บทที่ 100 ยั่วยวนเฉินจื่ออัน
คำพูดของซูเหล่าซานทำให้ทั้งคุณปู่และคุณย่าซูสั่นไหวขึ้นมา
“คุณลุง คุณป้าครับ ผมจะไม่มีวันทำให้พวกคุณเป็นกังวลอย่างแน่นอน และเด็ก ๆ พวกนี้ ผมกับซิ่วเอ๋อร์ก็จะรักจะเอ็นดูเหมือนลูกของตัวเองด้วย”
เฉินจื่ออันชอบเด็ก ๆ บ้านซูมาตลอด ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วหากจากนี้จะปฏิบัติต่อพวกเขาราวกับเป็นลูกของตนเอง
หลังมื้ออาหารเย็นก็ถึงเวลาแบ่งผลไม้
ซูฉางจิ่วพาพวกเจ้าหน้าที่มาด้วยและเริ่มแบ่งผลไม้ของปีนี้
“ก่อนอื่นให้อิงตามมาตราฐานการแบ่งผลไม้คนละสามสิบจินก่อน หลังจากแบ่งเสร็จก็ดูว่าเหลือเท่าไรแล้วค่อยมาว่ากัน ทุกคนคิดว่าอย่างไรบ้าง?” หัวหน้าซูถามความคิดเห็นสมาชิกที่อยู่โดยรอบ
แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีความเห็น หากแบ่งแบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องชั่งน้ำหนักล่วงหน้าก่อน
เฉินจื่ออันได้ตามคนตระกูลซูไปยังสวนลูกแพร์ แน่นอนว่ามาเพื่อแสดงตัวตน
พอได้รับการตอบตกลง ก็ถือว่าเขาเป็นลูกเขยของตระกูลซูอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นควรแสดงตนออกมา
ขณะที่ทุกคนยุ่งอยู่กับการแบ่งผลไม้ คังอี้เยี่ยได้ปรากฏตัวขึ้นใกล้ ๆ กับเฉินจื่ออันอย่างเงียบเชียบ เธอสำรวจดูดีแล้ว อีกทั้งซูหม่านซิ่วไม่ได้มาที่สวนลูกแพร์ นี่จึงถือเป็นโอกาสของเธอ
อันที่จริง คังอี้เยี่ยเป็นคนที่ทำได้ทุกอย่างโดยไม่สนวิธีการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายแล้ว เธอไม่เสียใจเลยที่จะทำมันลงไป ในคราวนี้ เพื่อประโยชน์ในภายภาคหน้าตนเอง จึงตัดสินใจทำทุกวิถีทางเพื่อจับเฉินจื่ออัน
ในมุมมองคังอี้เยี่ย เฉินจื่ออันชอบซูหม่านซิ่วได้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ชอบเธอ
ณ จุดนี้เธอมั่นใจมาก
นอนกับผู้ชายแล้วมันอย่างไร? มีอะไรสำคัญด้วยหรือ?
ซูหม่านซิ่วไม่เคยนอนกับผู้ชายอื่นหรือไง?
ใครจะเหนือกว่ากันนะ?
เฉินจื่ออันไม่ปล่อยซูหม่านซิ่วไป แล้วเช่นนี้เขาจะปล่อยเธอไปได้อย่างไร?
จะดีจะเลวอย่างไร คังอี้เยี่ยก็เป็นยุวชนที่มีการศึกษา ไม่รู้ว่าดีกว่าซูหม่านซิ่วยัยบ้านนอกนี่ตั้งเท่าไร
“หัวหน้าเฉิน…”
ตอนที่คังอี้เยี่ยเอ่นคำนี้ออกไป น้ำเสียงเย้ายวนไร้สิ่งใดเปรียบ สีหน้าเต็มไปด้วยการชื่นชมชัดเจนอย่างปิดไม่มิด
เฉินจื่ออันมองคนตรงหน้าด้วยความรังเกียจ ผู้หญิงคนนี้แสดงความหิวกระหายไปเพื่ออะไร?
เฉินจื่ออันแสร้งเป็นไม่ได้ยิน แล้วเบือนหน้าหนี
คังอี้เยี่ยคิดว่าเสียงเธอเบาไป อีกฝ่ายจึงไม่ได้ยิน
เธอหรี่ตามองไปทางเฉินจื่ออัน ให้แน่ใจว่าทุกคนรอบตัวกำลังยุ่งอยู่กับการแบ่งผลไม้จึงเอนตัวไปทางชายหนุ่ม
“หัวหน้าเฉ…”
ในครั้งนี้เฉินจื่ออันถอยหลังไปสองก้าวแล้วพูดขึ้นทันทีว่า “อยู่ให้ห่างจากฉัน เหม็น!”
เหม็น?
คังอี้เยี่ยไม่ตอบสนองราวกับสติล่องลอย เธอแน่ใจว่าตัวเองอาบน้ำไปรอบหนึ่งด้วยความตั้งใจ ยังได้กลิ่นสเปรย์ดับกลิ่นอยู่เล็กน้อย มันหอมมากเลยนะ!
แต่เธออดไม่ได้ที่จะยกแขนขึ้นดมกลิ่น และเมื่อแน่ใจว่ามันเป็นกลิ่นสเปรย์ดับกลิ่น ถึงค่อยมองไปทางเฉินจื่ออันอีกครั้ง
“หัวหน้าเฉิน ฉันชื่นชมคุณมากเลยค่ะ หวังว่าจะมีโอกาสได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันอย่างลึกซึ้งมากขึ้นอีกนะคะ และหวังว่าคุณจะให้โอกาสฉัน!”
คำพูดเหล่านั้นล้วนไม่มีปัญหา แต่พอผสมลงโรงกับท่าทางของคังอี้เยี่ย มันทำให้มีความหมายมากกว่านั้น
เดิมทีเฉินจื่ออันตั้งใจมาแสดงตน แต่ไม่คิดว่าตนเองจะต้องมาเจอผู้หญิงแบบนี้
เขามองไปทางหญิงสาวอย่างครุ่นคิด หล่อนโง่หรืออย่างไรกันนะ ทำไมถึงทำเรื่องพวกนี้?
พอเห็นเฉินจื่ออันไม่พูดคำใด คังอี้เยี่ยก็มีจิตวิญญาณแก่กล้ามากขึ้น และรีบก้าวไปข้างหน้าทันที
“หัวหน้าเฉิน ฉันอาศัยอยู่ที่บ้านหลังเล็กทางตะวันออกของชุมชนค่ะ มีแค่ฉันคนเดียวนะ หัวหน้าเฉิน ฉันเป็นนักศึกษามาจากในเมืองเคยเรียนหนังสือด้วย เทียบกับซูหม่านซิ่วแล้ว…”
“ไปให้พ้น!” เฉินจื่ออันตะโกนลั่น
เมื่อหญิงคนนี้พูดออกมาเจตนาก็ยิ่งฉายชัด เธอเป็นตัวอะไรกันถึงได้กล้ายั่วยวนออกหน้าออกตามาเช่นนี้ คิดว่าเขาเป็นคนแบบไหนกัน?
แต่ครั้งนี้ไม่เพียงแต่คังอี้เยี่ยเท่านั้นที่หวาดกลัว แม้แต่พวกสมาชิกที่ยุ่งอยู่กับการแจกจ่ายผลไม้ก็ยังตื่นตระหนกไปด้วย
ทุกคนจ้องมองสีหน้าเย็นชาและท่าทางราวกับอยากฆ่าคนของเฉินจื่ออัน จากนั้นมองไปที่คังอี้เยี่ยผู้มีท่าทางขุ่นข้องหมองใจ
นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?
“หัวหน้าซู นักศึกษาคนนี้ของคุณเป็นอะไรเนี่ย?”
ซูฉางจิ่วรีบวิ่งไปอยู่เบื้องหน้าเฉินจื่ออัน แล้วมองคังอี้เยี่ยอย่างดุดัน ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “หัวหน้าเฉิน คนใหญ่คนโตไม่ถือสาผู้น้อยหรอกนะ สมองนักศึกษาคนนี้ใช้การไม่ค่อยได้ อย่าไปคุยกับเธอจะดีกว่านะครับ”
เฉินจื่ออันพ่นลมหายใจ สมองไม่ค่อยดีหรือ โกหกใครอยู่ล่ะ?
ผู้หญิงคนนี้มายั่วยวนเขาชัด ๆ หากคนสมองใช้การไม่ได้ จะรู้จักยั่วยวนคนอื่นได้อย่างไร?
“คนแบบนี้ต้องดูแลดี ๆ นะ เพราะปลาเน่าตัวเดียวมันจะเหม็นเอาทั้งข้อง!”
หลังจากที่เฉินจื่ออันพูดจบ เขาก็ก้าวไปด้านข้างอีกห้าหกก้าวก่อนจะยืนดี ๆ หากแต่หว่างคิ้วยังเต็มไปด้วยความรังเกียจ
“คังอี้เยี่ย มาเอาผลไม้สามสิบจินไปแล้วก็กลับไปซะ อย่ามาทำตัวให้ขายหน้าที่นี่อยู่เลย” ซูฉางจิ่วหงุดหงิดมาก
ผู้หญิงที่ไร้สมองคนนี้ เธอคิดว่าหัวหน้าเฉินเป็นชายที่ไม่เคยเห็นโลกกว้างหรือ? ถึงคิดจะทำเรื่องนี้?
“หัวหน้าซู!” คังอี้เยี่ยไม่เต็มใจจะปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอยไป
แต่ซูฉางจิ่วเป็นคนชอบธรรม แม้ว่าประโยคที่ว่า ‘หัวหน้าซู’ ของคังอี้เยี่ยจะทำให้คนรอบข้างขนลุก แต่ซูฉางจิ่วก็ยังตำหนิคังอี้เยี่ยด้วยใบหน้าเย็นชา และบอกให้เธอกลับไปทันที
คังอี้เยี่ยรู้ว่าจะไม่กลับก็ไม่ได้ แม้ว่าจะไม่เต็มใจ หากแต่ก็ไม่มีทางเลือก
“หัวหน้า แต่ฉันแบกผลไม้หนักขนาดนี้ไปไม่ไหว!”
“แบกไม่ได้ก็ไม่ต้องแบก มีคนกำลังรอกินผลไม้ของเธออีกเยอะ!” ซูฉางจิ่วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ผู้หญิงคนนี้เริ่มไร้ยางอายมากขึ้นเรื่อย ๆ! ซูฉางจิ่วเป็นคนอย่างไรหรือ? ถึงจะได้ปล่อยให้เธอมาโดดโลดเล่นบนฝ่ามือ?
คังอี้เยี่ยสะอึกเพราะคำพูดนั้นอยู่นานจนไม่ได้พูดอะไร สีหน้าไม่พอใจมาก
นักบัญชีหลี่มองไปยังคังอี้เยี่ยที่เหมือนจะร้องไห้ออกมา แล้วรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง
ถึงหญิงสาวจะทำเรื่องไม่ดีมาก่อน แต่เธอก็ยังเป็นผู้หญิง จะคนสองคนแต่ก็มากเกินไปแล้ว
“นักศึกษาคัง เดี๋ยวผมช่วยแบกกลับไปให้เอง! ผู้หญิงตัวคนเดียว และเป็นผู้มีการศึกษาจากในเมืองย่อมไม่มีแรงอยู่แล้ว พวกคุณอย่าเอาแต่มองผมเลย การช่วยเหลือสหายเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนควรทำนะ”
ถ้อยคำของนักบัญชีหลี่ล้วนน่าฟัง หากแต่ซูเถาฮวาเกือบบีบตะกร้าในมือจนแบน
ไอ้สามีสมควรตายคนนี้ ถูกวิญญาณผู้ชายคนนี้ขโมยหัวใจไปแล้วใช่ไหม?
ใบหน้าของเธอมืดลงเรื่อย ๆ แต่นักบัญชีหลี่กลับมองไม่เห็นเลย
ตอนนี้เขากำลังยุ่งอยู่กับการแสดงไมตรีจิตกับคังอี้เยี่ย จึงไม่มีเวลาดูสีหน้าภรรยาเลย
“นักบัญชีหลี่ต้องรบกวนคุณแล้วค่ะ คุณยังรู้จักเป็นห่วงสหายด้วย ฉันเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวมันไม่ง่ายจริง ๆ ขอบคุณคุณมากจริง ๆ ค่ะ!”
คังอี้เยี่ยกล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า จงใจใช้น้ำเสียงที่ทำให้คนตกหลุมพราง
นักบัญชีหลี่แทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ จนเกือบจะกอดคังอี้เยี่ยเพื่อปลอบโยนในที่สาธารณะ
โชคดีที่เหตุผลที่เหลืออยู่บอกเขาว่าตอนนี้ยังไม่ต้องทำอะไร
ซูเถาฮวามองนักบัญชีหลี่ที่เดินไปทางบ้านของคังอี้เยี่ยพร้อมกับตะกร้าลูกแพร์บนหลัง สุดท้ายก็หลับตาลง
คนในชุมชนต่างมองไปทางซูเถาฮวา