บทที่ 150 ยืดกรงเล็บออกมาแล้วสับลงไปเลย
พริบตาเดียวก็ผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว
หลี่ฉางชิ่งส่งลูกไก่มาทั้งหมดหนึ่งพันสามร้อยตัวตามที่ตกลง
รวมกับของเดิมสองร้อย เลยทำให้มีไก่ทั้งหมดหนึ่งพันห้าร้อยตัวในฟาร์มไก่ของชุมชนการผลิตหงซิน
เพราะมีหวังเซียงฮวาที่ลงแรงลงใจดู จากหนึ่งพันห้าร้อยตัว มีเสียหายแค่สามสิบตัวเท่านั้น
แต่หัวหน้าซูฉางจิ่วรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
นี่เป็นสัญญาณที่ดีเลยนะ ฟาร์มไก่ของพวกเราจะต้องประสบความสำเร็จแน่นอน
ข่าวนี้แพร่สะพัดไปถึงชุมชนใหญ่อย่างรวดเร็ว
ผู้ดูแลอู๋สนใจลูกไก่พวกนี้
หลังจากขบคิดก็ตัดสินใจไปหาผู้ดูแลเฉียนเพื่อปรึกษาเรื่องนี้
“ผู้ดูแล ช่วงนี้ความคิดพวกหงซินมันมีปัญหามากขึ้นเรื่อย ๆ เลย!” ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามผู้ดูแลเฉียน แล้วแสดงท่าทีชอบธรรม
“โอ้ ทำไมถึงมีปัญหาล่ะ”
ตอนนี้ชมุชนหงซินเริ่มเป็นดาวดวงใหม่แล้ว และมันมีปัญหาตรงไหน?
“ทำฟาร์มไก่ก็ดีนะ แต่ขนาดมันใหญ่มาก ไม่ถือว่าเป็นพวกทุนนิยมหรอกหรือ?” ผู้ดูแลอู๋พูดตามบทที่คิดไว้ตั้งนานแล้วและคิดไว้ดีแล้วออกมา
รอยยิ้มบนใบหน้าผู้ดูแลเฉียนเลือนหายไปทันที
“พูดอะไรเนี่ย? ฟาร์มไก่นั่นเป็นสมบัติส่วนรวมนะ!”
ตอนนั้นเองที่ผู้ดูแลอู๋จำได้ว่าฟาร์มไก่ไม่ได้เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของส่วนรวม และได้มีการรายงานมายังชุมชนใหญ่แล้ว
“ผู้ดูแล ผมพูดผิดเอง ผมแค่กังวลว่าหลังจากที่มีฟาร์มไก่แล้ว จะมีคนคิดถอนขนแกะ*[1] น่ะครับ”
“คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอกนะ เรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น เราคาดการณ์ไม่ได้หรอก!”
ผู้ดูแลเฉียนสนับสนุนชุมชนการผลิตหงซินให้ทำบางสิ่งอยู่ ดังนั้นที่พูดไปก็คือปกป้องเช่นกัน
ผู้ดูแลอู๋คนนี้เป็นเหมือนไม้กวนอึ*[2] แค่ใครมีอะไรก็จะหาทางมีให้ได้ด้วย
เมื่อไรคนคนนี้ถึงจะไปทำร้ายคนอื่นบ้างนะ
“ผู้ดูแล ผมยังรู้สึกว่าพวกหงซินบ้าบิ่นเกินไป พวกเขาเพิ่งจะมีกันกี่คนเอง ทำไมถึงเลี้ยงไก่ได้ตั้งมากขนาดนั้น”
ผู้ดูแลเฉียนหรี่ตา “ถ้าอย่างนั้นคุณลองพูดหน่อยสิว่าควรทำอย่างไร?”
“ให้หัวหน้าอู๋ของชุมชนการผลิตตงเฟิงมาหาผมสิ และยินดีจะช่วยชุมชนหงซินแบ่งเบาภาระและช่วยเลี้ยงไก่เอง!”
ผู้ดูแลเฉียนร้องเหอะ ผู้ดูแลอู๋คนนี้คิดจะมาฉกไก่ของหงซินจริงด้วย
“ไก่พวกนั้นไม่ใช่ของทางชุมชนใหญ่ ถ้าอยากได้ก็ไปที่หงซินเอง”
ผู้ดูแลเฉียนมองคนตรงหน้าอย่างล้ำลึก แล้วเอ่ยออกไป
ไก่พวกนี้มาได้อย่างไรเขาไม่รู้ แต่จะต้องเกี่ยวอะไรกับหัวหน้าเฉินแน่
ตอนนี้หงซินมีคนเบื้องบนคอยดูแลอยู่ ต่อให้เป็นเขา ก็คือถ้าพวกผู้นำของอำเภอสร้างความวุ่นวายก็ต้องชั่งน้ำหนักกันบ้างล่ะ
เขาเสียสติไปแล้วที่ทำให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น!
ผู้ดูแลอู๋ไม่ได้คิดมาก รู้แค่ว่าหงซินมีไก่พันห้าร้อยตัว และปีหน้ามันจะผลิตไข่ได้
แล้วถ้าเอาไข่ครึ่งหนึ่งกลับมาได้ ประโยชน์หลังจากนี้จะต้อนล้นหลามแน่ เหนือสิ่งอื่นใดคือมีไข่ไก่กับเงินมากไม่รู้จบ!
แต่ให้ไปชุมชนการผลิตหงซินเองเนี่ยสิ…
“ผู้ดูแล ทางตงเฟิงเองก็คิดแบบเดียวกับหงซินเหมือนกัน ปีนึงพวกเขาเพิ่งจะมีธัญพืชเท่าไรเอง จะทำอาหารไก่ทั้งหมดเชียวหรือ?” ผู้ดูแลอู๋เกลี้ยกล่อมด้วยท่าทางจริงจัง
ผู้ดูแลเฉียนก้มหน้าขีดเขียนในสมุดบันทึกต่อไป ทั้งยังพูดไปด้วย “ตราบใดที่หงซินจ่ายปันส่วนเพียงพอ ธัญพืชที่เหลือจะกินเองหรือให้ไก่ฉันไม่สนหรอก”
ตราบใดที่มีความสามารถ จะเลี้ยงไก่พันห้าหรือหมื่นห้าเขาก็ไม่สนหรอกนะ
เขาคิดว่าที่หงซินกล้าใช้เงินขนาดนี้จะต้องมีแผนอื่นแน่ คงไม่ได้เอาธัญพืชทั้งหมดมาเลี้ยงไก่หรอกกระมั้ง
แต่ว่าผู้ดูแลอู๋มันโง่เง่า มองไม่เห็นเอง เพราะแค่คิดเรื่องของตัวเองไงล่ะ
ผู้ดูแลอู๋ไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ดูแลเฉียนก็จริง แต่เขายังไม่ยอมแพ้ จึงมุ่งความสนใจไปทางซูฉางจิ่วแทน
ซูฉางจิ่วก็เป็นคนดื้อรั้นด้วย แค่ผู้ดูแลอู๋เอ่ยปากก็เข้าใจทันที
มันคือแผนที่เขามาที่นี่ อุตส่าห์ทำงานอย่างลำบากตรากตำเพื่อสร้างโรงงาน ไม่ใช่เพื่อมาขุนคนอื่นให้อ้วน
“ผู้ดูแลอู๋เอ๋ย ท่านนึกถึงชุมชนหงซินเราแบบนี้ ผมในฐานะตัวแทนของทุกคนขอขอบคุณท่านมากครับ!” ซูฉางจิ่วยิ้มกว้างราวกับพระสังกัจจายน์
ชั่ววูบหนึ่งที่ผู้ดูแลอู๋รู้สึกว่าเรื่องนี้จะต้องสำเร็จ แต่หลังจากนั้นคำพูดของชายตรงหน้ากลับทำให้ใจของเขาเย็นลง
“แต่ท่านคงไม่รู้ว่าลูกไก่พวกนี้ล้วนได้รับความไว้วางใจจากโรงงานขนมไข่ของอำเภอ ผมไม่สามารถตัดสินได้ครับ”
“มีไก่ตั้งพันกว่าตัว แต่จัดการอะไรไม่ได้เลยหรือ?” ผู้ดูแลอู๋ไม่ยอมแพ้
“อันที่จริงก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าเป็นไก่ของชุมชนใหญ่สองร้อยตัวเป็นไงครับ?” ซูฉางจิ่วตอบด้วยรอยยิ้ม
ผู้ดูแลอู๋อยากได้ไก่เจ็ดแปดร้อยตัว แค่สองร้อยตัวมันหมายความว่าอย่างไร?
เพราะโลภอยากกินอาหารที่มีเนื้อไก่โดยไม่ต้องฆ่าพวกมัน
“หัวหน้าซู คุณเป็นเจ้าหน้าที่ของพรรคเรา ต้องมีสติสิ! จะคิดถึงแต่ตัวเองไม่ได้นะ ต้องเรียนรู้จากชุมชนการผลิตตงเฟิง!”
“ผู้ดูแลอู๋ ผมรู้สึกว่าผมรู้แจ้งแล้ว ก็คือไม่เห็นด้วยที่ให้ตงเฟิงแค่สองร้อยตัวใช่ไหมครับ?” ซูฉางจิ่วพูดเบา ๆ “เรื่องอื่น ๆ ผมก็ช่วยไม่ได้นะ เพราะอย่างไรก็ไม่ใช่ของของพวกเราเสียหน่อย!”
ผู้ดูแลอู๋หักล้างคำพูดนี้ไม่ได้จริง ๆ
คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าเหมือนจะทำไม่ได้ งั้นเอามาก่อนสองร้อยก็แล้วกัน!
“ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นผมจะบอกให้คนจากตงเฟิงไปรับลูกไก่แล้วกัน”
“ได้ครับผู้ดูแลอู๋ ผมจะไปที่ชุมชนตอนนี้เลย และรายงานเรื่องนี้กับผู้ดูแลเฉียนครับ”
“ทำไมต้องรายงานผู้ดูแลเฉียน?” เขามองซูฉางจิ่วด้วยความประหลาดใจ
“ตายล่ะ ผู้ดูแลอู๋ ตอนที่ผมได้ไก่มาครั้งแรก ผมสัญญากับเขาว่าจะส่งไข่ไก่ให้ทางชุมชนใหญ่ด้วยครับ”
“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้แล้ว มันจะใหญ่สำหรับฉันแค่ไหนกันเชียว ไก่คุณยังมีไม่มากพอหรือ? แล้วส่งไข่ไก่มันลำบากอะไร?”
ผู้ดูแลอู๋ไม่สนใจเรื่องนี้ เขาแค่วางแผนที่จะจุ่มนิ้วในน้ำเกลือ*[3] และไม่คิดจะส่งไข่ให้ชุมชนใหญ่ด้วย
อย่างไรหงซินก็มีไก่อีกตั้งพันตัว เรื่องส่งไข่ก็ให้พวกหงซินมันทำไปสิ
“ผู้ดูแลอู๋ ท่านไม่ได้เป็นคนดูแลบ้าน ไม่รู้หรอกว่าข้าวของมันแพงขนาดไหน*[4] ไม่เลี้ยงไก่ก็ไม่รู้หรอกว่ามีไข่กี่ฟองนะครับ!”
ผู้ดูแลอู๋พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมทันที “สหายซู ฉันต้องวิจารณ์คุณสักหน่อยแล้วนะ! ในฐานะเจ้าหน้าที่ของพรรคคอมมิวนิสต์เรา จะสนใจเรื่องเล็กเรื่องน้อยไปทำไม?”
“ผู้ดูแลอู๋จะพูดแบบนี้ไม่ได้นะ ในฐานะสมาชิกของพรรคต้องพูดความจริง พูดโกหกไม่ได้! ผู้นำท่านพูดไว้แล้วไงครับว่า แสวงหาความเป็นจริงจากข้อเท็จจริง!”
พวกผู้นำทั้งหมดย้ายออกไปแล้ว และผู้ดูแลอู๋จะพูดอะไรได้อีก เขาโกรธมาก
“ถ้าส่งไก่พวกนี้ให้ตงเฟิง ไข่ก็ต้องมาจากตงเฟิงด้วยสิครับ ถ้าไม่รายงานผู้ดูแลเฉียนแล้วจะทำอย่างไรล่ะครับ? ถ้าเขามาหาผม แล้วผมต้องไปหาใครล่ะ?”
ซูฉางจิ่วเย้ยหยันอยู่ในใจ แต่บนใบหน้ามีรอยยิ้มราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิ
พวกตงเฟิงมันประเภทเจ้าวัดไม่ดี หลวงชีสกปรก*[5] น่ะ
ทุกคนคิดแต่จะใช้ประโยชน์ทั้งนั้น แล้วผลประโยชน์ของซูฉางจิ่วก็ดีมากใช่ไหมล่ะ?
ยืดกรงเล็บออกมาแล้วสับลงไปเลย!
“ถึงจะพูดไม่น่าฟังไปเสียหน่อย แต่ลูกไก่มีโอกาสเสียหายได้สูงมากครับ ถ้าตงเฟิงไม่รู้วิธีเลี้ยงแล้วเกิดเสียหายขึ้นมา ทั้งยังไม่ยอมรับ ผมก็ไม่สามารถออกไข่ไปให้ผู้ดูแลเฉียนได้นะครับ?”
ที่อีกฝ่ายพูดมันน่าโมโหเสียจริง แต่ผู้ดูแลอู๋ตอบกลับไม่ได้เลย
ยังไม่ทันจะเอาไป ซูฉางจิ่วก็แช่งแล้วว่าไก่จะเสียหาย แย่เหลือเกิน
ทว่าอีกฝ่ายก็ถามด้วยความเคารพอีกครั้ง “ผู้ดูแลอู๋ ท่านว่าที่ผมพูดถูกต้องไหมครับ?”
ผู้ดูแลอู๋ “…”
ไอ้เวรนี่!
ผู้ดูแลอู๋ออกไปด้วยความโกรธ
ซูฉางจิ่วฮัมเพลงตามโน้ตเพื่อเดินไปดูลูกไก่ที่น่ารักพวกนั้น
*[1] แอบเอาของส่วนรวมมาเป็นของส่วนตัว
*[2] ตัวป่วน
*[3] ไม่คิดทำอะไรเลย รอรับแค่ผลประโยชน์
*[4] ไม่รู้ว่าชีวิตมันยากลำบากกว่าที่คิดจนกว่าจะลงมือทำ
*[5] เจ้านายมีนิสัยหรือพฤติกรรมเป็นอย่างไร ลูกน้องก็เป็นย่างนั้น