บทที่ 263 ตระกูลคังไม่ใช่คนแล้ว
บทที่ 263 ตระกูลคังไม่ใช่คนแล้ว
“หัวหน้าคัง คุณอย่ามาพูดจ้ออยู่นี่เลย เรื่องของโลกใบนี้คุณหลีกหนีเหตุผลไปไม่ได้หรอก ถ้าอยากได้งานก็ฝังศพครอบครัวน้องเขยผมซะ ถ้าไม่อยากได้ก็ไม่ต้องพูดมาก พวกเรามีวิธีของเราเอง!”
ซูเหล่าต้าเข้าใจความหมายลูกชาย จึงรีบพูดเพื่อพยายามช่วยเขาเกลี้ยกล่อม
และเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
ถึงคังเหรินเต๋อจะไม่ใช่คนดีอะไรแต่ก็มีงานทำ ตอนเกิดมีคนคอยจัดการ ตอนตายก็ต้องมีคนฝังสิ
คนตระกูลคัง เหตุใดถึงไม่รู้จักรักษากฎระเบียบเอาเสียเลย
เรื่องนี้พวกเขาคงรู้แน่ ๆ แล้วยังคิดจะเอาเงินบ้านเราไปอีก
เจอคนมาตั้งเยอะ แต่ไม่เคยเจอครอบครัวไหนที่ไร้เหตุผลแบบนี้มาก่อนเลย ไร้ยางอายเหลือเกิน!
“ที่พูดมันก็ถูก หรือว่างานนี้มันเขียนชื่อเป็นเจ้าของได้ล่ะ?” คังเหรินเสียนพูดด้วยความโมโห
ซูเหล่าต้าร้องเหอะ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
อีกฝ่ายไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรจึงรีบพูดขึ้น “หรือว่าพวกคุณสนใจงานของคังเหล่าซานล่ะ?”
ว่าจบ คังเหรินเสียนก็ยิ่งคิดว่าที่ตนเองพูดอาจจะเป็นความจริง
ถ้าคนบ้านหลักตระกูลซูเป็นคนดีจริงก็คงจะอาเจียนออกมาเป็นเลือดให้กับพฤติกรรมไร้ยางอายของตระกูลคังแล้ว
ใบหน้าของคุณปู่ซูถมึงทึง
“บ้านเราไม่ได้ไร้ยางอายแบบนั้น!”
เสี่ยวเถียนขยับเข้าไปใกล้คุณปู่แล้วคอยพยุงร่างอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะปลอบเบา ๆ “คุณปู่ อย่าเศร้าเลยนะคะ อย่าให้พวกเขามาทำให้โกรธเลย เถียนเถียนกลัว!”
อย่างที่คิด คุณปู่ซูสงบลงมากเพราะเสียงพึมพำของหลานสาวตัวน้อย และพูดอย่างเหนื่อยอ่อน “เหล่าต้า เรื่องนี้ฝากแกจัดการด้วย สุขภาพแม่แกไม่ดี ฉันจะพากลับก่อน…”
ได้เห็นหน้าลูกสาวเป็นครั้งสุดท้าย แต่เขากลับคิดว่าไม่มาเจอคงจะดีกว่า
มีแต่เรื่องให้สลดใจทั้งนั้น!
ตระกูลคังไม่ใช่คนแล้ว!
“พวกคุณจะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้นะ…” คังเหรินเสียนรีบหยุดไว้ แล้วขยิบตาให้คังจ้าว
คังจ้าวรีบไปรั้งไม่ให้คุณปู่ซูออกไป
ล้อกันเล่นแล้ว เงินยังไม่ได้เลย จะปล่อยให้กลับไปอย่างนี้ไปอย่างไรเล่า
ถึงคันเหรินเต๋อจะยังมีเงินค่าทำศพ แต่ครอบครัวใหญ่ขนาดนี้ แค่โลงศพยังใช้เงินไม่น้อยเลย
คุณปู่ซูมองไปที่พวกบ้านคังด้วยความโกรธ และขณะที่กำลังจะทะเลาะด้วย จู่ ๆ คุณย่าซูก็ฟื้นได้สติขึ้นมา
เธอมองดูซากศพที่นอนอยู่บนพื้น หัวใจของเธอยังมีความเป็นแม่อยู่
เธอก้าวเดินช้า ๆ ที่ละก้าวไปยังทิศทางที่สงสัยว่าน่าจะเป็นซูหม่านเซียง เนื่องจากโดนเผาจนมอดไหม้จึงทำให้มองไม่ออกว่าใครเป็นใคร และทำได้แค่คาดเดาเท่านั้น
แต่เหตุผลที่คุณย่าซูรู้ว่าเป็นลูกสาวของตน เพราะเป็นสภาพศพที่ดูแข็งแรงไม่ผอมแห้ง
“เซียงเอ๋อร์เอ้ย ทำไมลูกทิ้งแม่ไว้แบบนี้ล่ะ?”
คุณย่าซูยอบกายลงข้าง ๆ ร่างของหญิงสาวที่ไม่สามารถมองเห็นเค้าเดิมได้แล้ว ก่อนจะร้องไห้ออกมา
“แม่คะ อย่าทำแบบนี้เลย เซียงเอ๋อร์จากไปแล้ว อย่าทำให้เธอไม่สบายใจเลยนะคะ” ซูหม่านซิ่วเกลี้ยกล่อมทั้งน้ำตา
ในฐานะลูกสาว เธอควรจะปลอบแม่จึงจะเป็นการดีที่สุด
เหลียงซิ่วทนมองใบหน้าอันน่ากลัวนั้นไม่ไหว จึงได้แต่เบือนหน้าไปอีกทาง
ทว่าในตอนนั้นเธอก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ห่างออกไปไม่ไกลมีคนสองคนนอนกอดกัน ดูจากรูปร่างแล้วน่าจะเป็นผู้ชายกับผู้หญิง
เธอสงสัยว่าอาจจะเป็นผู้อาวุโสบ้านคังทั้งสองหรือเปล่า แต่เมื่อมองดูดี ๆ แล้วกลับไม่ใช่
ท้องของผู้หญิงคนนั้นดูนูนขึ้นเล็กน้อย และดูเหมือนกำลังตั้งครรภ์
ครอบครัวคังเหรินเต๋อมีใครบ้างทุกคนรู้ชัด แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใคร?
เหลียงซิ่วคำนวณในใจ มีเพิ่มอีกคน ใช่ มีเพิ่มอีกคน!
นี่มันอะไรเนี่ย?
เหลียงซิ่วพรวดพราดลุกขึ้น
เธอเดินไปตรงหน้าศพที่นอนกอดกัน แล้วจ้องเขม็ง ลืมแม้กระทั่งความหวาดกลัว
พอซูเหล่าซานเห็นภรรยาเดินไปตรงนั้นก็รีบสาวเท้าตามขึ้นไปทันที
“เกิดอะไรขึ้น?” ซูเหล่าซานถาม
“สองคนนี้มันยังไงน่ะ?” เหลียงซิ่วไม่กล้าคิดเลย
“นี่คือคังเหรินเต๋อหรือ?”
เหล่าซานเหลือบมองแล้วพยายามระงับความโกรธในใจ ก่อนจะเอ่ยถาม
เขามองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาเย็นเฉียบ สายตาเย็นเยือกนั้นทำให้คนบ้านคังหวาดกลัว
ไม่ใช่แค่บ้านคังเท่านั้น หากแต่คนที่อยู่รอบ ๆ ก็รู้สึกมึนงง
ในไม่ช้า ไม่รอให้บ้านคังได้เอ่ยปาก ก็มีคนบ้านคังที่ดูคุ้นตาเอ่ยขึ้น
“มีเพิ่มอีกคน!”
“หรือว่าแม่ม่ายคนนั้นจะอยู่บ้านคัง?”
“ใครจะรู้ล่ะ คังเหรินเต๋อไม่ปิดบังสักนิด”
“นี่ น่าจะ… น่าจะใช่นะ!”
ตอนที่คังเหรินเสียนตอบ น้ำเสียงผิดแผกไปเล็กน้อย
แน่นอน เขารู้ว่านี่คือคังเหรินเต๋อ
แล้วก็รู้ด้วยว่าแม่ม่ายท้องแก่ที่เสียชีวิตในอ้อมกอดของคังเหรินเต๋อคือคนที่อีกฝ่ายคบหาด้วย
แม่ม่ายคนนี้ยังอยู่ข้างนอก แต่พอวันส่งท้ายปีเก่าก็ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของคังเหรินเต๋อ
แต่พวกเขาไม่ได้บอกว่านี่คือแม่ม่ายที่คังเหรินเต๋อไปติดพัน แต่บอกว่าเป็นหลานสาวห่าง ๆ ของฝั่งแม่แทน สมาชิกในบ้านตายหมดแล้ว เลยมาอาศัยที่บ้านญาติแทน
มีบางอย่างที่คนบ้านซูไม่เข้าใจ
“ดีเหลือเกินไอ้พวกบ้านคัง นี่คิดจะรังแกคนให้ตายกันหมดหรือไง?”
เหล่าซานไม่ใช่คนขี้โมโห แต่ตอนนี้ความคุกรุ่นมันโหมกระหนำขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่ต้องพูดถึงซูเหล่าเอ้อร์ที่มีนิสัยหัวรุนแรงเลย ดวงตาของเขาแดงฉาน และจ้องมองคังเหรินเสียนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“คังเหรินเต๋อ ไอ้คนสารเลว!” ซูเหล่าเอ้อร์สบถ เขาพุ่งเข้าไปที่ศพทั้งที่ยังไม่เข้าใจ
เดิมทีคุณย่าซูคิดจะคุยกับลูกสาวอีก แต่ใครจะรู้เล่าว่ากลับต้องเจอเหตุการณ์เช่นนี้
เธอมองหม่านซิ่ว แล้วก็มองไปศพที่นอนกอดกัน ฉับพลันก็รู้สึกปวดใจมาก!
แม้แต่คนเป็นแม่อยากเธอก็ยังปวดใจ อีกอย่างก่อนที่หม่านเซียงจะตายจะต้องเห็นฉากนี้แน่ ๆ
“ลูกสาวที่น่าสงสารของฉัน…” ในที่สุดคุณย่าซูก็กลั้นเสียงสะอื้นในใจเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
“แม่ อย่าร้องไห้เลยนะ ถ้าเซียงเอ๋อร์เห็นจะไม่สบายใจเอา!” หม่านซิ่วพยุงมารดา น้ำร้อนอุ่นใสเอ่อคลอเบ้าตา
ภาพตรงหน้าทำให้เธอนึกถึงอดีตของตัวเอง
ไอ้หมาหวังก็เคยปกป้องหญิงอื่นแบบนี้
ทำไมสองพี่น้องถึงน่าสังเวชใจแบบนี้ ทำไมต้องเจอสามีที่ไม่ต่างไปจากสัตว์เดรัจฉานด้วย?
เธอยังมีโอกาสได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง แต่ทำไมหม่านเซียงถึงจากไปแบบนี้?
คุณย่าซูร้องไห้อยู่สักพัก ความโกรธและความคับแค้นใจระบายออกเกือบหมด จากนั้นเธอก็เช็ดน้ำตา