บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 466 ใกล้ชิดกับความตาย

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 466 ใกล้ชิดกับความตาย

บทที่ 466 ใกล้ชิดกับความตาย

เสือดำเกล็ดเงินร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดในขณะที่ตัวสั่นด้วยความกลัว มันไม่กล้าเผชิญหน้ากับเฉินซีอีกต่อไป ก่อนจะหันหลังกลับและตั้งใจจะเผ่นหนี

อย่างไรก็ตาม ในเวลาถัดมา เฉินซีก็ไล่ตามมันทัน จากนั้นวังวนอัสนีก็แผ่ออกมาจากฝ่ามือ ปกคลุมรอบกำปั้นของเขา และทะลวงผ่านแผ่นหลังของเสือดำเกล็ดเงิน

ตู้ม!

กระดูกสันหลังของเสือดำเกล็ดเงินระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ มันได้สูญเสียชิ้นส่วนขนาดใหญ่ของร่างกายไป ก่อนที่ชิ้นส่วนเหล่านี้จะถูกวังวนอัสนีกลืนกินเข้าไป เพื่อเปลี่ยนเป็นปราณอันอบอุ่นบริสุทธิ์และฟื้นฟูปราณจ้าววิญญาณของเฉินซีที่ใช้ไปก่อนหน้านี้

ตามที่คาดไว้ สายเลือดของสัตว์ร้ายตนนี้บริสุทธิ์และน่าเกรงขามยิ่ง เฉินซีอุทานด้วยความชื่นชมในใจขณะที่กำลังรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของปราณจ้าววิญญาณภายในร่างกายของเขา

ทว่าความเร็วของเขาไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มใช้พัดนกยูงเพลิงทันทีที่เห็นเสือดำเกล็ดเงินส่งเสียงร้องโหยหวนและกำลังเผ่นหนี ทำให้เกิดเปลวเพลิงอันไร้ขอบเขตพุ่งไปปกคลุมพื้นที่ข้างหน้าก่อนที่จะเผาไหม้ขนสีดำสนิทของเสือดำเกล็ดเงินในทันที

ในที่สุดมันก็รอดพ้นจากหายนะมาได้ และกลายร่างเป็นมนุษย์ก่อนจะล้มลงกับพื้น ผู้คนหันไปมองและตกตะลึงโดยพลัน มีแผลนองเลือดสองสามรอยที่ปรากฏขึ้นบนร่างมนุษย์ของเสือดำเกล็ดเงิน แผลเหล่านั้นถูกเฉินซีแหวกออก ทำให้มันเกือบสิ้นชีพ แต่ถึงรอดมาได้ มันก็สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปโดยสิ้นเชิง

“พวกเศษสวะ! มีคนมากมายที่มุดตัวเหมือนเต่าในกระดอง! หรือว่านี่จะเป็นพลังที่ราชวงศ์ระดับสูงครอบครอง?” เฉินซีกวาดสายตาไปรอบ ๆ พลางกล่าวอย่างไม่แยแส ทว่าในใจของเขากลับระแวดระวังมากขึ้น

จนถึงตอนนี้ นอกจากเสือดำเกล็ดเงินแล้ว สมาชิกของทั้งสามกลุ่มใหญ่ยังไม่ได้ออกเคลื่อนไหว พวกเขาปิดล้อมเฉินซีเอาไว้แต่ก็ไม่ได้โจมตี ขณะที่ผู้ลงมือก่อนหน้านี้ล้วนเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะแห่งราชวงศ์เสวี่ยหง ราชวงศ์เทียนหลางและราชวงศ์อื่น ๆ ที่เป็นศัตรูกับราชวงศ์ซ่ง เห็นได้ชัดว่าทั้งสามกลุ่มต้องการใช้จำนวนคนตัดกำลังของเขาจนกว่าจะหมด

เหตุผลที่เฉินซียั่วยุอีกฝ่ายเช่นนี้ก็เพื่อกระตุ้นโทสะของทุกคนและทำให้สถานการณ์เข้าสู่ความโกลาหล เพราะยิ่งสถานการณ์ยุ่งเหยิงมากเท่าไร เขาก็จะปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น

แน่นอนว่า เมื่อพวกเขาได้ยินคำว่า ‘พวกเศษสวะ’ จากเฉินซี มันก็ทำให้ทุกคนในกลุ่มทั้งสามพลันแสดงสายตาที่เดือดดาล เช่นเดียวกับใบหน้าที่บิดเบี้ยว

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื่องจากเฉินซีมีเพียงตัวคนเดียว แต่กลับกล้ายั่วยุผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะจำนวนมหาศาลจากราชวงศ์ต่าง ๆ มันช่างน่าละอายเสียนี่กระไร

“ในเมื่อเจ้ารอที่จะตายไม่ไหว อย่างนั้นพวกข้าก็จะทำให้ความปรารถนาของเจ้าเป็นจริง ทุกคน ลงมือเลย! ฆ่ามัน!” กลุ่มผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะจากทั้งสามราชวงศ์ตะโกนออกมา พวกเขาโจมตีด้วยพลังทั้งหมดที่มีและไม่อ่อนข้อให้อีกต่อไป

โครม!

สมบัติวิเศษและกระบวนยุทธ์ต่าง ๆ พุ่งขึ้นไปบนท้องนภา ปกคลุมทั่วทั้งโลกาพร้อมกับเปล่งแสงที่เจิดจ้าดั่งกระแสน้ำที่ไหลหลากเพื่อบดขยี้เฉินซี

ในขณะนี้ พวกเขายุติการปิดล้อมและเริ่มจู่โจม ซึ่งหากคนทั้งหมดถูกคนคนเดียวปราบปราม แม้ว่าจะชนะในท้ายที่สุด มันก็ทำให้พวกเขาเสียหน้าและถูกเยาะเย้ยอยู่ดีหากข่าวนี้แพร่ออกไป

นี่คือภาระของแบกรับชื่อเสียง พวกเขาเป็นอัจฉริยะที่น่าภาคภูมิในราชวงศ์ต่าง ๆ ซึ่งไม่เพียงแต่ต้องการชัยชนะเท่านั้น ซ้ำยังต้องการชนะอย่างสง่างามอีกด้วย

“ตายซะ!” เฉินซีริเริ่มจู่โจม เขาหายใจเข้าลึก ๆ ขณะที่ปีกนภาดารกะกางออกมาและพุ่งตรงไปยังกลุ่มคน เคล็ดกระบี่หมื่นบรรจบ พัดนกยูงเพลิง ก่ออัสนีผสานดารา เพลงหมัดมหาทำลายล้าง อวตารเทพ เนตรเทวะแห่งความจริง…กระบวนยุทธ์และพลังอิทธิฤทธิ์ที่หลากหลายถูกเปิดใช้อย่างชำนาญและไร้ขีดกำจัดเพื่อปะทะใส่ศัตรู

เขาในตอนนี้เองก็ไม่ได้อ่อนข้อให้เช่นกัน

ภายใต้อำนาจเนตรเทวะแห่งความจริง เฉินซีจึงเข้าใจการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในสนามรบได้อย่างแม่นยำ เขามองเห็นพละกำลัง จุดอ่อน และการโจมตีแฝงของศัตรูได้อย่างชัดเจน ทำให้หลบเลี่ยงการโจมตีร้ายแรงได้หลายครั้ง

ทว่าการพลิกสถานการณ์กลับมาก็ทำได้ยากเช่นกัน เพราะศัตรูทั้งหมดของเขาล้วนเป็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์ ในขณะนี้ เมื่อพวกเขารวมกำลังกันเพื่อปิดล้อมเฉินซีผู้อยู่ลำพัง ระดับของอันตรายนั้นชัดเจน

ตู้ม!

การต่อสู้ปะทุขึ้นอย่างสมบูรณ์ มีเสียงคำรามที่สั่นสะเทือนสรวงสวรรค์ในขณะที่กระบวนยุทธ์และสมบัติวิเศษล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า พื้นดินพังทลายทำให้หินและดินกระจายขึ้นไปบนท้องนภา ศึกในครั้งนี้ปกคลุมทั่วทั้งโลกา

ผู้ชมทุกคนที่อยู่ในระยะไกลในขณะนี้กลั้นหายใจด้วยสมาธิจดจ่อขณะจ้องมองการต่อสู้ตาไม่กะพริบ แม้แต่รายละเอียดยิบย่อยก็ยังกลัวที่จะพลาด พวกเขารอผลสรุปอย่างเงียบงัน

เพราะศึกครั้งนี้มีความหมายมหาศาล ด้านหนึ่งเป็นชายหนุ่มจากราชวงศ์ธรรมดาที่เผชิญหน้ากับการปิดล้อมของราชวงศ์มากมายด้วยตัวคนเดียว เขาจะได้รับสุดยอดแห่งเกียรติยศหรือจะถูกกลุ่มผู้เยี่ยมยุทธ์สังหารกันแน่?

“ถ้าเขาชนะจริง ๆ ข่าวนี้จะต้องสั่นสะเทือนทั้งโลกอย่างแน่นอน และเมื่อบททดสอบสุดท้ายของสมรภูมิบรรพกาลมาถึงในอีกครึ่งปีนับจากนี้ ที่นั่นจะเป็นที่สำหรับเขาโดยแท้”

“รอดูไปก่อน เผยอวี่ ฉินเซียว และปี้หลิงอวิ้นยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย”

ผู้คนกำลังเฝ้าดู สถานการณ์การต่อสู้ในครั้งนี้ส่งผลต่อหัวใจของทุก ๆ คน

ผู้ทรงอำนาจจะไม่ยอมเสี่ยง

ไม่ว่าจะเป็นเผยอวี่ ฉินเซียว หรือปี้หลิงอวิ้น ล้วนน่ายกย่องและมีสายเลือดสูงส่ง พละกำลังของพวกเขาน่าเกรงขามอย่างไม่มีใครเทียบ เป็นอัจฉริยะที่น่าภาคภูมิใจของราชวงศ์จึงไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะไม่เผชิญกับเฉินซีในตอนนี้

แม้ว่าพวกเขาจะกัดฟันด้วยความเกลียดชังที่มีต่อเฉินซี และมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าจะสามารถบดขยี้เฉินซีได้ แต่เพื่อป้องกันการโต้กลับชุดสุดท้ายของอีกฝ่ายก่อนที่จะล้มตาย พวกเขาก็เลือกที่จะเฝ้าดูจากข้างสนามชั่วคราว

เพราะพวกเขารู้สึกว่าสถานะของตนสูงส่งกว่าเฉินซีมากเป็นหลายพันเท่า จึงมิอาจเสี่ยงชีวิตต่อสู้กับเฉินซีและได้รับบาดเจ็บไปพร้อมกับอีกฝ่ายได้

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาต้องการรับบททดสอบสุดท้ายในสมรภูมิบรรพกาล และแข่งกับศิษย์ของสามราชวงศ์ชั้นนำรวมถึงตระกูลอันทรงเกียรติจากอาณาจักรโบราณเพื่อให้ได้รับตราคำสั่งภวังค์ทมิฬมา และเข้าสู่แดนภวังค์ทมิฬ จึงทำให้พวกเขาหวงแหนชีวิตของตนอย่างที่สุด ดังนั้นจะยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อต่อสู้กับเฉินซีที่กำลังจะล้มตายได้อย่างไร?

ด้วยเหตุนี้เองที่พวกเขาอดทนและรอคอยด้วยความตั้งใจที่จะใช้ไม้ตายอันร้ายแรงใส่อีกฝ่ายในยามที่เขาไม่อาจยื้อได้ และกำจัดให้สิ้นในคราวเดียว!

นี่คือกลยุทธ์ของผู้อยู่ในตำแหน่งสูง รู้จักคิดวิเคราะห์หาความได้เปรียบเสียเปรียบ รู้จักตัดสินใจตามสถานการณ์

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือพละกำลังของเฉินซียังห่างไกลจากจุดที่สามารถบังคับให้อีกฝ่ายลงมือได้ และเหตุผลที่กองกำลังเหล่านี้อดทนรอนั้นเพียงเพราะกังวลว่าเฉินซีจะพาพวกเขาไปลงนรกไปพร้อมกับตน

ดังคำกล่าวที่ว่า ผู้ไม่กลัวความตายจากใบมีดพันเล่มย่อมกล้าที่จะปลดม้าจักรพรรดิ

หากเฉินซีตัดสินใจแลกชีวิตของตนเพื่อช่วงชิงชีวิตของศัตรู เขาก็จะเป็นคนที่น่ากลัวอย่างยิ่งเช่นกัน และอีกฝ่ายคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเฝ้าระวังไว้

โครม!

การต่อสู้รุนแรงขึ้นขณะที่เวลาผ่านไปจนกลายเป็นศึกอันดุเดือด สมบัติวิเศษระดับสวรรค์จำนวนมากล่องลอยไปในอากาศและฉีกท้องนภาเป็นชิ้น ๆ ในขณะที่กระบวนยุทธ์และพลังอิทธิฤทธิ์มากมายหลั่งไหลลงมาบดขยี้ทุกสิ่งโดยรอบ แสงศักดิ์สิทธิ์ส่องสว่างทั่วทั้งพื้นที่หมื่นลี้ เสียงคำรามดังขึ้นสู่ท้องนภาทำให้สวรรค์ทั้งเก้าสั่นสะเทือน

สถานที่แห่งนี้เป็นที่ฝังสมบัติที่เหล่าทวยเทพทิ้งไว้ และยังเป็นสนามรบที่กว้างใหญ่ในสมัยโบราณ ตอนนี้ การต่อสู้อันน่าสะพรึงกลัวได้เกิดขึ้นที่นี่อีกครั้ง ทว่ามีความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือเป็นการต่อสู้ระหว่างคนหนึ่งคนกับคนหลายคน

ทว่าแรงผลักดันของศึกในครั้งนี้กลับน่าตกตะลึงถึงขั้นที่สะทกสะท้านสรวงสวรรค์และแผ่นดิน พื้นที่ในรัศมีหมื่นลี้กลายเป็นรอยไหม้เกรียมและแตกเป็นเสี่ยง ๆ หุบเขาและหินกลายเป็นเถ้าถ่าน เสียงระเบิดดังสนั่น คลื่นลมกระโชกแรง ซึ่งชวนน่าตกใจและน่าสะพรึงกลัวยิ่ง

พันธมิตรที่รวมตัวขึ้นจากผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะจากราชวงศ์ต่าง ๆ นั้นน่าเกรงขามอย่างยิ่ง ทว่าพวกเขาก็ไม่อาจสังหารเฉินซีได้หลังจากผ่านไปนาน ในทางกลับกัน เมื่อการต่อสู้เปิดฉากขึ้นอย่างเต็มที่ เฉินซีกลับได้สังหารคนไปจำนวนหนึ่งแล้ว

ทว่าสภาพในปัจจุบันของชายหนุ่มนั้นย่ำแย่เล็กน้อย ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลและเปรอะเลือด แม้ว่าทักษะแปรสภาพร่างกายจะน่าเกรงขาม เขาก็ไม่อาจฟื้นตัวได้ในช่วงเวลาอันสั้น

โชคยังดีที่เฉินซีนั้นน่าเกรงขามพอสมควร และเมื่อผสานการทำงานระหว่างเนตรเทวะแห่งความจริงกับปีกนภาดารกะ การที่คนเหล่านี้จะปลิดชีพเขาจึงเป็นเรื่องยาก ทว่าความอ่อนล้าของเขาก็มีค่อนข้างมากจนแทบจะทนไม่ไหว

ทั้งหมดนี้ไม่สำคัญ เพราะสิ่งที่ทำให้เฉินซีเป็นกังวลก็คือในระหว่างการเปิดฉากต่อสู้ แกนทองคำภายในร่างกายของเขาสั่นเทาเล็กน้อย เช่นเดียวกับวิญญาณของเขาที่สั่นด้วยความกลัว ราวกับสัมผัสได้ว่าภัยพิบัติบางอย่างกำลังมาเยือน

ทัณฑ์แห่งการจุติ!

เฉินซีคาดเดาขึ้นมาพลางร้องออกมาในใจ ‘บัดซบ! เพิ่งจะมาตอนนี้ ถ้าทัณฑ์แห่งการจุติมาถึงในเวลานี้ เจ้าพวกนี้ก็คงไม่ต้องโจมตีอะไรเลยข้าก็ตายเสียแล้ว’

ทัณฑ์แห่งการจุติเป็นบทลงทัณฑ์ของเต๋าแห่งสวรรค์ทั้งทางกายภาพและจิตใจ จึงไม่อาจหยั่งรู้ได้ว่ามันจะมาเมื่อใด ไม่เพียงแต่ต้องต้านทานทัณฑ์อัคคีที่ลุกโชนขึ้นในร่างกายและจิตใจ ทว่ายังต้องเผชิญกับทัณฑ์อัสนีที่เต๋าแห่งสวรรค์ส่งลงมาอีกด้วย ความประมาทเพียงเล็กน้อยอาจทำให้ผู้นั้นดับสูญและถูกบทลงทัณฑ์กำจัดจนหายไปจากโลกหล้า

การผ่านทัณฑ์แห่งการจุติก็เหมือนกับการได้เกิดใหม่ การบ่มเพาะจะเลื่อนขั้นไปอีกระดับหนึ่ง ทว่าหากผ่านไปไม่ได้ก็มีเพียงเส้นทางเดียวเท่านั้นนั่นคือความตาย

นี่คือสาเหตุที่ทำให้ทัณฑ์แห่งการจุตินั้นน่าสะพรึงกลัวมาก

แต่เฉินซีในตอนนี้รับรู้ได้ราง ๆ ถึงรัศมีที่ว่าทัณฑ์แห่งการจุติกำลังมาถึงในจังหวะที่ถูกศัตรูจำนวนมากปิดล้อม ความรู้สึกหนักใจของเขานั้นสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน

ทว่า ในเวลาต่อมา เมื่อเฉินซีกวาดสายตามองไปรอบ ๆ และเห็นสีหน้าดุดันระคนกระหายเลือดของทุกคน รวมถึงความเย็นชาและความเกลียดชังที่ปกคลุมใบหน้าของเผยอวี่กับอีกสองคน ความรู้สึกรำคาญใจพลันผุดขึ้นมาทันที

ทุกคนคิดว่าข้าจะตายจริง ๆ หรือ?

แม้แต่เต๋าแห่งสวรรค์ก็ไม่ยอมให้ข้ามีชีวิตอยู่และอยากจะบทลงทัณฑ์มาในตอนนี้?

ความรู้สึกที่ต้องเผชิญภัยพิบัติทางธรรมชาติและที่มนุษย์สร้างขึ้นมาพร้อม ๆ กันนั้นเป็นอย่างนี้เองหรือ?

ความโกรธาพวยพุ่งไปทั่วทั้งร่างราวกับหินหลอมเหลวที่แผดเผา เฉินซีรู้อย่างแจ่มแจ้งว่าการมาถึงอย่างกะทันหันของบทลงทัณฑ์ส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขา ทว่าเขาก็ไม่ยอมที่จะอดทนอดกลั้นอีกต่อไป

เขาจะไม่ยอมตายเช่นนี้และต้องการจะต่อต้านจนถึงที่สุด!

ผู้เยี่ยมยุทธ์ที่แท้จริงก็เหมือนปลาที่ว่ายทวนกระแสน้ำ เหมือนกับนกอินทรียักษ์ที่ต่อสู้บนท้องนภา มีเพียงสิ่งที่ตายไปแล้วเท่านั้นที่จะล่องลอยไปตามกระแสน้ำ!

‘ปักษาต้องอาบเพลิงเพื่อเกิดใหม่ ตัวหนอนห่อหุ้มตัวเองด้วยรังไหมเพื่อแปลงร่างเป็นผีเสื้อ ทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ผ่านการจุติในรูปแบบที่แตกต่างกัน ในเมื่อข้าเฉินซีดึงดูดทัณฑ์แห่งการจุติมาในตอนที่ทำการสังหารผู้คน ดังนั้นข้าก็จะจุติในขณะที่สังหารนี่แหละ!’ ในขณะที่ตะโกนในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จิตใจของชายหนุ่มกลับนิ่งสงบมากขึ้นเรื่อย ๆ สายตาของเขามั่นคงเหมือนหินอีกครั้ง

มีมหาเต๋าถึงสามพันรูปแบบ ดังนั้นจึงมีวิธีการมากมายในการผ่านบทลงทัณฑ์ เนื่องจากสวรรค์กลั่นแกล้งให้เขาประสบกับบทลงทัณฑ์ระหว่างการต่อสู้ ดังนั้นเขาจึงต้องสู้จนถึงที่สุด

นี่ไม่ใช่การจุติอีกรูปแบบหนึ่งกันหรอกหรือ?

“เฉินซี เจ้านี่มองตัวเองสูงเกินจริง ข้าปฏิบัติต่อเจ้าด้วยความเคารพมาตลอด แต่เจ้ากลับไม่เห็นคุณค่าและต่อต้านข้าในทุก ๆ ทาง เจ้ามันหยิ่งยโสโอหัง ทำให้ข้าเสียโอกาสเข้าสู่แดนเร้นลับ วันนี้เจ้าต้องชำระบาปของเจ้าด้วยความตาย!” เผยอวี่ซึ่งอยู่ไกลออกไปสังเกตเห็นปัญหาเล็กน้อยที่เกิดขึ้นกับเฉินซี ทำให้เขารู้สึกกังวลใจ ก่อนจะตะโกนออกมาเสียงดัง

ในเวลาเดียวกัน แขนขวาของเฉินซีกำลังสั่นเทา ดวงแสงพร่างพราวลอยออกมาจากมือและพุ่งขึ้นไปสู่เวหา

โครม!

ทันใดนั้น สรวงสวรรค์และปฐพีพลันสั่นสะเทือน กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวปะทุออกมา ส่งผลกระทบต่อกฎแห่งฟ้าดินในบริเวณนี้ ทำให้มิติของพื้นที่แห่งนี้บิดเบี้ยวและมองเห็นได้ยากขึ้น

“อะไรกัน!? นี่มันพลังอันใด? ราวกับมันกำลังจะทะลุขีดจำกัดของสมรภูมิบรรพกาลแล้ว ซ้ำยังมีพลังทำลายกฎแห่งฟ้าดินอีก!”

“นี่มันสมบัติแบบไหนกัน? แล้วเหตุใดมันถึงทำให้ข้ารู้สึกประหม่าและวิตกกังวล และแม้แต่จิตวิญญาณของข้าก็ยังไม่เว้น?”

ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นรู้สึกเย็นวาบไปถึงสันหลัง ในเวลาเดียวกันกับที่เผยอวี่เคลื่อนไหว พวกเขาพลันรู้สึกถึงกฎแห่งฟ้าดินที่เปลี่ยนไปราวกับว่าเซียนสวรรค์กำลังจะมาเยือนโลกแห่งนี้!!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท