บทที่ 94 กมลพิสุทธิ์แห่งพืชพรรณ
ค่ำคืนนี้ถูกกำหนดให้เป็นคืนที่น่ารื่นรมย์
ไม่เพียงแต่จะมีคู่รักเปิดใจต่อกันเท่านั้น แต่ซูเสี่ยวเถียนยังเจอสิ่งที่น่าประหลาดใจอีกด้วย
ระบบที่ซูเสี่ยวเถียนมีอยู่ สามารถลงชื่อเข้าใช้และใช้ทำงานต่าง ๆ ได้
แต่งานค่อนข้างมีน้อย จนถึงตอนนี้ซูเสี่ยวเถียนเพิ่งทำเสร็จไปได้อย่างสองอย่าง และรางวัลที่ได้รับก็ไม่ได้เยอะอะไร หากอิงตามระบบแล้ว จะต้องรอภารกิจหลักให้เสร็จก่อนถึงจะได้รางวัลใหญ่
และสิ่งที่เธอทำสำเร็จจนถึงตอนนี้คือหนึ่งในภารกิจหลักของ ‘มีธัญพืชนานาชนิดในหนังสือ’ คือเปลี่ยนความคิดพี่ชายและเพิ่มผลผลิตของธัญพืช
ซูเสี่ยวเถียนเสร็จสิ้นสองภารกิจนี้โดยไม่รู้ตัว จึงไม่ได้คิดอะไรให้มากความ
แต่ภารกิจที่สามอย่าง ‘คะแนนสอบดีเยี่ยม’ ยังไม่คืบหน้าเลย
ช่วยไม่ได้ ภารกิจนี้ต้องให้เด็กทุกคนในบ้านสอบได้คะแนนดีเยี่ยม
แต่เดี๋ยวนี้พวกเขาแทบไม่ได้ไปโรงเรียนแล้ว แถมเหมือนจะไม่มีสอบด้วย จะไปได้คะแนนดีเยี่ยมได้อย่างไร?
ซูเสี่ยวเถียนติดชะงักตรงนี้อยู่นาน หากไม่ใช่เพราะการลงชื่อเข้าใช้ภารกิจอยู่ทุกวันและได้รางวัลมา เธอคงติดอยู่ในความสิ้นหวังแล้ว
รางวัลจากการลงชื่อเข้าใช้ระบบจะแตกต่างกัน ซูเสี่ยวเถียนสังเกตอย่างเงียบ ๆ และสรุปได้ว่า ในแต่ละวัน รางวัลการเข้าระบบจะมีไม่มาก พอครบเจ็ดวันจะได้รางวัลเยอะหน่อย ส่วนรายเดือนจะมีรางวัลใหญ่ให้
วันนี้จะเป็นวันที่จะได้รับรางวัลใหญ่ ซูเสี่ยวเถียนจึงตั้งหน้าตั้งตารอ
ตั้งแต่เช้า ซูเสี่ยวเถียนเริ่มคิดถึงสิ่งดี ๆ ที่จะได้รับในวันนี้
เดือนก่อนนู้นได้ตั๋วเย็บผ้ามาหนึ่งใบและเงินหนึ่งร้อยห้าสิบหยวน เดือนที่แล้วได้ตั๋วจักรยานหนึ่งใบกับเงินที่มากกว่าสองร้อยหยวน
แต่ซูเสี่ยวเถียนเก็บตั๋วกับเงินไว้อย่างดิบดี และไม่เอาออกมาเลย
เธอรู้สึกว่าถ้าในหนึ่งเดือนจะได้รางวัลใหญ่มา รอตอนพวกพี่ชายแต่งงาน ช่วงนั้นน่าจะมีวิทยุ จักรยาน จักรเย็บผ้า และนาฬิกาออกมาแล้วล่ะ
เป็นความรุ่งโรจน์จริง ๆ
ซูเสี่ยวเถียนกลับมาที่ห้อง นอนอยู่ครู่หนึ่งฟังเสียงความเงียบที่รายล้อมอย่างตั้งใจ เมื่อแน่ใจแล้วว่าทุกคนในครอบครัวนอนกันหมดแล้ว จึงค่อยเรียกแผงระบบเพื่อเริ่มจับสลากอย่างตื่นเต้น
ลูกศรกะพริบไปมาบนห่อของขวัญทั้งเก้าชุด จากเร็วไปช้า แล้วค่อย ๆ ช้าลงเรื่อย ๆ…
ซูเสี่ยวเถียนรู้สึกว่าหัวใจใกล้จะกระเด้งออกจากอก
ในที่สุดลูกศรก็หยุดนิ่งบนห่อของขวัญห่อหนึ่ง
รางวัลใหญ่เปิดออกในทันที ดวงตาของซูเสี่ยวเถียนเบิกกว้าง และมองดูอย่างไม่อยากจะเชื่อ
กมลพิสุทธิ์แห่งพืชพรรณ?
มันคืออะไรกัน?
ไม่ใช่ทั้งเงิน ไม่ใช่ทั้งตั๋ว และไม่ใช่ของกินของดื่มด้วย?
กมลพิสุทธิ์แห่งพืชพรรณหรือ?
เธอยืดมือไปกดแล้วอ่านคำแนะนำ นี่มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อแล้ว ความผิดหวังเดิมถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้นในทันที
ซูเสี่ยวเถียนเกือบจะกระโดดขึ้นมา
กมลพิสุทธิ์แห่งพืชพรรณสามารถทำให้ผู้ใช้มีหัวใจที่บริสุทธิ์และงดงามราวกับพืชพรรณ เพื่อให้สามารถสื่อสารกับพวกมันได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ กมลพิสุทธิ์แห่งพืชพรรณไม่ใช่ไอเทมที่ซื้อใช้เพียงครั้งเดียว แต่เป็นไอเทมเอฟเฟกต์พิเศษที่คงอยู่ถาวร
สวรรค์ ฉันรวยแล้ว!
นี่คือปฏิกิริยาแรกของเธอ
ปฏิกิริยาที่สองคือ คุ้มค่าที่จะลอง
แต่ในห้องกั้นเล็ก ๆ แบบนี้ไม่มีหญ้าสักต้นเดียว…
กมลพิสุทธิ์แห่งพืชพรรณจำเป็นต้องใกล้ชิดกับพืชถึงจะใช้ได้ คืนนี้ซูเสี่ยวเถียนผล็อยหลับไปด้วยความขุ่นเคืองและตื่นเต้น
รุ่งเช้าซูเสี่ยวเถียนตื่นขึ้นมาล้างหน้า อดใจรอไปสวนผักในลานบ้านเพื่อคุยต้นอ่อนผักไม่ไหว
ยามนิ้วเกลี่ยใบสีเขียวของต้มหอมก็ได้ยินมันพูดว่า วันนี้อากาศหนาวมากเลย!
พอแตะใบผักกาดขาว มันก็บอกว่า อากาศหนาวมาก และมันก็โตแล้ว…
ซูเสี่ยวเถียนแตะต้นไม้ทุกต้นในสวนจนครบทุกต้น และเธอก็เริ่มรู้สึกเบื่อหน่าย
ต้นหอมเอย ผักกาดขาวเอย แตงกวาอะไรพวกนี้ก็พูดแต่คำซ้ำ ๆ ทนฟังอยู่รอบหนึ่งก็ไม่น่าสนุกแล้ว
ซูเสี่ยวเถียนพึมพำอย่างไม่พอใจ ไอเทมอันนี้ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจเลย
คุณย่าซูเห็นหลานไปสวนผักแต่เช้า แล้วก็จับพวกมันอยู่รอบหนึ่ง จากนั้นก็เห็นว่าใบหน้าเด็กหญิงที่มีความสุขในตอนแรก และค่อย ๆ หายไป
คุณย่าจึงอดหัวเราะไม่ได้ “ทำไมเด็กดีของย่าถึงไม่มีความสุขแล้วล่ะ? ใครมาทำวุ่นวายกับหนู?”
“คุณย่าคะ ไม่เห็นสนุกเลย” ซูเสี่ยวเถียนบ่นอุบอิบ
คุณย่าซูไม่รู้ว่าอะไรคือไม่สนุก โลกของเด็กเธอไม่เข้าใจหรอก! ก่อนผู้เป็นย่าจะจับมือหลาน แล้วให้เธอไปล้างหน้าเตรียมตัวกินข้าวเช้า
ซูเสี่ยวเถียนคิดจะขึ้นเขา แต่คุณย่าบอกว่าวันนี้ชุมชนต้องไปเก็บผลไม้ และเด็กครึ่งหนึ่งต้องไปช่วย
ถึงจะไม่ค่อยมีความสุขนัก แต่ซูเสี่ยวเถียนเป็นคนมีไหวพริบดี และรู้ว่าการเก็บผลไม้เป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นทุกคนที่ไปเก็บผลไม้จะได้รับคะแนนการทำงานทุกคน
เธอไม่สามารถคอยดูแลแต่ความสุขของตัวเองได้ และช่วงนี้ของการเก็บผลไม้ในทุก ๆ ปี ทุกคนในชุมชนจะค่อนข้างรื่นเริง
หลังจากขบคิด ซูเสี่ยวเถียนเริงร่าขึ้นอีกเมื่อนึงถึงพวกต้นผลไม้ในชุมชน
ที่นี่มีต้นแพร์แก่อยู่หลายต้น คุณย่าบอกว่าอายุของมันมากกว่าคุณย่าเสียอีก
ต้นไม้แก่ ๆ แบบนี้ ถ้าคุยด้วยคงไม่น่าเบื่อเหมือนผักในสวนใช่ไหม?
ครั้นคิดได้แบบนี้ ซูเสี่ยวเถียนก็มีความสุขจนหัวเราะคิกคัก
คุณย่าซูส่ายหัวระคนเอ็นดู เด็กคนนี้ก็ยังเป็นเด็ก เมื่อกี้เพิ่งจะบอกว่าไม่สนุก แต่ไม่นานก็ยิ้มได้เสียแล้ว
อาหารเช้าคือโจ๊กข้าวฟ่าง มันเทศนึ่ง และแป้งทอดแผ่นหนา
และยังมีไข่ตุ๋นอีกหนึ่งอย่าง
เหลียงซิ่วเอาไข่ตุ๋นครึ่งถ้วยแบ่งให้พ่อแม่สามี ส่วนที่เหลือให้น้องเก้ากับเสี่ยวเถียน
เด็กสองคนไม่มีนิสัยชอบกินคนเดียว ทั้งสองคนถือช้อนคันเล็ก แล้วแบ่งไข่ตุ๋นในชามกินกับพี่ ๆ
คุณปู่คุณย่าซูชอบฉากอันอบอุ่นเช่นนี้มาก ไม่มีอะไรจะสุขไปกว่าเด็กรู้ความในบ้านแล้ว
“รีบกินกันหน่อยนะ หัวหน้าบอกว่าสองวันมานี้มีน้ำค้างตกด้วย วันนี้ต้องเก็บผลไม้ให้หมด” ซูเหล่าซานออกไปด้านนอก มองไปยังดวงอาทิตย์ที่โผล่พ้นเทือกเขา แล้วรีบเอ่ยเตือน
คุณปู่ซูยังพูดอีกด้วย “กลัวว่าสองวันนี้อากาศจะเปลี่ยนแปลง แต่ผลไม้จะอร่อยหลังน้ำค้างตก แต่ถ้าเก็บไม่ทันก่อนหิมะตกมันจะถูกแช่แข็ง”
ซูเสี่ยวเถียนฟังคำของคุณปู่แล้วจิตใจก็ล่องลอย นึกไปถึงสิ่งที่ต้นหอมพูดเมื่อเช้าว่ามันหนาวเกินไป
และจู่ ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่า ต้นหอมแค่แสดงให้เห็นถึงอากาศที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงใช่ไหม?
ดูเหมือนว่ากมลพิสุทธิ์แห่งพืชพรรณจะมีประโยชน์มาก แต่ข้อมูลที่รวบรวมมาต้องแยกอย่างระมัดระวัง ถึงจะหาข้อมูลที่มีประโยชน์ได้
ค่อยเป็นค่อยไป แล้วก็อย่ารีบร้อนด้วย
สุดท้ายก็ต้องมีวันที่รู้อยู่ดี
หลังอาหารเช้า ทุกคนในครอบครัวไปสวนต้นแพร์เพื่อเก็บลูกแพร์
ก่อนเดินเข้าสวนก็ได้กลิ่นอันหอมหวล ซึ่งเป็นกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของลูกแพร์ที่กำลังอ่อน
มีต้นไม้หลายสิบต้นในสวนของชุมชนการผลิตหงซิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นต้นแพร์อ่อน และราชาต้นไม้ก็ยังเป็นต้นแพร์อ่อน
รสชาติของลูกแพร์อ่อนเข้มข้น พร้อมกลิ่นสัมผัสสุราเล็กน้อย
แถมยังหวานอมเปรี้ยว มีรสชาติไม่เลวเลย
“คุณย่า กลิ่นหอมมากเลย!” ซูเสี่ยวเถียนยิ้มอย่างมีความสุข
“แมวตะกละ รอเก็บลูกแพร์ไปแจกให้ครบทุกครอบครัวก่อน แล้วจะให้หลานกินให้พอเลย!” คุณย่าซูพูดพร้อมตบมือหลานสาวเบา ๆ
ต้องบอกว่าสติสัมปชัญญะของสมาชิกในชุมชนสูงจริง ๆ แม้แต่เด็กก็ไม่ไปแอบกินลูกแพร์ในสวนด้วย
แน่นอนว่าความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งที่ไม่สามารถตัดออกได้คือ ถ้าถูกจับได้จะถูกตัดสินลงโทษในข้อหาถอนขนแกะ*[1]
หากมีคนถูกตัดสินว่ากระทำความผิดเช่นนี้ก็จะถูกดูถูกเหยียดหยาม และไม่มีหน้ากลับมายังชุมชนได้อีก
เธอเดินหัวเราะเริงร่ามาจนถึงสวนลูกแพร์ก็มีคนรออยู่ไม่น้อยแล้ว
หัวหน้าซูก็อยู่ที่นั่นด้วย
พอเห็นว่าคนมาเกือบครบแล้ว ซูฉางจิ่วแบ่งงานง่าย ๆ ให้ทุกคน
โดยทั่วไปแล้ว หลาย ๆ ครอบครัวจะมีหน้าที่เก็บผลไม้จากต้น
บ้านซูมีลูกชายหลายคน และทุกคนสามารถปีนต้นไม้ได้
ส่วนหลี่จู้จื่อทำงานกับคนบ้านนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
คนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับคุณย่าซูยังบอกอีกว่า หลี่จู้จื่อเหมือนเป็นลูกชายคนที่สี่ของบ้านซู
แถมยังแหย่ ๆ คุณปู่คุณย่าซูว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นลูกชายของพวกเขา
คุณย่าซูตอบด้วยรอยยิ้ม
ส่วนซูเสี่ยวเถียนถูกน้องเก้าลากไปทางต้นแพร์อายุร้อยกว่าปีแล้ว เด็กสองคนนั้นวิ่งอย่างรวดเร็ว และผู้เป็นย่าก็กังวลว่าหลานสาวจะสะดุดรากไม้
“ตายแล้ว! น้องเก้าวิ่งช้าลงหน่อย เดี๋ยวล้มทับน้อง!”
ทุกคนหัวเราะเมื่อได้ยิน ก่อนจะบอกว่าคุณย่าซูเป็นห่วงเสี่ยวเถียนจริง ๆ
เรื่องที่บ้านซูเอ็นดูหลานสาว คนในชุมชนต่างคิดไม่ตกอยู่บ้าง เด็กไร้เดียงสาคนเดียวมันคุ้มที่จะเอ็นดูหรือเปล่านะ?
*[1] ลักลอบเอาของส่วนรวมมาเป็นของตน