บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 185 เคียวทมิฬ

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 185 เคียวทมิฬ

การที่มีผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำสิบคนของตระกูลถันไถเข้ามาช่วยต่อสู้ทำให้ความกดดันที่เฉินซีได้รับลดลงอย่างมากในทันที แต่เมื่อเขาตั้งใจจะเอาตัวเองออกจากวงล้อมเพื่อสังหารผู้อาวุโสขอบเขตแกนทองคำหยินหยางสามคนที่เหลืออยู่ของตระกูลหาน สถานการณ์ก็พลันเปลี่ยนไป

ผู้อาวุโสขอบเขตแกนทองคำหยินหยางทั้งสามของตระกูลหานพยายามไล่ตามเฉินซี แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เปลวไฟแห่งโทสะสุมอยู่ในใจจนพวกเขาตาแทบระเบิดนานแล้ว ตอนนี้เมื่อเห็นผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำตระกูลถันไถบุกเข้ามา พวกเขาจึงเดือดดาลในทันที และเปลี่ยนเป้าหมายไประบายเพลิงพิโรธในอกใส่ผู้บ่มเพาะเหล่านั้นแทน

ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

แม้ว่าผู้อาวุโสขอบเขตแกนทองคำหยินหยางของตระกูลหานเหล่านี้จะมีพลังอยู่แค่ที่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นต้น แต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำก็ไม่สามารถต้านทานกำลังของพวกเขาได้ ในพริบตาผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำสี่คนของตระกูลถันไถก็สิ้นชีพอย่างน่าอนาถ ด้วยการโจมตีครั้งเดียวที่โหดเหี้ยม

เหตุการณ์นี้เกินความคาดหมายของเฉินซีอย่างมาก แต่ไม่ช้าก็เข้าใจเหตุผลเบื้องหลัง

ผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางเป็นร่างที่ควบแน่นแกนทองคำจากประตูแห่งชีวิตภายในร่างแล้ว ซึ่งเปรียบได้กับการได้ครองรากเหง้าแห่งสวรรค์และโลก เมื่อใครได้หยั่งรากลงในมหาเต๋า แค่ก้าวเดียวก็ต่างชั้นราวสวรรค์กับมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณ หรือการฝึกฝนของพวกเขาล้วนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

นี่คือการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ เช่นเดียวกับทารกเติบโตไปเป็นชายหนุ่ม ดั่งหนอนที่โผล่ออกจากดักแด้สยายปีกกลายเป็นผีเสื้อ ความแข็งแกร่งและวิชาที่ผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางมี เป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำธรรมดา ๆ ไม่อาจเข้าถึงได้ นี่คือช่องว่าง คืออุปสรรคทางธรรมชาติ ซึ่งฟันฝ่าไปได้ยากนัก!

ในทางหนึ่ง เหตุผลที่เฉินซีสามารถเอาชนะผู้อาวุโสขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นต้นของตระกูลหานได้อย่างง่ายดาย เป็นเพราะหานไป๋ประมาท แต่ที่สำคัญที่สุดเป็นเพราะพลังของเฉินซีนั้นผิดปกติเกินไป เขาเข้าใจมหาเต๋าสิบเอ็ดประเภท ได้แก่ ธาตุทั้งห้า มหาเต๋าแห่งหยิน หยาง ลม ดารา สายฟ้า และมหาเต๋าแห่งนภา และไม่มีตัวไหนเป็นเต๋ารองเลย ยิ่งไปกว่านั้น ความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณเขาได้บรรลุขั้นญาณศักดิ์สิทธิ์มานานแล้ว นอกจากนี้เขายังฝึกฝนเคล็ดกระบี่หมื่นบรรจบ ซึ่งเป็นวิชาบ่มเพาะชั้นยอดในใต้หล้า และมีประสบการณ์ฝึกปรือฝีมือจากการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน ทุกอย่างที่เขาถือครองทำให้เขามีรากฐานเพื่อฝ่าขอบเขตและสังหารศัตรูได้ เขามีพลังไม่เหมือนใคร และเหนือกว่าผู้บ่มเพาะที่มีพลังอยู่ในขอบเขตเดียวกันมาก

