ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา – บทที่ 395 ยำเกรง

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 395 ยำเกรง

บทที่ 395 ยำเกรง

เมื่อเห็นว่าเรื่องราวคลี่คลายแล้ว ลู่หยวนจึงเรียกวั่งไฉกลับมาจากท้องนภา

มันขยับร่างซึ่งท้องกลมป่อง ก่อนจะมุ่งหน้ามาทางเขา

ร่างของมันหดลง เพียงพริบตาก็เหลือขนาดเท่าฝ่ามือเหมือนอย่างทุกที

วั่งไฉพลันลอดเข้าไปในชุดของลู่หยวนด้วยหวังจะหาจุดนอนเดิมที่อยู่ประจำเพื่อหลับอย่างสงบสุข แต่มันกลับไม่สามารถเข้าไปได้

หลังจากขดร่างจนเข้าที่แล้ว มังกรตนนี้ก็ส่งเสียงเรอยาวออกมา

ครั้งนี้เป็นมื้ออาหารที่ดีสำหรับวั่งไฉ

มันตกอยู่ในห้วงนิทราขณะพลังอันปั่นป่วนปกคลุมร่าง ก่อนจะหล่อเลี้ยงมันอย่างต่อเนื่องแล้วกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง

เมื่อเห็นเช่นนี้ ลู่หยวนก็เข้าใจเช่นกันว่าวั่งไฉต้องการจะย่อยสลายพลังนั้น ในอนาคตมันอาจจะหลับใหลไปสักระยะ

เมื่อมหาวิถีของกระบี่ซึ่งอยู่เหนือท้องนภาปราศจากวั่งไฉคอยกลืนกิน อุปสรรคทั้งหลายก็หายไป ทำให้เจตจำนงของมหาวิถีในร่างของกู่อี้เจี้ยนระเบิดในชั่วพริบตา

มันถูกปกคลุมด้วยปราณกระบี่และเจตจำนงกระบี่ราวกับจะทะลวงออกมาทุกเมื่อ!

บรรพชนจากตระกูลในแดนมัชฌิมก็ยืนขึ้นในยามนี้

“อะแฮ่ม… หลานชายข้า…”

บรรพชนผู้นี้อยู่รุ่นเดียวกับบรรพชนของตระกูลลู่ แม้จะมีช่องว่างระหว่างเขากับลู่เทียนเหอหลายรุ่น แต่เพื่อสานสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น เขาจึงเรียกอีกฝ่ายว่าหลานชาย

“ในเมื่อแดนมัชฌิมตัดสินแล้ว เจ้าวางแผนจะทำอะไรต่อหรือ?”

ลู่เทียนเหอย่อมทราบว่าบรรพชนผู้นี้ต้องการจะสื่ออะไร

ถึงแม้ตระกูลลู่จะไม่ได้รับเส้นชีพจรจักรพรรดินี้ แต่ลู่หยวนก็มอบมันให้กับกู่จินเจา

ด้วยเหตุนี้ ตระกูลกู่กับตระกูลลู่จึงได้จัดตั้งฝ่ายร่วมมือกันขึ้นมา

เนื่องจากแดนมัชฌิมตกอยู่ในสภาพย่อยยับ ทำให้กองกำลังทั้งหลายของตระกูลกู่ซึ่งยังคงอยู่เกือบถูกทำลายจนสิ้น หากต้องการรื้อฟื้นขึ้นใหม่ ตระกูลลู่ต้องระดมกำลังสนับสนุน

ตระกูลลู่ต้องลงทุนลงแรงมากแค่ไหนถึงจะสามารถทำให้แดนมัชฌิมฟื้นคืนกลับมารุ่งโรจน์เหมือนในอดีตได้อีกครั้ง

สิ่งเหล่านี้คือเรื่องสำคัญที่สุดในใจของตระกูลชั้นสูงเหล่านี้ หากเป็นระยะสั้น พวกเขาสามารถรอช่วยเสริมกำลังอยู่ที่นี่เพื่อทำให้ดินแดนฟื้นคืนกลับมาได้ไม่มากก็น้อย

แต่ถ้าเป็นระยะยาว พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่รอแดนมัชฌิมแห่งนี้!

สู้ออกไปค้นหาดินแดนอื่นแล้วใช้กำลังรุกรานเพื่อยึดครอง จากนั้นรวบรวมตระกูลชั้นสูงบางส่วนแล้วใช้เวลาสักพักเพื่อสร้างความยำเกรงขึ้นมายังดีเสียกว่า

แม้การทำเช่นนั้นจะไม่ใช่เรื่องที่ดีต่อแดนมัชฌิม แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้

ลู่เทียนเหอยืนเอามือไพล่หลังในสภาพที่ดูไม่เหมือนผู้น้อยแต่อย่างใด เขายังคงมีรอยยิ้มอ่อนโยนประดับอยู่บนใบหน้า “ผู้อาวุโส ตระกูลลู่ไม่ใช่ผู้ยึดครองแดนมัชฌิม พวกข้าจะไปวางแผนทำอะไรได้?”

“ต้องถามตระกูลผู้อาวุโสต่างหาก ในเมื่อแดนมัชฌิมมีสภาพเป็นเช่นนี้ พวกท่านจะอยู่หรือว่าไป?”

บรรพชนตระกูลนี้สำลัก ขณะสายตาทุกคู่จับจ้องมา

ยามนี้กู่จินเจาได้สติแล้วเช่นกัน ด้วยการเสริมพลังจากเส้นชีพจรจักรพรรดิจึงทำให้นางผ่อนคลายขึ้นมากในที่สุด ไม่รู้สึกถึงความไม่สบายตามเนื้อตัวอีกต่อไป แต่ตนยังคงมีสภาพอ่อนแอราวกับต้องการพักผ่อนสักพัก

กู่จินเจามุ่งความสนใจไปทางบรรพชนด้วยสีหน้ามืดมนเช่นกัน ไม่ทราบได้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่

บรรพชนเพียงรู้สึกว่าเขาเหมือนอยู่ในกองไฟ

เขานับเป็นยักษ์ใหญ่ในแผ่นดินหลัก คำพูดที่เอ่ยออกมาจึงมีน้ำหนัก!

หากบอกว่าอยู่ แล้วแดนมัชฌิมต้องใช้เวลานานในการรื้อฟื้นกว่าจะกลับคืนสู่ความปกติ เช่นนั้นเขาจะขาดทุนครั้งใหญ่!

แต่ถ้าบอกว่าไป ครั้งนี้เขาจะดูเหมือนคนไร้หัวใจ ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า

ที่ผ่านมาตระกูลกู่ให้การดูแลพวกเขามามากมาย…

บรรพชนของตระกูลชั้นสูงต่างไม่มั่นใจจนพูดไม่ออก

อู่หมิงเสวี่ยผู้อยู่ข้างกายยิ้มหยัน ก่อนจะก้าวมาข้างหน้าแล้วเอ่ยเสียงดัง “ทุกท่านที่อยู่ตรงนี้ต่างไม่ใช่คนโง่ พวกเรามาเปิดอกคุยกันดีกว่า”

“เรื่องราวในแดนมัชฌิมถูกตัดสินแล้ว ราชวงศ์ในครั้งนี้ยังคงเป็นตระกูลกู่ ภายภาคหน้าก็ยังเป็นกู่จินเจาที่ยังควบคุมเมืองมากกว่าเก้าสิบแห่งในดินแดนแห่งนี้”

“ไม่ว่าจะอยู่หรือไปก็เรื่องของพวกท่าน หาได้เกี่ยวข้องกับตระกูลลู่ไม่”

สีหน้าของอู่หมิงเสวี่ยยังคงมืดมนขณะกวาดสายตามองทุกคน “ส่วนตระกูลลู่จะทำอะไรต่อไปก็ไม่ใช่เรื่องของพวกท่าน ไม่จำเป็นต้องนำมาชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสีย!”

คำพูดของนางเถรตรงอย่างยิ่ง จนทำให้ตระกูลทั้งหลายที่พยายามจะฉวยโอกาสจากความวุ่นวายต่างมีสีหน้าไม่สู้ดี

ทุกคนมองอู่หมิงเสวี่ยด้วนสายตามุ่งร้าย

นางยิ้มหยัน พลังรอบข้างพลันระเบิดออกมาโจมตีไปทั่วทุกทิศทาง!

ทุกคนต่างสัมผัสได้ถึงร่องรอยของการสยบ แม้กระทั่งบรรพชนของตระกูลชั้นสูงก็สัมผัสถึงความผันผวนดังกล่าวได้

ยันต์โบราณปรากฏที่ด้านหลังของอู่หมิงเสวี่ย ทำให้ทุกคนตกตะลึง!

ทันทีที่สิ่งนี้ปรากฏ ดวงตาของบรรพชนทั้งหมดต่างสั่นคลอน

หนึ่งในพวกเขาพึมพำกับตัวเอง “นี่มัน… ค่ายกลยันต์ในพื้นที่สิบทิศไม่ใช่หรือ?!”

“ไม่มีใครสามารถถอดความยันต์นี้ได้ไม่ใช่หรือ?! แม้กระทั่งสวี่หลิวอวิ๋นผู้รู้แจ้งมาหลายสิบปียังทำได้เพียงส่ายหน้าแล้วจากไปหลังจากได้เห็นมัน! อู่หมิงเสวี่ยไม่เพียงเข้าใจเท่านั้น แต่ยังสลักมันเพื่อสร้างยันต์โชคชะตาขึ้นมางั้นหรือ?!”

ไม่มีผู้น้อยคนไหนที่ไม่ได้ยินสิ่งที่บรรพชนเอ่ย ส่วนคนที่ทราบว่าพื้นที่สิบทิศคืออะไรก็ทำเอาสายตาสั่นคลอน พวกเขาเต็มไปด้วยความเคารพยำเกรงยามจับจ้องอู่หมิงเสวี่ย

หลายคนต่างถอนหายใจ แม้ตระกูลลู่จะส่งเพียงลู่เทียนเฟิ่งกับคนอื่น รวมแล้วสามคนมาที่นี่ แต่พวกเขาก็ยังตัดสินใจหลายสิ่งได้

เมื่ออู่หมิงเสวี่ยเห็นการกระทำของคนเหล่านี้ นางจึงเหลือบมองลู่หยวน “เจ้าลูกชาย ถึงตาเจ้าพูดแล้ว”

ลู่หยวนพยักหน้า จากนั้นก้าวมายืนอยู่ข้างนาง มองรอบข้างแล้วเอ่ยว่า “แดนมัชฌิมไม่เก็บคนเกียจคร้านเอาไว้ แต่ละตระกูลสามารถตัดสินใจได้ว่าจะอยู่หรือไปภายในสามวัน หลังครบกำหนดแล้ว ทุกตระกูลจะต้องมีการปรับเปลี่ยนใหม่!”

ตระกูลชั้นสูงทั้งหลายตกอยู่ในความเงียบ

สิ่งที่เรียกว่าการปรับเปลี่ยนใหม่คือการกำหนดขอบเขตทรัพยากรและดินแดนใหม่ หากถูกกำหนดว่าเป็นตระกูลใหญ่ พวกเขาก็จะได้รับเป็นจำนวนมาก

ทว่าแดนมัชฌิมในตอนนี้ไม่ต่างจากดินแดนรกร้าง ประกอบกับเส้นชีพจรจักรพรรดิมอดไหม้ไปแล้ว ทรัพยากรบนดินแดนจึงยิ่งขาดแคลน ไม่ได้อุดมสมบูรณ์เท่าแต่ก่อน

สิ่งแรกที่พวกเขาใคร่ครวญในยามนี้คือจะอยู่หรือว่าไป…

ลู่หยวนไม่สนว่าตระกูลชั้นสูงจะคิดอย่างไร ทันทีที่เรื่องราวสิ้นสุดลง เขาอยากสรุปผลประโยชน์ที่ได้ในครั้งนี้ เพื่อดำเนินการต่อไปในภายภาคหน้า

เมื่อกำลังจะพาพวกลู่เทียนเหอไปยังตระกูลหลิง เขาก็เห็นว่าพื้นที่ซึ่งเป็นของวิญญาณหอกที่อยู่ไม่ไกลได้สลายไปนานแล้ว เฉิงไท่เดินออกมาด้วยสีหน้าเขินอาย

เขาทราบว่าลู่หยวนอาจก้าวก่ายบางเรื่องในแดนมัชฌิมได้ในภายภาคหน้า หากความเข้าใจผิดของอีกฝ่ายไม่ได้รับการคลี่คลาย ย่อมยากที่เขาจะสานสัมพันธ์กับแดนมัชฌิมหรือแม้กระทั่งแดนเหนือได้…

เขาเดินเข้าหาลู่หยวนพร้อมกับไอเล็กน้อย จากนั้นครุ่นคิดสักพักก่อนจะเอ่ยว่า “ลู่หยวน ข้า…ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากเป็นศัตรูกับเจ้าในตอนนั้น…”

ลู่หยวนชำเลืองมองอีกฝ่ายอย่างเกียจคร้าน

เฉิงไท่เอ่ยต่อ “ข้าไม่สามารถทิ้งศิษย์ของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ได้ ใช่ไหมล่ะ? ลองคิดในมุมมองของข้าสิ หากกลุ่มสหายของเจ้าอยู่ในนั้น เจ้าจะเมินเฉยได้งั้นหรือ?”

เมื่อเห็นลู่หยวนยังคงมีสีหน้าเย็นชา เฉิงไท่จึงเอ่ยอย่างอาจหาญ “ข้า…ข้ายังเป็นอาจารย์สำนักของฉินอี่หานกับไป๋ชิวเอ๋อร์…”

ก่อนเฉิงไท่จะทันเอ่ยจบประโยค น้ำเสียงเย็นชาของผู้หญิงก็ดังมาแต่ไกล “ไม่จำเป็น เฉิงไท่ นับจากนี้ไป ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับพวกข้าในฐานะอาจารย์และศิษย์เป็นอันยุติ!”

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

Status: Ongoing
นิยายแปลเรื่อง ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา เรื่องย่อ : ลู่หยวน ชายหนุ่มผู้กลับชาติมาเกิดใหม่ในมหาแดนโชคชะตา พร้อมกับตำแหน่งคุณชายแห่งตำหนักธารสุญญะผู้โฉดชั่ว! ทั้งก่อกรรมทำเข็ญ ทั้งลักพาตัวลูกหลานของกองกำลังอื่นมากักขังไว้นับไม่ถ้วน หนึ่งในนั้นคือสาวงามผู้กำลังจะมีผู้ฝึกยุทธ์รูปหล่อตามมาช่วยชีวิต บัดซบ… ไม่ว่าจะคิดอย่างไร นี่มันบทบาทของตัวร้ายกากเดนชัด ๆ! ในระหว่างที่กำลังปวดหัวกับชีวิตใหม่อยู่นั้นเอง กล่องข้อความก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า บ่งบอกว่าการเชื่อมต่อกับระบบวายร้ายสำเร็จแล้ว! ด้วยระบบที่สามารถช่วงชิงโชคชะตาของเหล่าตัวเอกได้ ตำนานจอมวายร้ายสุดอหังการ์ผู้โค่นล้มพระเอกทั่วหล้าจึงเปิดฉากขึ้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน