เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 23 ขยันหมั่นเพียร

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 23 ขยันหมั่นเพียร

บทที่ 23 ขยันหมั่นเพียร

หลายปีมานี้หวังเซียงฮวาไม่พอใจที่น้องสามีคนนี้เอาแต่มาขออาหารที่บ้านอยู่เสมอ แต่เพราะแม่สามีเป็นคนดูแลครอบครัว เธอจึงทำได้เพียงกล้ำกลืนความไม่พอใจลงไปเท่านั้น

ทว่าตอนนี้มันต่างออกไป มีเรื่องเกิดขึ้น เธอจึงคิดว่าพูดได้แล้ว

ทำไมคุณย่าซูจะไม่รับรู้ถึงความไม่พอใจของพวกลูกสะใภ้ล่ะ แต่เพราะรักพี่เสียดายน้อง แล้วทุกครั้งที่ซูหม่านเซียงมาหาก็ร้องไห้มาเสียทุกครั้ง เธอจึงทำได้เพียงคอยดูแล

กลับมาคิดถึงตอนนี้ เพราะการกระทำเช่นนี้ จึงทำซูหม่านเซียงเริ่มไม่พอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

“หลังจากนี้เก็บธัญพืชกับเนื้อไว้กินเองที่บ้านซะ!” คุณปู่ซูพูดออกมาถือเป็นการตัดสินใจในประโยคเดียว

เรื่องราวในครั้งนี้ซูหม่านเซียงทำให้เขาเสียใจมาก

ไม่กลัวหรอกหากคนคนหนึ่งจะทำผิด เพราะที่น่ากลัวกว่าคือไม่รู้ว่าตนเองทำผิด

จนกระทั่งตอนนี้ซูหม่านเซียงก็ไม่ได้ตระหนักถึงความผิดของตัวเองเลย เธอสับสนจริง ๆ หรือเธอแสร้งทำเป็นสับสนกันแน่

แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน คุณปู่ซูไม่คิดตามใจอีกต่อไป

คนในครอบครัวคาดไม่ถึงว่าจู่ ๆ คุณปู่ซูจะพูดเช่นนี้ออกมาจึงตกตะลึง

“คุณปู่ครับ จากนี้ไปพวกเราจะได้กินข้าวแบบนี้ใช่ไหม”

กระทั่งได้ยินเสียงอ่อนโยนของซูจิ่วเหลียนดังออกมา ทำให้ในใจคุณปู่ซูยิ่งรู้สึกไม่ดี

เพราะซูหม่านเซียง เขาจึงปฏิบัติรุนแรงต่อพวกลูกหลาน

กับข้าวเช่นนี้คืออาหารทั่ว ๆ ไปในเมือง และทำให้น้องเก้าเพลิดเพลินและตั้งหน้าตั้งตารอคอยเช่นนี้ได้ มันเป็นของเขาใช่ไหม!

หลายปีมานี้อาหารที่เขาเก็บเอาไว้จากลูกหลานได้เลี้ยงหมาป่าตาขาวตัวหนึ่ง!

“อืม จากนี้ไปครอบครัวของน้องเก้าจะได้กินข้าวแบบนี้อีก” คุณปู่ซูให้คำมั่นสัญญา

“พี่เก้า หลังจากนี้เราจะได้กินของอร่อย ๆ มากกว่านี้ อาจจะกินไข่ทุก ๆ สองวันก็ได้นะ” ซูเสี่ยวเถียนกล่าวพร้อมรอยยิ้มที่สดใส

ไข่ไก่?

พวกพี่ ๆ กลืนน้ำลาย แม้แต่ซูโส่วเวินที่เป็นพี่ใหญ่ก็ไม่เว้น

ครอบครัวเราขาดแคลนไข่ นอกจากซูเสี่ยวเถียนที่กินไข่ได้เดือนละหนึ่งฟองแล้ว เด็กคนอื่น ๆ ไม่ได้รับสิทธิ์เช่นนี้

“พี่ไม่อยากกินไข่ทุกสองวัน แค่เดือนละหนึ่งฟองก็พอแล้ว!” ซูซื่อเลี่ยงพูดขณะเคี้ยวเสียงดังจ๊อบแจ๊บ

“รีบกินข้าวไปเลย กินแล้วยังหุบปากแกไม่ได้อีกหรือ!” ฉีเหลียงอิงพูดออกมาด้วยความโมโหหลังจากได้ยินลูกชายโลภมากเช่นนี้

เรื่องการกินไข่ก็เช่นกัน ไข่ในบ้านมีน้อยเกินไป และคนส่วนใหญ่ในชุมชนการผลิตแทบไม่มีไข่กินเลย

ตอนที่เธอพักฟื้นยังได้กินไข่สองวันครั้ง รสชาติดีมาก แค่นึกถึงน้ำลายก็ไหล

แม้ว่าทุกคนจะคิดว่ากินไข่อะไรพวกนี้จะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ดูเหมือนทำให้พวกเขามีความหวังในชีวิตเพิ่มขึ้นสักหน่อย

หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จ พวกผู้ใหญ่ก็กลับห้องพักเพื่อพักผ่อน จากนั้นได้เวลาไปทำงาน

อากาศเริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ซูเสี่ยวเถียนเตือนให้เหลียงซิ่วเตรียมต้มถั่วเขียวให้คนในครอบครัวอยู่นาน

เมื่อนำต้มถั่วเขียวออกจากหม้อ เธอก็ใส่น้ำตาลลงไปเล็กน้อย รสชาติหอมหวานละมุ่นลิ้น

เหลียงซิ่วไม่มีอะไรจะเสียกับต้มถั่วเขียวแล้ว ส่วนถั่วเขียวที่บ้านมี เป็นชนิดที่ขึ้นบนคันนา ไม่มีประโยชน์

แต่น้ำตาลราคาแพง แค่ใส่ไปครึ่งช้อนชากว่า เหลียงซิ่วก็ทุกข์ใจมาก

แต่เสี่ยวเถียนไม่ค่อยเต็มใจนัก

เมื่อคิดถึงลูกสาว เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมช่วงนี้แม่สามีถึงได้เปลี่ยนใจ และมอบโถน้ำตาลให้น้องเถียนคอยดูแล

หม้อต้มถั่วเขียวหนึ่งหม้อให้พวกผู้ใหญ่ใส่โหลไปทำงาน ส่วนที่เหลือทิ้งไว้ให้เด็ก ๆ ที่บ้าน

พี่น้องตระกูลซูดื่มต้มถั่วเขียวกันอย่างสดชื่น และก้มหน้าก้มตาเรียนหนังสือต่อ

พวกพี่ ๆ ขยันขันแข็ง ซูเสี่ยวเถียนจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาก และง่วนอยู่กับการอ่านหนังสือเพื่อหาเงิน

หนังสือที่อ่านไปในตอนเช้าเกี่ยวกับพืชพันธุ์ ส่วนตอนบ่ายซูเสี่ยวเถียนพบหนังสืออีกเล่มที่ยังเกี่ยวกับพืชพันธุ์อยู่ดี

สำหรับซูเสี่ยวเถียน หนังสือเล่มนี้ค่อนข้างซับซ้อนและเข้าใจยาก แต่เธอก็ยังอ่านอย่างพากเพียร

การอ่านอย่างขยันขันแข็งในหลายวันมานี้ทำให้ความเร็วในการอ่านของซูเสี่ยวเถียนเร็วขึ้นมาก เธอใช้เวลามากกว่าสองชั่วโมงในการอ่านหนังสือที่มีความหนาสองเซนติเมตร

แต่หลังจากอ่านจบแล้ว กลับรู้สึกว่าบางตอนดูเข้าใจยาก แม้กระทั่งความจำก็ยังสับสนเล็กน้อย

เธอรีบกลับไปอ่านใหม่อีกครั้ง

ตอนนั้นเองที่ซูเสี่ยวเถียนได้ยินเสียงของแอนนา หลังจากไม่ได้ยินมาเป็นเวลานาน

[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่เปิดใช้งานทักษะแรก – ทบทวนความรู้และเรียนรู้สิ่งใหม่ค่ะ!]

ซูเสี่ยวเถียนตกตะลึง

ทักษะ?

ทบทวนความรู้และเรียนรู้สิ่งใหม่?

เธอไม่สนใจที่จะอ่านหนังสืออีกแล้ว หลังจากที่เห็นว่าพวกพี่ ๆ ยังตั้งใจเรียนกันอยู่และไม่ได้ให้ความสนใจเธอ ซูเสี่ยวเถียนจึงสื่อสารกับระบบเพื่อเรียนรู้ทักษะใหม่ทันที

[ทบทวนความรู้และเรียนรู้สิ่งใหม่ : ทบทวนความรู้เก่าเพื่อรับความรู้ใหม่ และในขณะเดียวกันก็จะเพิ่มพลังความเข้าใจของโฮสต์ขึ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์]

ซูเสี่ยวเถียนอ่านอย่างระมัดระวังอยู่สองครั้งแล้วก็นึกขึ้นได้ นี่หมายความว่าการอ่านไม่สามารถทำได้ในพริบตา แต่ควรอ่านหลาย ๆ ครั้งเพื่อให้เข้าใจมากขึ้น

ก่อนหน้านี้เธอเป็นคนใจร้อน อ่านก็คืออ่าน แม้จะตั้งใจมาก แต่ก็คงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย และคิดว่าจะหาเงินได้ขนาดไหนหลังจากอ่านหนังสือ

พอมาคิด ๆ ดู หนังสือที่เคยอ่านผ่าน ๆ มา น่าจะมีความรู้ที่ไม่เข้าใจอยู่นะ

สำหรับการเพิ่มความเข้าใจ ซูเสี่ยวเถียนรู้สึกว่าตนดูกระจ่างแจ้งกว่าเมื่อก่อนอยู่บ้าง แต่ส่วนอื่น ๆ ไม่ชัดเจนเท่าไร

เมื่อซูเสี่ยวเถียนกำลังจะทบทวนหนังสือที่อ่านมาในวันนี้ก็ได้ยินเสียงของซูซื่อเลี่ยงเสียก่อน

“แบบนี้นี่เอง ไม่ยากเลยนี่!”

เสียงของเขาไม่ได้เบาเลยรบกวนพี่น้องอยู่หลายคน ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกัน ก่อนจะมองคนที่รบกวนการเรียนของพวกเขาอย่างโกรธเคือง

“น้องเล็ก วิธีของน้องดีมากเลย จากนี้ไปพี่จะเรียนแบบนี้นะ” ซูซื่อเหลียงไม่สนใจคนอื่น ๆ เขาพูดกับซูเสี่ยวเถียนอย่างมีความสุข

“พี่รอง พื้นฐานพี่แย่ที่สุดเลยต้องขยันให้มาก ๆ ถึงจะดีค่ะ ถ้าปีหน้าพี่ไม่ได้เรียนมัธยมปลาย หนูจะร้องไห้!”

“เถียนเถียนเด็กดี พี่รองไม่กลัวอะไรนอกจากกลัวน้องร้องไห้ ห้ามร้องนะ!”

ซูซื่อเลี่ยงผงะไป แล้วรีบให้คำมั่นสัญญา

แต่หลังจากให้คำมั่นแล้วก็รู้สึกแปลก ๆ อีกครั้ง

ทำไมช่วงนี้เสี่ยวเถียนถึงแปลกจัง? ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นชวนพวกเขามาเรียนเลย!

สายเกินไปไหมที่จะเสียใจน่ะ?

เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของซูซื่อเหลียง ซูโส่วเวินและคนอื่น ๆ อดหัวเราะไม่ได้

“พวกนายยังไม่รีบแสดงจุดยืนอีก เสี่ยวเถียนร้องไห้แล้ว จะรอให้โดนตีหรืออย่างไร!”

ขณะที่ซูซื่อเลี่ยงพูดก็เหลือบมองไปที่ไม้กวาดตรงมุมสนาม

แน่นอนว่าพี่น้องคนอื่น ๆ เข้าใจความหมายของซูซื่อเลี่ยง ก่อนจะบอกว่าจะตั้งใจเรียนให้ดี

ซูเสี่ยวเถียนพอใจ

เพื่อพวกพี่ ๆ ที่ตั้งใจเรียนกันแล้ว การเสียสละของเธอยิ่งใหญ่มาก!

เมื่อเห็นรอยยิ้มอันแสนหวานของซูเสี่ยวเถียน ซูซื่อเลี่ยงก็อดไม่ได้ที่จะสำลักอีก

“เสี่ยวเถียน พี่รองของน้องฉลาดมาก ขอเพียงตั้งใจอ่านหนังสือไม่ว่าอะไรก็เรียนได้ทั้งหมด น้องก็แค่รอพี่รองมีอนาคตที่ดีหลังจากนี้นะ จะได้อยู่ดีกินดีแล้ว!”

ตอนซูซื่อเลี่ยงพูดเช่นนี้ เขาไม่ได้เจียมเนื้อเจียมตัวเลยสักนิด ไม่รู้ว่ายังคิดว่าเป็นเด็กหัวกะทิอยู่หรือเปล่า

คำพูดของเขาดึงดูดสายตาของพี่น้องคนอื่น ๆ

ในครอบครัวมีพี่น้องอยู่หลายคน แต่ซูซื่อเลี่ยงเรียนแย่ที่สุด แล้วก็ไม่รู้ว่าจะมีใครกล้าพูดแบบนี้กับน้องเล็กแสนฉลาดอีก

เหล่าพี่น้องไม่รู้ว่ายามที่มีช่วงเวลาร่วมกัน จะมีคนหยุดมองอยู่นอกบ้านและจากไปอย่างรวดเร็ว!

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท