บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 704 โลกแห่งอักขระยันต์

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 704 โลกแห่งอักขระยันต์

บทที่ 704 โลกแห่งอักขระยันต์

ท่าทางของเฉินซีนั้นสงบนิ่ง ราวกับพระที่กำลังนั่งสมาธิ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยปราณเซียน ทำให้กลิ่นอายของชายหนุ่มดูพร่ามัวและไม่ธรรมดามากขึ้นเรื่อย ๆ

ในทางกลับกัน ท้องทะเลแห่งลมปราณของเขากลับกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้น!

ลวดลายอักขระยันต์หนาแน่นและลึกลับไหลเลียบอย่างราบรื่น วนผ่านเส้นเลือดในร่างกาย และมาบรรจบกันที่ท้องทะเลแห่งลมปราณ ก่อนจะเริ่มรวมตัวกัน พัฒนาเป็นกลุ่มก้อนอักขระที่วุ่นวาย ม้วนตัวไปมาด้วยจังหวะอันแปลกประหลาดและอธิบายไม่ได้ เหมือนดั่งคลื่นลมในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่

ทว่าชายหนุ่มไม่ได้ให้ความสนใจกับสิ่งเหล่านี้มากนัก เขามุ่งความสนใจไปที่การควบคุมปราณเซียน โดยใช้แก่นแท้เป็น ‘พู่กัน’ ที่กำลังสลักอักขระลงไปอย่างต่อเนื่อง

การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มทั้งคล่องแคล่วว่องไวและเชี่ยวชาญ ราวกับจิตรกรผู้ยิ่งใหญ่ที่สาดหมึกอย่างบ้าคลั่ง ลายเส้นมากมายนี้แฝงเต๋ารูปแบบต่าง ๆ เอาไว้ และพากันลอยออกมาจากมือของเขาก่อนที่จะควบรวม ก่อตัวเป็นลวดลายอันซับซ้อนอัดแน่นประหนึ่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

ครืน!

ในช่วงเวลาที่รูปแบบนั้นก่อตัวขึ้น ทันใดนั้นจู่ ๆ ก็มีแสงวาบออกมาจากกลุ่มอักขระที่โกลาหลดุจโลกกำลังจะแตกออกก้อนนั้น มันเป็นกลิ่นอายที่เจิดจรัสและงดงามยิ่งนัก!

อย่างกับว่ามันเป็นแสงแรกที่ปรากฏขึ้น เมื่อยามที่โลกถือกำเนิด ส่องสว่างและเปล่งประกาย นำพาความหวัง ความฝัน และแรงจูงใจแก่ผู้คนให้เพียรพยายามมากขึ้น

ภูตผีสองตนปรากฏขึ้นให้เห็นอยู่อย่างเลือนรางภายในม่านแสง พวกเขาสวมเสื้อผ้าหรูหราและประดับมงกุฎของจักรพรรดิ ร่างกายของคนทั้งคู่ถูกโอบล้อมด้วยเกลียวแสงและประกายไฟปลิวว่อน อักขระยันต์ต่าง ๆ กลายเป็นร่างเล็ก ๆ นับไม่ถ้วน กระโดดวนรอบ ๆ ตัวพวกเขา ราวกับคนตัวเล็กพวกนี้กำลังเต้นรำ บูชา และสรรเสริญจักรพรรดิสูงสุดของพวกตน!

จักรพรรดิชาด! จักรพรรดินีอัคคี!

ภูตผีชายหญิงทั้งสองตนยืนเคียงข้างกันอย่างภาคภูมิท่ามกลางสวรรค์และโลก ดุจหยินและหยาง แสงของเปลวไฟจากพวกเขาส่องสว่างไปทั่วโลก ขับไล่ความมืดมิดทั้งหมด นำพาความหวังอันไร้ที่สิ้นสุดมาสู่ผู้คน!

พวกเขาสถิตอยู่ ณ ใจกลางก้อนอักขระที่วุ่นวาย และกลายเป็นแกนหลักของอักขระยันต์นับไม่ถ้วน ทำให้ท้องทะเลแห่งลมปราณของเฉินซีเปล่งแสงเจิดจ้าและพร่างพราวออกมา

ถึงจะเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เช่นนี้ ชายหนุ่มก็ยังคงไม่รู้สึกตัว จิตใจของเขายังหมกมุ่นอยู่กับการวาดอักขระยันต์ ยามนี้อักขระที่แตกต่างกันนับไม่ถ้วนได้ถูกจารึกไว้ภายในทะเล ที่อักขระไหลมาบรรจบกันในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขา ก่อเป็นความวุ่นวายประหนึ่งโลกจะแยกออกจากกัน

อักขระยันต์แต่ละประเภทล้วนมีความหมายที่ลึกซึ้ง พวกมันผสมผสาน เกี่ยวพัน และบรรจบกัน… กลายเป็นลวดลายที่ลึกซึ้งและซับซ้อนมากมาย

ทั้งหมดที่เขาทำคือการสร้างแดนฮุ่นตุ้นขึ้นมาใหม่!

ถ้าทะเลอักขระยันต์ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นต้นแบบของแดนฮุ่นตุ้น สิ่งที่ชายหนุ่มกำลังทำก็เทียบได้กับการทำให้โลกแห่งนี้สมบูรณ์ขึ้น เขามอบท้องฟ้า ดิน ลม เมฆ ภูเขา แม่น้ำ ดวงดาว ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์… เฉินซีมอบทุกอย่างให้กับมัน และในที่สุดแดนฮุ่นตุ้นนี้ก็ได้ปรากฏทิวทัศน์ที่สวยงามราวกับภาพวาดขึ้นมา!

เวลานี้ เขาได้ลืมทุกอย่าง ลืมทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว สนใจเพียงการสรรค์สร้างโลกที่สมบูรณ์แบบในใจของตนทีละเล็กทีละน้อยตามความคิดและความเข้าใจเกี่ยวกับอักขระยันต์ของเขาเอง โดยใช้แก่นแท้เป็นพู่กันและท้องทะเลแห่งลมปราณเป็นกระดาษยันต์

ในช่วงที่เฉินซีลืมเลือนเรื่องต่าง ๆ และดำดิ่งอยู่ในความอัศจรรย์นี้ ชายหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่า ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากภายในห้วงสำนึกของเขากำลังเริ่มเปล่งเสียงฮึมฮัมขึ้นมาเบา ๆ

เสียงนั้นลึกซึ้งราวกับเสียงจากเต๋าสวรรค์ของฟ้าดิน ดุจเสียงบทสวดอันเป็นธรรมชาติจากเทพเจ้า มันค่อย ๆ ขยายไปทั่วทั้งร่างกายชายหนุ่มเหมือนระลอกคลื่น ทำให้จิตวิญญาณ แก่นวิญญาณ ดวงจิตแห่งเต๋า บริสุทธิ์และชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะเข้าสู่สภาวะลึกลับอย่างยิ่ง!

ทั้งหมดนี้ทำให้ความเร็วในการวาดของเขาเร็วขึ้น เพียงการแตะแค่ครั้งเดียว อักขระยันต์ก็ปรากฏขึ้น ราวกับว่าตัวเฉินซีถูกมหาเต๋าครอบครอง ชักนำไปตามจังหวะเบา ๆ สร้างมันให้กลายเป็นรูปแบบที่สมบูรณ์ไร้ที่ติ และแฝงไปด้วยกลิ่นอายของเต๋าต้นกำเนิด

ในเวลาเดียวกัน ทะเลอักขระยันต์ภายในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขาพลันโกลาหลอย่างรุนแรง ลำแสงศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าปะทุขึ้น เส้นปราณมงคลจำนวนมากมายเปล่งแสงเจิดจ้า เสียงท่วงทำนองแห่งเต๋าระเบิดก้อง พร้อมกับดอกไม้สีทองโปรยปรายลงมา

วิญญาณของจักรพรรดิกับจักรพรรดินีปรากฏตนแล้วตนเล่า ลอยขึ้นไปหยุดยืนอยู่อย่างภาคภูมิในทะเลอักขระยันต์ บ้างก็เข้าไปรวมกับเถาวัลย์รากไม้ แผ่ความมีชีวิตชีวาที่ทำให้ทุกสิ่งงอกงาม บ้างก็หลอมรวมกับแสงสีทองพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า แปรเปลี่ยนเป็นประกายแสงเฉียบคมอย่างไม่มีใครเทียบได้ ราวกับพวกเขาสามารถฟันโลกและแยกจักรวาลออกจากกันได้ง่าย ๆ เพียงแค่สะบัดมือ

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด ตอนนี้ภายในทะเลอักขระยันต์โกลาหลได้มีภูตผีสิบตนยืนอยู่ที่นั่นอย่างภาคภูมิ พวกเขาคือจักรพรรดิคราม จักรพรรดินีพฤกษา จักรพรรดิพิสุทธ์ จักรพรรดินีทองคำ จักรพรรดิชาด จักรพรรดินีอัคคี จักรพรรดิทมิฬ จักรพรรดินีวารี จักรพรรดิเหลือง และจักรพรรดินีปฐพี!

“ธาตุทั้งห้าก่อกำเนิดขึ้นพร้อมกัน พัฒนาทุกสรรพสิ่งทั่วท้องฟ้าและโลกา!” เฉินซีได้ตะหนักรู้แจ้งในทันใด เสียงของเขาดุจฟ้าร้องในฤดูใบไม้ผลิ ขณะที่ชายหนุ่มพ่นคำที่คลุมเครือและเข้าใจยากออกมาเบา ๆ

ภูตผีทั้งสิบของจักรพรรดิและจักรพรรดินียืนอยู่ในตำแหน่งของธาตุทั้งห้า ร่างกายของพวกเขาท่วมท้นไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ของเบญจธาตุ ก่อนจะกลายเป็นยันต์เทวะห้าสีที่ลึกลับและซับซ้อน ลอยอยู่ทะเลอักขระยันต์ท่ามกลางเหล่าอักขระมากมาย

เหมือนกับว่าหยินและหยางแบ่งแยกความโกลาหลออกจากกัน เส้นใยแสงที่สว่างไสวและพร่างพราวส่องผ่านท้องทะเลแห่งลมปราณ เปล่งประกายแสงอย่างไร้ขอบเขต!

ภายใต้แสงสว่างนั้น โลกที่กว้างใหญ่ สวยงาม และไร้ขอบเขตได้เริ่มสั่นสะเทือน ก่อนจะควบแน่นเป็นรูปเป็นร่าง!

ปราณโปร่งใสลอยขึ้นและกลายเป็นท้องฟ้า ในขณะที่ปราณสีขุ่นก็จมลงก่อนจะกลายเป็นผืนดิน

วัฏจักรของธาตุทั้งห้า ก่อกำเนิดสรรพสิ่ง ภูเขา แม่น้ำ ทะเลสาบ ดวงดาว ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ ปรากฏออกมาปกคลุมโลกทั้งใบแทบจะในทันที ทำให้มันเต็มไปด้วยสีสันโชคลาภอันสดใส และกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ของมหาเต๋าที่พรั่งพรูออกมาจากทุกหนทุกแห่ง

ครืน!

พายุโหมกระหน่ำ ดูเหมือนเป็นการประกาศการกำเนิดของโลกใบใหม่ ทุกสิ่งเจริญเติบโตอย่างแข็งแรง เต็มไปด้วยกำลัง อุดมสมบูรณ์และมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง

ในเวลาเดียวกันนั้น ต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กลิ่นอายแห่งสวรรค์ก็ปรากฏขึ้น ราวกับว่ามันได้กลับมายังบ้านของมัน ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางโลก รากที่บิดงอและกิ่งก้านที่แข็งแรงเหมือนใบมีด ดูเก่าแก่ เที่ยงตรง ให้ความรู้สึกถึงความไม่ยอมหักไม่ยอมงอที่แรงกล้ายิ่ง

มีเพียงแค่กิ่งใบเขียวขจีที่ยืนหยัดอย่างภาคภูมิบนกิ่งก้าน พวกมันล้วนเปล่งประกายด้วยหมอกแสงสีเขียวสดใส แผ่กระจายปราณเซียนปกคลุมโลกทั้งใบอย่างรวดเร็ว!

ในเวลาเพียงชั่วพริบตา คลื่นปราณแท้อันน่าเกรงขามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ก็ไหลเข้าสู่เส้นลมปราณและจุดสำคัญต่าง ๆ ตามแขนขาและกระดูกของเฉินซี เหมือนกับสายน้ำไหลเชี่ยวกรากอย่างมีความสุขที่ไหลวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ท่ามกลางสิ่งนี้ อักขระยันต์และลวดลายต่าง ๆ ได้ปกคลุมเส้นลมปราณ จุดชีพจร และอวัยวะภายในของเขาอย่างหนาแน่น ทำให้เกิดประกายแวววาวสดใสหลากสีสัน จากนั้นพวกมันก็กลายเป็นลวดลายคล้ายกระแสน้ำวน ซึ่งสอดคล้องกับปราณแท้ที่ไหลผ่าน สร้างเป็นจังหวะที่สอดรับกลมกลืนกับโลกของมหาเต๋า

ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ!

ชู่ว!

เฉินซีลืมตาขึ้นในทันที อักขระยันต์ปรากฏขึ้นภายในดวงตาของชายหนุ่ม ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวโคจรอย่างลึกลับอยู่ภายใน ราวกับว่าความโกลาหลเพิ่งกระจายตัวออก และทุกสิ่งในจักรวาลก็กำลังวิวัฒนาการอยู่ ยิ่งกว่านั้น มันยังให้ความรู้สึกราวกับว่า สิ่งนี้สามารถดึงจิตวิญญาณของผู้คนให้จมลงไปในดวงตาของเขาได้!

โชคดีที่ปรากฏการณ์ดังกล่าวปรากฏขึ้นเพียงแค่เสี้ยวอึดใจเท่านั้น จากนั้นดวงตาของเฉินซีก็กลับมาสงบและเฉยเมยเช่นเดิม

เขาสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในท้องทะเลแห่งลมปราณของตนเองอย่างระมัดระวัง แดนฮุ่นตุ้นที่หล่อหลอมขึ้นด้วยอักขระยันต์หลายร้อยล้านตัวที่มีรากฐานเป็นยันต์เทวะทั้งห้า กำลังพัฒนาวัฏจักรไปอย่างช้า ๆ ทุกสิ่งภายในนั้นล้วนแฝงไปด้วยความลึกซึ้งของมหาเต๋า

โอม!

ทันทีที่เขาคิด แดนฮุ่นตุ้นทั้งใบก็ส่งเสียงตอบรับ อักขระยันต์นับไม่ถ้วนกะพริบแสงและแยกตัวออกจากกัน ปกคลุมรอบทะเลลมปราณอย่างหนาแน่นราวกับดวงดาวมากมาย

โอม!

เสียงกระหึ่มดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่แดนฮุ่นตุ้นของเขาจะควบแน่นเป็นรูปร่างอีกครั้ง อักขระยันต์ที่แฝงด้วยมหาเต๋าหมุนวนและควบแน่นตามความตั้งใจของชายหนุ่ม เปลี่ยนเป็นรูปร่างไปหลากหลาย อาทิ ใบมีด กระบี่ ระฆัง หม้อ และอื่น ๆ!

เขายังค้นพบอีกว่าแดนฮุ่นตุ้นของตน เมื่อกลายเป็นหม้อกลั่นขนาดใหญ่ มันจะแข็งแรงมาก แม้ว่าจะรับการโจมตีจากปิงซื่อเทียน มันก็ยังคงไม่แตกออกเป็นเสี่ยง …อันที่จริง ไม่มีความจำเป็นต้องโจมตีให้มันแตกเลยด้วยซ้ำ เพราะหากเขาต้องการ เพียงแค่ความคิดเดียว อักขระยันต์นับไม่ถ้วนที่ควบแน่นอยู่ก็แยกออกจากกันให้เขาแล้ว!

“ไม่คาดคิดเลยว่าหลังจากประสบหายนะในครั้งนี้ ข้าจะได้รับประโยชน์จากมัน แดนฮุ่นตุ้นของข้าได้ขยายจนถึงขีดจำกัดแล้ว สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือการบรรลุขอบเขตสมบูรณ์ของเต๋ารู้แจ้งอื่น ๆ จากนั้นความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของข้าก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!”

เฉินซีพึมพำด้วยท่าทางนิ่งเฉย สีหน้าของเขาไม่ได้มีร่องรอยของความสุขหรือความเศร้า อารมณ์ของชายหนุ่มสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง เขายังคงมีนิสัยที่เรียบง่าย ไม่แยแสเกียรติยศหรือความอัปยศดังที่เคยเป็นมา

เขาไม่ได้ตกอยู่ในห้วงอารมณ์นานนัก เฉินซีลุกขึ้นยืน ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มดูสง่างามและไม่ธรรมดา กาลเวลาไม่ได้ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้บนใบหน้าหล่อเหลาของเขา มันยังคงดูดีเช่นเดิม ทว่าดวงตาเฉยเมยของเฉินซีกลับให้ความรู้สึกลึกล้ำเหมือนทะเลกว้างใหญ่ ดึงดูดจิตใจของผู้คนให้หลุดอยู่เหนือการควบคุม!

“ลุงเฉินซี ออกมาจากการปิดประตูบ่มเพาะแล้ว!” เสียงยินดีสนับสนุนดังก้องขึ้นรอบด้าน

เมื่อเดินออกจากกระโจม เขาก็เห็นเด็ก ๆ กำลังมองมาที่ตนเองด้วยท่าทางตื่นเต้น สายตาของพวกเขาเผยให้เห็นความเคารพนับถือ

เหมิงเหวยกับโม่ย่าเองก็มองชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มเช่นกัน …แม้ว่าจะยังมีร่องรอยความกังวลหลงเหลืออยู่ที่ระหว่างคิ้วของพวกเขาก็ตาม

เฉินซีชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นเขาก็ใช้จิตสัมผัสเทพกวาดออกไปรอบ ๆ ก่อนที่จะเข้าใจทุกอย่างในทันที

พลังของหุบเขาบริเวณรอบ ๆ ค่ายกลไฟนรกตะวันครามได้ลดกำลังลงอย่างรวดเร็ว และใกล้จะสูญเสียพลังไปโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ด้านนอกค่ายกลมีกลุ่มคนจากต่างพิภพสี่กลุ่มกำลังจ้องมองมายังพวกเขาสายตาอาฆาตอย่างยิ่ง

“น้องเฉินซี…” เหมิงเหวยตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่าง

“พี่ใหญ่เหมิงเหวย ไม่ต้องเป็นกังวลไปขอรับ” เฉินซีขัดจังหวะพร้อมรอยยิ้ม

“เจ้า…กำลังจะทำอะไร…?” เหมิงเหวยชะงัก

“แน่นอนว่าก็ต้องออกไปพบปะศัตรูของเราสักครู่หนึ่ง” ชายหนุ่มตอบกลับอย่างสบาย ๆ

สีหน้าของเยว่ยานั้นมืดมนอย่างมาก ในขณะที่เขาจับจ้องไปยังค่ายกลในช่องเขาที่กำลังสูญเสียพลังไปอย่างรวดเร็ว ฉากนี้เกือบทำให้ปอดของเจ้าตัวระเบิดด้วยความโกรธ!

บัดซบ!

ถ้าเขารู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาจะต้องมาตายทั้งหมดเช่นนี้หรือไร?

เจ้าพวกสารเลวที่เหลือรอดจากเผ่านรกขุมที่เก้า! กล้าดีอย่างไรมาเล่นตลกกับข้าเช่นนี้ เมื่อค่ายกลใหญ่พังทลายลง ข้าจะทำให้พวกมันอยู่ไม่สู้ตายอย่างแน่นอน!

เยว่ยากัดฟันแน่นด้วยความเกลียดชัง ดวงตาของเขาแทบจะลุกเป็นไฟแล้ว

ตอนนี้ ในบรรดากลุ่มที่อยู่นอกช่องเขา มีเพียงเขาเยว่ยา เท่านั้นที่ถูกปล่อยให้เป็นแม่ทัพที่ไร้พลทหารอยู่ผู้เดียว และมันก็ราวกับว่าเสื้อผ้าของเขาถูกฉีกออกจนหมด ทำให้ร่างเปลือยเปล่าของตนเองถูกเผยต่อสายตาของทุกคนโดยรอบ ทำให้เขารู้สึกอับอายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน!

ฆ่า!

เศษเดนจากเผ่านรกขุมที่เก้าเหล่านี้จะต้องถูกกำจัดให้สิ้น!

เยว่ยาคำรามอยู่ในใจ

ในอีกด้านหนึ่ง สายตาของชวีถ่าและผู้นำของอีกสามกลุ่มก็ทอประกายอาฆาต มันเต็มไปด้วยจิตสังหารเย็นยะเยือกเช่นกัน ราวกับหมาป่าหิวโหยรอที่จะโจมตีเหยื่อ …กระหายที่จะดื่มเลือดสด!

ฟุ่บ!

ทว่าก่อนที่พลังของค่ายกลในช่องเขาจะหายไปอย่างสมบูรณ์ จู่ ๆ ร่างหนึ่งก็พลันเดินออกมาจากด้านใน มือไพล่หลัง ออกเดินด้วยก้าวย่างที่สม่ำเสมอ พร้อมปล่อยให้เสื้อผ้าพริ้วตามลม เผยให้เห็นท่าทีสบาย ๆ อย่างยิ่ง

เหตุการณ์กะทันหันนี้ ทำให้ทุกคนอึ้งไปเล็กน้อย

“ฮ่า ๆ! อันใด ในที่สุดเจ้าก็ทนไม่ได้อีกต่อไปแล้วหรือ? เจ้าเห็นว่าค่ายกลไม่สามารถขวางทางเท้าของเราได้ เจ้าจึงจะออกมายอมจำนนด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ?” ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพกล่าวอย่างพึงพอใจ “น่าเสียดายที่มันสายเกินไปแล้ว วันนี้พวกเจ้าทุกคนจะต้องตายทั้งหมด!”

เฉินซีกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เขาไม่ได้สนใจผู้กล่าวท้าทายคนนั้นเลยแม้แต่น้อย และยังคงก้าวต่อไปข้างหน้า

ฟิ้ว!

สนามพลังไร้รูปร่างที่เป็นราวกับคมมีด จู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นในทันทีทันใด ส่งศีรษะคนผู้หนึ่งกระเด็นลอยออกไปในท้องฟ้า ก่อนจะร่วงลงมาพร้อมกับที่น้ำพุโลหิตพุ่งขึ้น คงเหลือไว้เพียงศพไร้หัวที่ล้มลงกับพื้น …จบชีวิตอย่างน่าอนาถในชั่วพริบตา!

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ม่านตาของทุกคนที่อยู่โดยรอบหดลงในทันที!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท