บทที่ 345 หาเรื่องใส่ตัว (1)
บทที่ 345 หาเรื่องใส่ตัว (1)
หลังจากออกจากห้องสอบ เสี่ยวเถียนกลับไปยังศาลาหลังเดิมแล้วเริ่มอ่านหนังสือ ‘ความวิจิตรบรรจงของคนบนเขา’ ต่ออีกครั้ง
ถึงแรกเริ่มมันออกจะน่าเบื่อไปหน่อย แต่พออ่านไปสักพักกลับพบว่ามันน่าสนใจมากขึ้นกว่าเดิม
หลัก ๆ แล้วเป็นเพราะมันไม่ได้บันทึกเพียงสูตรอาหารเท่านั้น แต่ยังเขียนถึงลักษณะและการเจริญเติบโตของพวกวัตถุดิบ
ถ้าจะให้แยกอย่างจริงจัง เรียกว่าเป็นหนังสือทางการเกษตรเลยก็ว่าได้
แต่เดินออกไปไม่ทันถึงสิบเมตร เธอก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากภายในห้องสอบ
เสี่ยวเถียนหันไปมองตามเสียงโดยไม่รู้ตัว
เธอเห็นครูผู้หญิงเดินออกมาพร้อมกับเด็กหญิงคนหนึ่ง
คนคนนั้นจะเป็นใครไปได้อีกถ้าไม่ใช่เสี่ยวหรุ่ยน่ะ?
เธอเห็นอีกฝ่ายเดินกุมท้องร้องโอดโอย ทั้งยังวิ่งไปทางห้องน้ำด้วยความเร็วปานสายฟ้า
รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของเสี่ยวเถียนทันที ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายน่าจะปวดท้อง
วันนี้ตอนกลางวันพวกเราก็กินข้าวร้านเดียวกัน แต่จำได้ว่านอกจากการกินข้าวแล้ว เพื่อนร่วมชั้นคนนี้ยังกินไอศกรีมเพิ่มอีกหนึ่งถ้วยด้วย
หรือจะเป็นเพราะไอศกรีมที่อีกฝ่ายกินเข้าไปนะ?
เธอไม่ได้สนใจเสี่ยวหรุ่ยมากนัก แล้วเดินทอดน่องไปยังศาลาหลังน้อยก่อนเริ่มอ่านหนังสือด้วยความสบายใจ
ในตอนที่เสี่ยวเถียนกำลังอ่านหนังสือ เธอหมกมุ่นอยู่กับมันมากจนลืมทุกสิ่งรอบตัวไปหมด
ถึงซูเสี่ยวเถียนจะลืม แต่เสียวหรุ่ยไม่ลืมอย่างแน่นอน ตอนเธอเริ่มปวดท้อง เสี่ยวเถียนเพิ่งออกจากห้องสอบ
อีกสองชั่วโมงต่อมา เสี่ยวเถียนก็ยังคงจดจ่อไปกับการอ่านหนังสือ และทุกครั้งที่เสี่ยวหรุ่ยเห็นขณะวิ่งไปเข้าห้องน้ำ เธอก็ได้แต่กัดฟันด้วยความคับแค้นใจ
เธอลืมไปเสียสนิทว่าตัวเองเป็นคนร้องอยากกินไอศกรีมเอง และเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเสี่ยวเถียนเลยด้วยซ้ำ
ระยะเวลาสองชั่วโมง เสี่ยวเถียนอ่านเนื้อหาไปแล้วหนึ่งในสามส่วน
ตอนเก็บหนังสือคืนระบบ เธอก็หลับตาลงพักสมองเพื่อทบทวนสิ่งที่อ่านในวันนี้
ตอนนี้เธอมีทักษะสองอย่างคือ ‘ทบทวนความรู้และเรียนรู้สิ่งใหม่’ กับ ‘รู้จักพลิกแพลง’ และในตอนนี้มันกำลังแสดงให้เห็นอย่างเต็มที่ว่าทักษะนี้ทรงพลังแค่ไหน
หลังจากกลับไปทบทวนอย่างสั้น ๆ เนื้อหาที่เคยอ่านและยังไม่ค่อยเข้าใจ ตอนนี้กลับเข้าใจได้แจ่มแจ้งมากยิ่งขึ้น
พอรู้สึกว่าตนเองเข้าใจทุกอย่าง ซูเสี่ยวเถียนก็ลืมตาขึ้นและลุกขึ้นจากพื้น
เป็นตอนนั้นเองที่เธอได้ยินเสียงออดดังขึ้น
ถึงเวลาสอบรอบต่อไปแล้ว
เพื่อหลีกเลี่ยงจะเจอผู้หญิงบ้า ๆ คนนั้น เสี่ยวเถียนรีบจ้ำอ้าวไปทางประตูโรงเรียน
ถึงออดจะดัง แต่ใครหลายคนยังไม่ออกจากห้องสอบเลย
ตอนที่ยืนอยู่ตรงประตูโรงเรียน ชายชราที่เฝ้าประตูก็เดินมาเปิดประตูให้
ตอนที่ชายชราเปิดประตู เขายังคุยกับเสี่ยวเถียนอย่างกระตือรือร้น
“สาวน้อย ทำไมออกมาเร็วจังเลยล่ะ?”
“คุณลุงสวัสดีค่ะ หนูทำเสร็จแล้วก็เลยออกมาค่ะ จะได้ไม่ต้องไปเบียดกับคนอื่น”
ชายชราไม่คิดว่าเสี่ยวเถียนจะตอบแบบนี้
“ยังต้องตรวจทานอีกนะ โรงเรียนเราไม่ได้สอบง่าย ๆ นา!” เขาพูดอย่างจริงจัง
แต่หลังจากนั้นเขาก็คิดบางอย่างได้ ก่อนจะพึมพำ “ฉันกำลังพูดอะไรอยู่เนี่ย? สอบเสร็จแล้ว มันไม่มีประโยชน์แล้วนะ!”
ว่าจบก็ส่ายหัว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเสียใจที่ปิดไว้ไม่มิด
ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เขาคิดว่าเด็กคนนี้ใจร้อนเกินไป ช่วงเวลาแบบนี้ ทุกวินาทีมีค่ามาก
หลังจากกล่าวขอบคุณ เธอก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อตอนเที่ยงพวกเรานัดกันเอาไว้เรียบร้อยแล้ว และเสิ่นจื่อเจินก็ยังรออยู่ที่เดิม เสี่ยวเถียนกำลังจะก้าวไปหาอีกฝ่าย แต่พอคิดดูอีกทีก็หมุนตัวเปลี่ยนไปทิศทางอื่น
เธอเหมือนจะมั่นใจแล้วว่าอาการปวดท้องของเสี่ยวหรุ่ยเกิดจากการกินไอศกรีมเมื่อตอนกลางวัน
ตอนนี้ต่อให้สอบเสร็จก็ไม่ต้องทนทุกข์เพราะความตะกละของตัวเองอีกแล้ว
เธอจะออกไปข้างนอกเพื่อไปดูร้านไอศกรีม
ตอนกลางวันลุงเขยสัญญาว่าจะซื้อไอศกรีมให้พวกเขา แต่เพราะอาการปวดท้องของเสี่ยวหรุ่ย ทำให้เสี่ยวเถียนไม่สามารถรับประกันคุณภาพของไอศกรีมได้
เธอตัดสินใจแลกแต้มกับไอศกรีมจากระบบร้านค้า
ในร้านค้ามีแต่ของคุณภาพสูง!
เรื่องนี้เธอมั่นใจมาก
เสี่ยวเถียนเดินมาถึงประตูร้านไอศกรีมด้วยความรวดเร็ว
ในฤดูนี้ ต่อให้พระอาทิตย์เอียงไปทางทิศตะวันตกหน่อย แต่อากาศก็ยังร้อนอบอ้าวอยู่ดี
ภายในร้านมีลูกค้าอยู่สองสามคน เสี่ยวเถียนลอบสังเกตอยู่สักพักหนึ่ง มองจากเสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นคนรวย
ในยุคนี้ พวกขนมอย่างไอศกรีมถือว่าหรูหรามาก และไม่ใช่ของที่คนธรรมดาจะซื้อได้
เธอยืนสังเกต จากนั้นก็มองไอศกรีมในระบบร้านค้าแล้วเลือกออกมาในที่สุด
ไอศกรีมในระบบเหมือนกับไอศกรีมราคาแพงที่สุดในร้านขายไอศกรีมทุกประการ
แค่ว่าของในระบบมันจะดีกว่านิดหน่อย ถ้าไม่เอามาเปรียบเทียบกันก็ไม่รู้หรอก
หลังจากยืนยันชนิดของมัน เสี่ยวเถียนก็หมุนตัวจากไปแล้วซ่อนตัวอยู่ในตรอกข้าง ๆ
เธอมองไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครสนใจ จากนั้นก็เปิดจอขึ้นเพื่อแลกแต้มกับไอศกรีมออกมา
เธอสั่งไอศกรีมเจ็ดแท่งที่เลือกไว้แล้วเอาออกมารวดเดียว
ส่วนไอ้เรื่องจะเดินถือไอศกรีมไปอย่างไร เธอไม่ได้คิดอะไรเยอะ
พอแลกเสร็จ กล่องสีขาวก็ปรากฏขึ้นในมือ มันคล้ายกับกล่องที่ขายในตลาดเลย แค่เป็นกล่องไม้ที่มีขนาดเล็กกว่า
มันกล่องเก็บความเย็นธรรมดา ๆ ในยุคนี้นั่นแหละ ข้างในกล่องจะปูด้วยผ้าหนึ่งชั้นเอาไว้ ทำให้อยู่ได้ทั้งวันโดยไม่ละลาย
เสี่ยวเถียนยิ้มอย่างพอใจมาก บริการของระบบมีถึงขนาดนี้เลยหรือเนี่ย
ควรค่าแก่การยกย่องมาก!
แอนนาคงได้ยินเสียงของเสี่ยวเถียน เลยตอบกลับอย่างรวดเร็ว [การที่โฮสต์พึงพอใจในการบริการของทางระบบ เป็นสิ่งที่แอนนาปรารถนามากที่สุดค่ะ!]
เสี่ยวเถียนพูดไม่ออก แอนนายังพูดได้อยู่หรือ!
“จ้ะ เธอกลับไปพักเถอะ ฉันจะไปหาพวกพี่ ๆ แล้ว!”
[แอนนาขอเตือนโฮสต์ไว้อย่างนึงว่า โฮสต์ควรคุยกับแอนนาให้มากกว่านี้!]
เสี่ยวเถียนงง ทำไมต้องคุยกันเยอะ ๆ ด้วยล่ะ?
เธอถามในสิ่งที่คิดออกไปโดนไม่รู้ตัว
แอนนาพูดเขิน ๆ [เพราะแอนนาเหงาค่ะ!]
เสี่ยวเถียนอดไม่ได้ที่จะกลอกตาด้วยความหมั่นไส้
เคยคิดว่าแอนนาน่าจะพูดแต่อะไรที่มีเหตุผลนะ แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าจะพูดจาไร้สาระแบบนี้ได้ด้วยเหมือนกัน
“งั้นเธอก็เหงาต่อไปแล้วกันนะ เพราะฉันยุ่งมาก!”
เสี่ยวเถียนตอบด้วยความรังเกียจ ก่อนวิ่งกลับไปที่โรงเรียนพร้อมกล่องเก็บความเย็นสีขาวในอ้อมแขน
เพื่อที่จะได้มอบไอศกรีมแสนอร่อยให้พี่ ๆ และลุงเขยโดยเร็วที่สุด
เธอวิ่งกลับไปด้วยความรวดเร็ว
แต่ต้องบอกเลยว่าเรื่องพรหมลิขิตของมนุษย์เป็นอะไรที่แปลกประหลาดยิ่งนัก