พูดง่าย ๆ คือ การรู้แจ้งถึงเต๋า จิตวิญญาณ และพลังบ่มเพาะของเขานั้นบรรลุถึงระดับน่าเหลือเชื่อแล้ว ทั้งยังสูงกว่าผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางมาก

หากจะพูดถึงจุดอ่อน ก็คงเป็นคุณภาพปราณแท้ของเขากระมัง จนกว่าจะได้สัมผัสกับการฝึกปรือของปราณหยินหยางแห่งสวรรค์และปฐพี เขาก็ยังห่างชั้นกับผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางมาก อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ดูดซับแก่นค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกไป มันก็ไม่ใช่จุดอ่อนอีกต่อไป เพราะแม้ว่าคุณภาพของปราณแท้เขาจะไม่ได้ดีขึ้น แต่ก็มีจำนวนมากกว่าผู้บ่มเพาะระดับขอบเขตเคหาทองคำหลายเท่า และเทียบชั้นได้กับผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางธรรมดาได้เลย

แต่การที่เฉินซีสามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้ ไม่ได้หมายความว่าผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำจะสามารถทำได้เช่นกัน หากเป็นในเมืองหมอกสน ความแข็งแกร่งของผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำตระกูลถันไถเหล่านั้นก็เพียงพอจะเปิดนิกายและรับสมัครสาวกอย่างกว้างขวางแล้ว แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้บ่มเพาะขขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง พวกเขากลับเป็นดั่งมดพยายามโค่นพฤกษายักษ์ คืออ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นการที่ถูกทำลายอย่างง่ายดายเช่นกิ่งไม้แห้งจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้

ปัง!

ตอนนี้ ผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำตระกูลถันไถอีกคนหนึ่งก็ถูกสังหารทันควัน สิ้นชีพในสภาพน่าเศร้า สั่นสะเทือนขวัญกำลังใจของผู้บ่มเพาะฝั่งเฉินซีอย่างหนัก ส่วนกำลังใจฝั่งตระกูลหานกลับเพิ่มขึ้น และการโจมตีของพวกเขาก็รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ในเร็ว ๆ นี้ กลุ่มของเฉินซีและถันไถจื่อเซวียนจะไม่มีโอกาสรอดชีวิตแน่

“ฆ่ามัน!” เฉินซีไม่ลังเล ตัดสินใจพุ่งเป้าไปยังผู้อาวุโสขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นต้นของตระกูลหานทันที ชายชราผมสีดำที่น่าสะพรึงกลัวผู้ซึ่งฆ่าผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำตระกูลถันไถไปแล้วสามคน เขาโหดเหี้ยมร้ายกาจนัก

“เด็กน้อย มาถึงจุดนี้แล้ว เจ้ายังคิดว่าเจ้าจะทำตัวดื้อด้านต่อหรือ? ตายเสียเถอะ!!” ที่ด้านหลัง น้ำเสียงเย็นยะเยือกเต็มไปด้วยจิตสังหารของหานกู่เยว่ดังขึ้นในพลัน ความรู้สึกสะพรึงน่าผวาพลันพุ่งใส่ ทำเอาผิวหลังเฉินซีรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกใบมีดคมเฉือน

“ถ้าอย่างนั้นข้าจะแสดงให้ท่านเห็นว่าข้าสามารถดื้อด้านได้เพียงไหน!” ประกายโหดเหี้ยมปรากฏขึ้นในดวงตาเฉินซี เมื่อสั่งในใจ ภูเขาขนาดมหึมาก็ปรากฏออกมาพร้อมกับเสียงดังปัง

ภูเขาลูกนี้สูงราวพันจั้ง เต็มไปด้วยพลังปราณสีม่วงล้นหลาม สามารถสร้างสนามแรงโน้มถ่วงที่ครอบคลุมพื้นที่ได้ไกลหกลี้ เมื่ออยู่ในสนามแรงโน้มถ่วง มันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าการแบกหินขนาดมหึมาไว้บนไหล่ ทำให้เกิดแรงกดดันเพิ่มขึ้นและเคลื่อนที่ได้ช้าลง ผู้ที่มีกำลังอ่อนแอกว่าจะถูกบดขยี้กลายเป็นกองเนื้อ พบกับชะตากรรมเลวร้ายทันที

มันคือมหาเทือกเขาสัมฤทธิ์ ซึ่งเป็นสมบัติวิเศษระดับปฐพีขั้นกลางนั่นเอง!

“หืม?” เสียงคำรามดังขึ้นจากด้านหลัง เห็นได้ชัดว่าหานกู่เยว่ตกลงไปในสนามแรงโน้มถ่วงแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เฉินซีรู้สึกว่าการโจมตีที่ลอบทำร้ายเขาจากด้านหลังก็อ่อนกำลังลงมากแล้ว

ที่เขาอยากได้ก็คือผลกระทบเช่นนี้ล่ะ เพียงไม่กี่ชั่วอึดใจ เขาก็ใช้กระบี่เจิ้นแห่งสายฟ้า ก่อนจะฟันไปที่ชายชราผมดำ

ปัง!

ดั่งเสียงฟ้าลั่นดังลงจากสวรรค์ทั้งเก้า นำพาอำนาจดั่งสายฟ้าฟาดรวดเร็ว ‘เจิ้น’ คือสายฟ้า คือแรงที่ไม่อาจต้านทานได้ รูปมากมายของมันถูกควบแน่นในพลัน เมื่อมันฟาดลงมาแล้ว จะสามารถทำลายได้ทุกอย่าง ความโหดเหี้ยมและความเร็วของมันมากพอจะจัดอยู่ในอันดับแรกของคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบได้ด้วยซ้ำ

ปัง!

การเคลื่อนไหวนี้พุ่งลงมาราวกับเทพสายฟ้าเหวี่ยงค้อนอย่างดุดัน ชายชราผมดำหมายจะต้านทาน แต่ก็ถูกผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำตระกูลถันไถดึงความสนใจไว้ ทำให้ไม่เหลือช่องว่าง จึงต้องถอยหนี ทันใดนั้น ทั่วร่างก็ถูกเฉือนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก่อนจะถูกเผาไหม้ไม่เหลือซาก เหลือไว้เพียงแกนสีทองที่ลอยหมุนอยู่กลางอากาศ เฉินซีก็คว้ามันไว้และโยนเข้าไปในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์

“บัดซบ! คิดจะจับข้าด้วยสมบัติวิเศษระดับปฐพีขั้นกลางอย่างนั้นหรือ? ไสหัวไปเลย!!” ณ ที่ห่างไกล หานกู่เยว่ขนลุกชันด้วยความโกรธเมื่อเห็นผู้อาวุโสขอบเขตแกนทองคำหยินหยางตระกูลหานอีกคนถูกสังหาร สองแขนสั่น สมบัติวิเศษสีดำสนิท รูปร่างคล้ายเคียวปรากฏขึ้นในมือ เคียวนั่นยาวหนึ่งจั้ง ใบมีดเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวเย็นยะเยือกสีดำสนิทและคมมาก พื้นผิวจารึกด้วยอักขระลึกล้ำไร้ที่สิ้นสุดซึ่งดูเหมือนยันต์ จารึก และคาถาลึกลับ มีแสงสีดำหมุนรอบตัวอาวุธ ควบแน่นเป็นอักขระ ‘杀 (สังหาร)’ นับไม่ถ้วน ทันทีที่มันปรากฏขึ้น พื้นที่โดยรอบก็พังทลายและแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เนินเขาและพืชพรรณในรัศมีร้อยลี้ราวกับถูกดูดพลังชีวิต พวกมันเหี่ยวแห้งและสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก่อนจะปลิวปลิวหายไปในอากาศ

สมบัติวิเศษนี้ก็คือเคียวของเทพแห่งความตายที่ใช้เก็บเกี่ยวดวงวิญญาณคนตาย จิตสังหารทำให้ใจคนสั่นกลัว เมื่อรวมกับมหาเต๋าแห่งการสังหารในร่างหานกู่เยว่ เขาก็เป็นดั่งเทพแห่งความตายตัวเป็น ๆ ที่ย่างกรายออกจากยมโลกเพื่อมาเก็บวิญญาณคนตายทีเดียว!

ฟึ่บ!

เมื่อเคียวตวัดเพียงแผ่วเบาก็ปรากฏภาพน่าตกใจขึ้น ราวกับจิตวิญญาณแห่งราตรีได้กางกรงเล็บอันคมกริบออก มหาเทือกเขาสัมฤทธิ์กลายเป็นกระดาษที่ถูกเฉือนเป็นสองซีกในทันที ทำให้ปราณวิญาณกระจัดกระจายหายไป ลบผลกระทบใด ๆ ที่เคยมี มันถล่มลงจากกลางอากาศ ก่อนจะแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วนร่วงลงสู่พื้น

มหาเทือกเขาสัมฤทธิ์ที่ราชาอีกาทมิฬเฝ้าฟูมฟักและขัดเกลามาเป็นเวลาหลายพันปี ใกล้จะกลายเป็นสมบัติวิเศษระดับปฐพีอีกแค่เอื้อม กลับไม่อาจต้านการโจมตีครั้งเดียวของเคียวดำนี่ได้!

นี่มันสมบัติวิเศษอะไรกัน?

มันจะมีจิตสังหารที่น่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร?

เป็นอาวุธสังหารที่ไม่มีใครเทียบได้ทีเดียว!

ภาพนี้ทำให้จิตใจของทุกคนสั่นสะเทือนอย่างใหญ่หลวง ความกระหายสู้แทบจะพังทลายลงจนสิ้น

ฟึ่บ! ฟึ่บ!

แต่ในตอนนี้ เสียงครวญครางอู้อี้สองเสียงพลันดังขึ้น พร้อมกับเส้นโลหิตสองเส้นที่ดูงดงามทว่าน่าเศร้า เสียงทั้งสองราวกับเสียดแทงบรรยากาศน่าอึดอัดและขวัญผวานี่ได้ จากนั้นทุกคนก็เห็นว่าศีรษะของผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางสองคนสุดท้ายของตระกูลหานพลันถูกบั่น ตายอย่างน่าอนาถในทันที!

ฟ้าว!

คนตัวจิ๋วหน้าตาหล่อเหลาในชุดคลุมสีขาวสูงเพียงสามชุ่นพลันเข้าไปในร่างของผู้บ่มเพาะทั้งสอง และเมื่อเขาโผล่ออกมาอีกครั้ง ในมือก็มีแกนทองคำสองชิ้นที่ส่องแสงสีทองอยู่

สหายตัวน้อยผู้นี้คือหลิงไป๋นั่นเอง เมื่อเฉินซีใช้ประโยชน์จากมหาเทือกเขาสัมฤทธิ์ หลิงไป๋ก็สะสมพลังรอมานานแล้ว เขาได้เตรียมการลอบสังหารผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางทั้งสองไว้แล้ว หลังจากนั้น เขาก็ฉวยจังหวะที่จิตใจของทุกคนหยุดชะงักไปลงมือทันที เป็นดั่งนักฆ่าฝีมือฉกาจที่ใช้ชั้นฟ้าปิดบัง ขยับคราเดียวปลิดได้ถึงสองชีวันในทันที!

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่โชคช่วย หลิงไป๋เองก็เป็นอาวุธที่แกร่งที่สุดในมือของนายท่านเช่นกัน เป็นจิตวิญญาณดาบหายาก ทั้งเขายังได้รับมรดกเต๋ากระบี่แห่งแดนนิพพานมาอีก ต่อมา จี้อวี๋ได้ใช้วิชาสลายวิญญาณรวมเขากับกระบี่ไผ่ทองคำนิล และเขาก็ได้กลายเป็นร่างวิญญาณซึ่งคล้ายกับสมบัติวิเศษ แต่ก็ไม่ใช่สมบัติวิเศษ ทำให้เขามีความสามารถในการบ่มเพาะและก้าวหน้าเช่นมนุษย์ จนถึงขั้นที่ก้าวไปสู่ความเป็นอมตะได้

ควบคู่ไปกับสมบัติที่ไม่อาจทราบจำนวนของเฉินซีที่เขาได้มาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และยังมีซากศพค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกที่สุดท้ายก็ได้มาขัดเกลา เขาสามารถก้าวไปถึงจุดที่มีความแกร่งเทียบเท่ากับผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางหยินได้ทีเดียว

ในตอนนี้ เมื่อเปิดฉากการลอบโจมตีไปแล้ว หากสังหารศัตรูไม่ได้ แล้วเขาจะคู่ควรกับสมบัติล้ำค่าต่าง ๆ ที่กลืนลงไปได้อย่างไร?

ตอนนี้ผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางตระกูลหานทั้งสี่ได้สิ้นชีพไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังระเบิดแกนทองคำตัวเองก่อนถูกสังหารไม่ทันเสียด้วย สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นโดยอ้อมว่าระดับของความรู้ใจของเฉินซีและหลิงไป๋ได้บรรลุถึงขั้นไร้ที่ติแล้ว

ตอนนี้ ในบรรดาสมาชิกตระกูลหานที่มาถึง มีเพียงหานกู่เยว่ ผู้นำตระกูลเพียงคนเดียวที่สูญเสียยอดฝีมือทั้งหมดที่นำมาด้วย เหลือเพียงหานเหวินจวินผู้เป็นบุตรชายของเขาและเซี่ยวจวินที่เป็นข้ารับใช้หญิง

ตระกูลถันไถที่อยู่ด้านข้างเองก็ย่ำแย่พอกัน มีเพียงสี่คนเท่านั้นที่ยังอยู่ข้างกายถันไถจื่อเซวียน ส่วนผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำคนอื่น ๆ ล้วนสิ้นชีพไปแล้ว

“พวกเจ้า… พวกเจ้าทุกคนสมควรตาย พวกเจ้าทุกคนต้องตาย !” เสียงแหบพร่าดังขึ้น หานกู่เยว่ถือเคียวสีดำยาวหนึ่งจั้งไว้ด้วยสีหน้าเย็นชา ความโกรธในดวงตาดั่งต้องการทลายทุกสิ่งอย่าง

ความสูญเสียอย่างหนักหนาของตระกูลหานในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ สมาชิกระดับสูงทั้งหมดของตระกูลถูกกวาดล้างสิ้น ไม่อาจรู้ได้ว่าอีกนานเท่าไรกว่าตระกูลหานจะฟื้นฟูได้

ที่สำคัญที่สุด หลังจากสูญเสียความแข็งแกร่งไปมากเช่นนี้ สถานการณ์ของตระกูลหานในเมืองห้วงทะเลทรายมรณะก็เลวร้ายลงกว่าเดิม และเสี่ยงจะถูกทำลายได้ทุกเมื่อ

หานกู่เยว่จึงโกรธเกรี้ยวยิ่งนัก เหมือนสิงโตที่ตกอยู่ในความบ้าคลั่งและหมายจะกลืนกินทุกคน!

“เขตแดนเต๋าแห่งการสังหาร! สังหารมันเสีย! สังหาร! สังหารมัน!” เกิดเสียงคล้ายเสียงโหยหวนของสัตว์ร้ายที่ดังจากก้นเหวลึก แกนทองคำพุ่งออกมาจากศีรษะของหานกู่เยว่ เกิดแสงสว่างจ้าหมุนเวียนวน ฟ้าและดินผันเปลี่ยนเป็นต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ฟ้าและดินกลายเป็นสีดำสนิท บังเกิดหมอกสีดำล่องลอยและพุ่งขึ้นดั่งกระแสน้ำ วิญญาณ กระดูก ทะเลโลหิต สุสาน และมีกลิ่นอายความตายและการสังหารเกิดขึ้น ภาพเหตุการณ์ผันเปลี่ยนไปไม่หยุดยั้ง

ทั้งหมดนี้ราวกับราตรีลึกล้ำยุคโบราณที่ไร้แสงสว่างใด มีความชั่วร้ายเติบโตอยู่ทุกแห่งหน นี่คือเขตแดนเต๋าแห่งการสังหารที่หานกู่เยว่กลั่นมาจากมหาเต๋าแห่งการสังหาร จิตสังหารมันพุ่งสูงขึ้นเสียดฟ้า!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท