่มาขวางทางย่อมเป็นศัตรู!
“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นถงหนิว*[2] หรือเถี่ยหนิว แต่ถ้ามาขวางทางข้าก็ต้องตาย!”
เจียงเชียนชิวระดมกำลังทั้งหมดมาไว้ที่ฝ่ามือ
จากนั้นง้าวพลันเคลื่อนไหว แล้วมังกรครามก็ส่งเสียงคำรามก่อนจะทะยานออกไปอย่างเกรี้ยวกราด
เถี่ยหนิวคลายมือ ก่อนจะหันมาแตะร่างของฮ่วนซิงไป๋ด้วยมือขนาดเล็ก พร้อมผลักเขาออกไปทันที
ง้าวทะลวงโดนเพียงอากาศ
ตู้ม!
มังกรแผดเสียงกรีดร้องทะลวงท้องนภา ทำให้ชั้นเมฆพังทลาย
เถี่ยหนิวแลบลิ้นสีชมพูออกมาขณะเอ่ยอย่างต่อเนื่อง “คิคิคิ ยังไม่พอ ยังไม่พอ”
เจียงเชียนชิวเดือดดาลจนเส้นโลหิตปูดโปน เมื่อกำลังจะลงมืออีกครั้ง เสียงของหลี่เจียงหนานก็ดังขึ้น
“ฝ่าบาท หยุดมือก่อนพ่ะย่ะค่ะ!”
ภายในใจของเจียงเชียนชิวสงบลงเมื่อฟังคำของหลี่เจียงหนานแล้วจึงหยุดมือ พร้อมกลับไปอยู่ข้างกายอีกฝ่าย
หลี่เจียงหนานมองไปทางเถี่ยหนิว “ลู่หยวน ในเมื่อเจ้ายังไม่ตาย เหตุใดจึงไม่เผยตัว?”
“แหม รู้ตัวแล้วหรือ?”
น้ำเสียงเกียจคร้านดังมาจากอากาศก่อนที่ชายหนุ่มจะปรากฏกาย
ลู่หยวนยังคงดูเหมือนชายสูงศักดิ์ผู้น่าเกรงขามขณะเผยยิ้มเจื่อนออกมา
มีคนผู้หนึ่งสวมชุดสีแดงประหนึ่งเมฆาอยู่ในอ้อมแขนของเขาในยามนี้ เจตจำนงหอกสูงสุดกระจายไปทั่วทั้งสี่ทิศเพื่อเปิดทางให้ทั้งสองคน
เป็นหลิงอวิ๋นที่อยู่ในอ้อมแขนของลู่หยวน
ใบหน้าของนางซีดเซียว ขณะปล่อยให้ลู่หยวนอุ้มอย่างจนใจ บั้นท้ายสัมผัสกับหัวเข่าที่ยกขึ้นอย่างอ่อนโยน สภาพดูเหนื่อยล้าอย่างยิ่ง
หลิงอวิ๋นถูกสายฟ้าฟาดไปหลายครั้ง ทำให้สูญเสียปราณวิญญาณไปมาก จนไม่อาจรวบรวมพลังได้อีกต่อไป
แม้กระทั่งเจตจำนงหอกสูงสุดก็ยังระดมกำลังด้วยความช่วยเหลือของลู่หยวน
เพื่อให้หลิงอวิ๋นโคจรพลังได้ง่ายขึ้น ลู่หยวนจึงปล่อยให้นางอยู่ในอ้อมแขน
เมื่อได้กลิ่นหอมจาง ๆ อบอวลก็เกิดอาการฟุ้งซ่าน แต่เขาสาบานแล้วว่าจะไม่ฉวยโอกาสแม้เพียงนิดเดียว!
หาไม่แล้ว วั่งไฉคงได้เป็นโสดตลอดชั่วชีวิตที่เหลือเป็นแน่!
ผู้คนทั้งหลายตกตะลึงเมื่อเห็นเช่นนี้
เหตุใดลู่หยวนกับหลิงอวิ๋นถึงอยู่ที่นี่?!
นี่มันคือการแสดงอะไร?!
เมื่อครู่คนหนึ่งถูกปกคลุมด้วยสายฟ้า ส่วนอีกคนทะยานเข้าไปในหมู่เมฆ พอมาตอนนี้ก็สวมกอดกันอย่างนั้นหรือ?!
คิดว่ามาเที่ยวหรือไร?!
ผู้คนบางส่วนจากตระกูลชั้นสูงต่างลอบสบถอยู่ในใจ
เมื่อเถี่ยหนิวเห็นลู่หยวน นางก็ตรงเข้ามาหาเอ่ยบางอย่างทันที หลังจากลังเลสักพักนางก็กระแอมราวกับกำลังปรับน้ำเสียง
เมื่อเอ่ยอีกครั้ง น้ำเสียงของนางก็เปลี่ยนจากแก่ชราเป็นอ่อนหวานที่เข้ากับใบหน้าของวิญญาณหอกอย่างสมบูรณ์แบบ “นายท่าน!”
ลู่หยวนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “เยี่ยม ครั้งหน้าขอเสียงแบบนี้”
[1] เถี่ยหนิว มาจาก 铁 ที่แปลว่าเหล็ก กับ 牛 ซึ่งแปลว่าโค รวมกันจึงได้ความว่า ‘โคเหล็ก’ นั่นเอง
[2] ถงหนิว คือ โคทองแดง