ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา – บทที่ 482 โน้มน้าวให้เหลิ่งเหยียนยอมจำนน

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 482 โน้มน้าวให้เหลิ่งเหยียนยอมจำนน

บทที่ 482 โน้มน้าวให้เหลิ่งเหยียนยอมจำนน

เหลิ่งเหยียนยิ้มหยันเมื่อได้ยินเช่นนี้ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ

“ซู่เฟิง ดูสภาพของเจ้าก่อน เจ้าดูเหมือนจักรพรรดิอย่างนั้นหรือ?! ที่เจ้ามีโอกาสในครั้งที่แล้วก็เพราะสืบทอดพลังของหลงเฉียนอวิ๋นมาบางส่วนเท่านั้น แต่ทันทีที่จักรพรรดินีกลับมา เจ้าจะต้องพินาศแน่นอน!”

“เจ้าไม่สามารถคว้าโอกาสในตอนนั้นไว้ได้ คิดหรือว่าสถานการณ์จะพลิกผันทั้งที่เจ้าอยู่ในสภาพไม่ต่างจากหนูข้างถนน?”

“อีกอย่าง ต่อให้ข้าเข้าร่วมกับเจ้าไปแล้วมันจะเป็นยังไงต่อ?”

“พวกเราสามคนจะต่อสู้กับเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ทั้งหมดงั้นหรือ?! ช่างน่าขันยิ่งนัก!”

ซู่เฟิงไม่เก็บคำพูดเล็กน้อยของเหลิ่งเหยียนมาใส่ใจ

ซู่เฟิงมีท่าทีเฉยชาขณะหลุบตา “เหลิ่งเหยียน เจ้าติดตามราชวงศ์เก่ามานานจนหลงลืมข้อดีของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ไปแล้วหรือ?”

ทันทีที่สิ้นคำ เหลิ่งเหยียนผู้ยกยิ้มก็หยุดนิ่ง เพียงพริบตา ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจเขา!

หลังจากเงียบไปหลายอึดใจ ดวงตาของเหลิ่งเหยียนก็เบิกกว้าง

ซู่เฟิงเอ่ยต่อ “ข้าทราบตำแหน่งแน่ชัดของคฤหาสน์จิ้งจอกโลหิตดีกว่าใคร!”

“ข้าทราบวิธีเปิดจากปากของจักรพรรดิเฒ่าที่กำลังจะตาย! ขอเพียงสังเวยวิญญาณจิ้งจอกสวรรค์สามร้อยดวง คฤหาสน์จิ้งจอกโลหิตก็จะเปิดออก!”

คำพูดของซู่เฟิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย!

“ไม่ได้!”

เหลิ่งเหยียนห้ามปรามคำพูดของอีกฝ่ายทันที “เจ้าบ้าไปแล้ว! หากคฤหาสน์จิ้งจอกโลหิตเปิดออก ไม่เพียงทั่วทั้งเผ่าจิ้งจอกสวรรค์เท่านั้น แม้กระทั่งหุบเขาบูรพาหรือแผ่นดินหยวนหงก็จะต้องเข้าสู่การต่อสู้! ทั่วหล้าจะเต็มไปด้วยเลือด สรรพสิ่งทั้งหลายจะสูญสิ้น!”

“แค่นั้นเองหรือ?!”

ซูเฟิ่งลุกขึ้นตบโต๊ะ ความกระตือรือร้นในดวงตาไม่หมองหม่นแม้แต่น้อย “ข้าบังเอิญรู้จุดอ่อนของสัตว์ร้ายตัวน้อยในคฤหาสน์จิ้งจอกโลหิต ขอเพียงปลดปล่อยออกมา มันก็จะฆ่าสิ่งมีชีวิตนับแสนและทำให้ทั่วทั้งแผ่นดินตกอยู่ในความแตกตื่น แล้วเจ้ากับข้าก็จะร่วมมือกันเพื่อกำราบมันให้สิ้นซาก!”

“เหลิ่งเหยียน ถึงตอนนั้น ทั่วทั้งแผ่นดินก็จะจดจำชื่อของเจ้ากับข้า! จะมีใครในหมู่จิ้งจอกสวรรค์ที่กล้าคัดค้าน?! จะมีใครในหุบเขาบูรพาที่กล้าขัดคำสั่ง?! จะมีใครในแผ่นดินหลักที่กล้าไม่ให้ความเคารพ?!”

เหลิ่งเหยียนมองซู่เฟิงราวกับกำลังมองสัตว์ประหลาด

“ซู่เฟิง ข้าคิดว่าเจ้ามันบ้ามากที่อยากกลืนกินเผ่าจิ้งจอกสวรรค์จนถึงขั้นวางแผนร่วมกับหลงเฉียนอวิ๋นเพื่อสังหารราชวงศ์! แต่คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะเลวทรามได้ขนาดนี้ นั่นมันสิ่งมีชีวิตนับแสนนะ! แต่เจ้ากลับ…”

“แล้วยังไง?!”

ซูเฟิ่งเอ่ยอย่างเย็นชา “สิ่งมีชีวิตนับแสนแล้วไง? สิ่งมีชีวิตนับล้านแล้วไง? จักรพรรดิคนไหนบ้างที่ขึ้นครองบัลลังก์โดยไม่เหยียบย่ำศพนับล้าน? จักรพรรดิของเผ่าพันธุ์มนุษย์เหล่านั้น ตอนที่พวกเขาต่อสู้กันเพื่อสายเลือดของจักรพรรดิ ไม่มีใครนับจำนวนเลยด้วยซ้ำ เทียบกันแล้ว ข้าผู้นี้ไม่โหดเหี้ยมเลยด้วยซ้ำ!”

“เหลิ่งเหยียน ที่ข้าทำตอนนี้ไม่ใช่เป็นการขอร้อง แต่เป็นการให้ทางออกต่างหาก! คิดหรือว่าเจ้าจะสามารถมีชีวิตรอดอยู่ในเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ได้?!”

“ในบรรดาตระกูลจิ้งจอกสวรรค์ทั้งสิบ เจ้าและโฉวโยวนับว่าทัดเทียมกัน พวกเจ้าทั้งสองต่างมีความแข็งแกร่งที่จะชิงตำแหน่งการเป็นผู้นำ!”

“ในอดีต ทั้งสิบตระกูลจะแบ่งออกเป็นครึ่งต่อครึ่ง โดยมีสี่ตระกูลติดตามเจ้า ส่วนอีกสี่ตระกูลติดตามโฉวโยว”

“ถึงสี่ตระกูลที่ติดตามเจ้าจะให้ความช่วยเหลือจากใจจริง แต่เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นคนที่น่าเชื่อถือและแข็งแกร่งพอแล้วหรือยัง?!”

“เหลิ่งเหยียน เจ้าอย่าหลอกตัวเองเลย พวกเขาเพียงคิดว่าเจ้ามีโอกาสเป็นผู้นำมากกว่าก็เลยยอมติดตามเพื่อความรุ่งโรจน์ในภายภาคหน้าเท่านั้น!”

คำพูดของซู่เฟิงยิ่งคมปลาบ

“แต่ตอนนี้ ไม่เพียงแต่เจ้าล้มเหลวที่จะใช้ชีวิตตามความคาดหวังของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังถึงขั้นตัดสินใจพลาดในระหว่างรับมรดกอีกด้วย ส่งผลให้พวกเขาไม่เห็นผลประโยชน์ที่จะติดตามเจ้าอีกต่อไป ตรงกันข้าม โฉวโยวประสบความสำเร็จในการทะลวงขั้นอย่างยิ่งใหญ่!”

“ภายใต้มรดกนั้น ทำให้ไม่มีตระกูลจิ้งจอกสวรรค์ทั้งสิบอีกต่อไปในภายภาคหน้า แต่จะเหลือเพียงห้าตระกูลเท่านั้น!”

“เหอะเหอะ เหลิ่งเหยียน เจ้ารู้ดีอยู่แก่ใจว่าทันทีที่ตัดสินใจผิดพลาด เจ้าก็จะกลายเป็นคนบาปในสายตาพวกเขา!”

ทุกคำพูดของซู่เฟิงเหมือนกับกระบี่อันคมปลาบที่ทิ่มแทงหัวใจของเหลิ่งเหยียนอย่างไร้ความปรานี

สิ่งที่ซู่เฟิงพูดมาเป็นเรื่องจริง หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่หุบเขาบูรพาเท่านั้น แต่จิ้งจอกสวรรค์ทั้งหลายจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์วุ่นวาย

แต่ว่า…

แต่ว่าจักรพรรดินี…

เหลิ่งเหยียนยังคงได้รับความคาดหวังต่อเทียนเม่ยเอ๋อร์

นางอาจจะยังมีมรดกหลงเหลือเอาไว้ส่วนหนึ่งที่เก็บเอาไว้ที่นี่ หากพวกเขาตั้งใจทำผลงานให้ดีในภายภาคหน้าก็จะได้รับรางวัล!

“เหลิ่งเหยียน…”

ซู่เฟิงเอ่ยอีกครั้ง “บอกข้าที จักรพรรดิแบบไหนที่ทิ้งลูกน้องผู้ไม่ยืนเคียงข้างในช่วงวิกฤตเอาไว้ข้างหลังแบบนี้?”

เสียงของซู่เฟิงไม่ดังขณะคำพูดของเขาก็แผ่วเบาราวกับขนนก

แต่เมื่อขนนกนั้นกระทบเข้ากับหูของเหลิ่งเหยียน มันกลับเหมือนก้อนหินขนาดใหญ่ที่จมลงไปในแม่น้ำจนเกิดคลื่นนับพัน!

เฮ้อ…

เขาจะหลอกตัวเองไปเพื่ออะไร?!

ใช่แล้ว จักรพรรดินีจะยอมทนกับคนที่ทรยศนางงั้นหรือ?!

แม้เหลิ่งเหยียนจะเคยสนับสนุนเทียนเม่ยเอ๋อร์จนถึงขั้นแสดงความไม่พอใจกับซู่เฟิงต่อหน้าเก้าตระกูลที่เหลือ

แต่แล้วยังไง?

ทรยศก็คือทรยศ

หากเคลื่อนไหวในช่วงเวลาวิกฤตผิดพลาดจนล้มเหลว ย่อมทำให้จักรพรรดินีเกิดการตั้งคำถาม!

เหลิ่งเหยียนเชื่อว่าต่อให้นั่งในตำแหน่งเทียนเม่ยเอ๋อร์ เขาก็ไม่อาจทนต่อลูกน้องแบบนั้นได้!

ถ้าอย่างนั้น…

สิ่งที่เขาควรทำก็คือ…

เหลิ่งเหยียนเพียงรู้สึกว่าอนาคตช่างเลือนรางจนมองไม่เห็นหนทางแต่อย่างใด

เมื่อซู่เฟิงเห็นสีหน้าสิ้นหวังของเหลิ่งเหยียน เขาก็ทราบทันทีว่าโอกาสมาถึงแล้ว

“เหลิ่งเหยียน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดหญิงสาวผมเหลืองถึงขอให้เจ้าพาคนกลับมาประจำการ?”

เหลิ่งเหยียนส่ายหน้าขณะสายตาเหม่อลอย

“หญิงสาวผู้นั้นกำลังให้โอกาสเจ้าก่อกบฏกับนางยังไงละ!”

“หญิงสาวคนนั้นไม่ใช่คนโง่ นางรู้ดีว่าหากเจ้านำคนเหล่านี้ที่ไม่ได้รับมรดกอะไรกลับมา พวกเขาทั้งหมดก็จะคับแค้นใจ แล้วความรู้สึกเหล่านั้นก็จะถูกส่งต่อมาที่เจ้า”

“ในตอนนี้ ขอเพียงเจ้ามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยก็จะกลายเป็นข้ออ้างอย่างดีในการฆ่าเจ้าต่อหน้าทุกคน! ถึงตอนนั้น คนที่เหลือที่ไม่ได้รับมรดกจะยังกล้าบ่นอะไรอีกหรือ?”

เหลิ่งเหยียนได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มหยันออกมา “เชือดไก่ให้ลิงดูสินะ!”

“ข้าเองก็ผ่านอะไรมามาก… เป็นธรรมดาที่จะเข้าใจวิธีการของจักรพรรดิ!”

เมื่อเห็นว่าทุกอย่างคลี่คลายแล้ว ซู่เฟิงก็ไม่โน้มน้าวอีกต่อไปก่อนจะเอ่ยตามตรง “เหลิ่งเหยียน ตอนนี้ข้ากำลังจะยึดครองดินแดนจิ้งจอกสวรรค์ทั้งหมด เจ้าอยากติดตามข้าหรือไม่?!”

“หากเจ้าไม่เต็มใจ แน่นอนว่าข้าจะไม่บังคับ หลังจากเหตุการณ์ในวันนี้ไป พวกเราจะไม่ติดต่อกันอีก”

“แต่ถ้าเลือกติดตามข้า เจ้าจะกลายเป็นผู้นำของจิ้งจอกสวรรค์แห่งหุบเขาบูรพาแต่เพียงผู้เดียว! หลังจากยึดครองหุบเขาบูรพาได้แล้ว ข้าจะมอบตำแหน่งราชวงศ์ให้กับเจ้าเอง!”

เหลิ่งเหยียนเงียบขณะหลับตาทำสมาธิ โดยทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความสงบ

ไม่อาจรู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด แต่เหลิ่งเหยียนก็ยังไม่พูดอะไร

ซู่เฟิงไม่รีบร้อนขณะรอคอยอย่างเงียบงัน

“เจ้ามีไพ่ตายเท่าไร?”

เหลิ่งเหยียนพลันเอ่ยถามขึ้นมา

ซู่เฟิงไม่ปกปิดเช่นกัน “หากเจ้าให้ความร่วมมือ ข้าสามารถเอาชนะสามในสิบของตระกูลจิ้งจอกสวรรค์ได้!”

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

Status: Ongoing
นิยายแปลเรื่อง ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา เรื่องย่อ : ลู่หยวน ชายหนุ่มผู้กลับชาติมาเกิดใหม่ในมหาแดนโชคชะตา พร้อมกับตำแหน่งคุณชายแห่งตำหนักธารสุญญะผู้โฉดชั่ว! ทั้งก่อกรรมทำเข็ญ ทั้งลักพาตัวลูกหลานของกองกำลังอื่นมากักขังไว้นับไม่ถ้วน หนึ่งในนั้นคือสาวงามผู้กำลังจะมีผู้ฝึกยุทธ์รูปหล่อตามมาช่วยชีวิต บัดซบ… ไม่ว่าจะคิดอย่างไร นี่มันบทบาทของตัวร้ายกากเดนชัด ๆ! ในระหว่างที่กำลังปวดหัวกับชีวิตใหม่อยู่นั้นเอง กล่องข้อความก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า บ่งบอกว่าการเชื่อมต่อกับระบบวายร้ายสำเร็จแล้ว! ด้วยระบบที่สามารถช่วงชิงโชคชะตาของเหล่าตัวเอกได้ ตำนานจอมวายร้ายสุดอหังการ์ผู้โค่นล้มพระเอกทั่วหล้าจึงเปิดฉากขึ้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน