บทที่ 470 อย่าช่วยเสี่ยวเถียนหาเงินนะ
บทที่ 470 อย่าช่วยเสี่ยวเถียนหาเงินนะ
“กินเลย ๆ เธอรีบกินข้าวเถอะ เราจะได้ออกเดินทางกัน!” หลี่ว์หรูหยาเร่ง
แต่แล้วก็ต้องเสียใจที่พูดแบบนั้นออกไป ซาลาเปานึ่งส่งกลิ่นหอมกรุ่น ทำไมเมื่อกี้ถึงบอกว่ากินข้าวไปแล้วกันนะ? แต่เขาก็พูดมันออกไปแล้วนะ จะมาเสียใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว
เสี่ยวเถียนคว้าซาลาเปาลูกขาวก้อนอ้วนขึ้นมาหมายจะกิน แต่เหลือบไปเห็นใบหน้าตะกละของหลี่ว์หรูหยา
“รองผู้อำนวยการ คุณแน่ใจนะว่าไม่อยากกินน่ะ?”
หลี่ว์หรูหยาตกอยู่ระหว่างความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ก่อนจะตอบออกมาในที่สุด “งั้นฉันกินสักหน่อยได้ไหม? กลัวตอนกลางวันจะไม่มีเวลากินข้าวเอาน่ะ”
เสี่ยวเถียนหยิบซาลาเปามาอีกสองลูกแล้วส่งให้อีกฝ่าย
หลี่ว์หรูหยาที่กำลังถือซาลาเปาอดน้ำลายไหลไม่ได้ยามได้กลิ่นหอม ๆ ของซาลาเปาลูกกลม ในที่สุดก็ตัดสินใจได้เสียที จากนั้นก็กัดเข้าปากคำโตอย่างไม่รู้สึกผิด
เสี่ยวเหมยบังเอิญได้ยินพอดี เธอจึงหากล่องข้าวมาเพิ่มแล้วห่อซาลาเปาไปให้เสี่ยวเถียนเพิ่มอีก
“เสี่ยวเถียนเอาไปเพิ่มด้วยนะ เผื่อไม่ได้กินข้าว อย่างน้อยจะได้มีซาลาเปาไว้กินแทน!”
อันที่จริงเธอไม่อยากได้เท่าไร เพราะเวลาเย็นมันจะไม่อร่อยแล้ว แต่เผื่อเอาไว้หากไม่ได้กินข้าว สุดท้ายก็รับมันมา
“รองผู้อำนวยการ เราไปกันเถอะค่ะ เดินไปด้วยกินไปด้วย! พี่เสี่ยวเหมย หนูไปแล้วนะ!”
ตอนพี่ ๆ ออกมาจากห้อง ปากก็เตรียมจะเอ่ยเตือนบางอย่างกับน้องสาวของตนเอง แต่เสี่ยวเถียนก็วิ่งออกไปไกลแล้ว
“เสี่ยวเถียน ทำไมวิ่งเร็วแบบนั้นล่ะ?”
“เราควรออกมาให้ไวกว่านี้นะ!”
“ไล่ตามไปดีไหม?”
“กว่าจะไล่ตามทัน เสี่ยวเถียนก็ไปไกลแล้ว!”
เด็ก ๆ ยืนกระซิบกระซาบกัน พวกเขาไม่ได้ไปทำงานต่อ แค่หันมาคุยกับเสี่ยวเหมยแล้วแยกย้ายไปอ่านหนังสือ
ทางฝั่งรองผู้อำนวยการหลี่ว์หรูหยาไล่ตามเสี่ยวเถียนอย่างรีบร้อน ถึงจะสงสัยก็ตามว่าทำไมเธอถึงกระวนกระวายใจกว่านัก ถ้าเสี่ยวเถียนรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ก็คงตอบว่า คุณเริ่มคิดเงินตั้งแต่ออกจากบ้านไม่ใช่หรือไง?
เธอมองนาฬิกา ตอนนี้เป็นเวลาแปดโมงครึ่งแล้ว
อืม จำไว้ให้มั่น เธอจะกลับไปคิดบัญชีทีหลัง
น่าเสียดายที่เอาซาลาเปามาแค่สองลูก แถมย่ายังเป็นคนทำด้วย
หลี่ว์หรูหยากินซาลาเปาของบ้านซูอย่างมีความสุข
การมารับคนแต่เช้านี่มีประโยชน์จริง ๆ
โตมาก็ตั้งหลายปี ไม่เคยกินซาลาเปาที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องรสชาติเลย รสมือดีจริง ๆ แม้แต่คนที่อ้างว่าเป็นทายาทพ่อครัวจากในวังยังสู้ไม่ได้เลย!
เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าพวกเขามาจากหมู่บ้านเล็ก ๆ ทางตะวันตกเฉียงเหนือจริงหรือ?
เสี่ยวเถียนวิ่งไป หมายจะไปยังสถานีขนส่ง แต่ก็โดนหยุดเอาไว้
“เสี่ยวเถียนวิ่งไปไหน รีบมาขึ้นรถเร็ว!”
เด็กหญิงหันกลับมา ก่อนจะเจอว่ามีรถคันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูบ้านเธอ และหลี่ว์หรูหยาก็ยืนเรียกอยู่ข้างรถคันนั้นด้วย
“วันนี้มีรถประจำทางไม่ใช่หรือคะรองผู้อำนวยการ?”
เขาพูดไม่ออก เราจะเอารถประจำทางไปรับนักธุรกิจต่างชาติได้ยังไงเล่า
ไม่งั้นความประทับใจและความเชื่อมั่นของอีกฝ่ายคงหมดลง การให้ความร่วมมือของเราคงไม่อาจสำเร็จ
“ผู้อำนวยการส่งรถมาให้เป็นพิเศษเลย ไปยืมจากโรงงานไฟฟ้ามาเลยนะ” หลี่ว์หรูหยากล่าวอย่างภาคภูมิใจ
เด็กหญิงหัวเราะ ไม่คิดเลยว่าผู้อำนวยการฉือคนนี้จะเข้าใจเรื่องไปรับไปส่งคนพอสมควร ความรู้สึกมันแตกต่างใช่ไหมล่ะเวลาเอารถมารับน่ะ พวกชาวต่างชาติเองก็คิดว่าโรงงานแห่งนี้ดูดีมากเลยสินะ?
หลังจากขึ้นรถ เด็กสาวก็หยิบซาลาเปาจากกล่องข้าวออกมาแล้วถามคนขับ “คุณคนขับกินข้าวเช้าหรือยังคะ? อยากกินซาลาเปาหน่อยไหม?”
อีกฝ่ายไม่คิดเลยว่าพอเด็กคนนี้ขึ้นรถมาก็กินเลย แถมยังถามอย่างสุภาพด้วยว่าเขาอยากกินไหม เลยไม่รู้จะตอบอะไรไปพักหนึ่ง
“เสี่ยวหลี่ ฉันจะบอกอะไรให้นะ ซาลาเปาบ้านซูอร่อยมากเลย!” หลี่ว์หรูหยายังกินไม่หนำใจเลย
ถ้ารู้ว่าบ้านนี้จะทำซาลาเปา เขาคงไม่กินข้าวเช้ามาหรอก แถมตอนนี้เห็นซาลาเปาก้อนอ้วน ๆ ก็อยากกินอีกแล้วเนี่ย ทำยังไงดี?
ส่วนคนขับหลี่ไม่สนิทกับเสี่ยวเถียน แม้รองผู้อำนวยการจะบอกอะไร แต่ก็อายเกินกว่าจะขอกิน
“ขอบคุณนะสหายเสี่ยวซู แต่ฉันกินข้าวเช้าแล้วน่ะ!”
หลี่ว์หรูหยาเสียใจที่เสี่ยวหลี่ปฏิเสธ
ไอ้เด็กนี่ โอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้วยังไม่รีบคว้าเอาไว้อีก!
ถนนหนทางไปสนามบินราบเรียบมาก และเสี่ยวหลี่ก็บังคับรถไปอย่างมั่นคง
หลังจากกินซาลาเปาไปสองลูก เสี่ยวเถียนจึงหยิบหนังสือออกมาอ่าน
ตอนมาถึง เรายังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงก่อนเครื่องจะลงจอด
ผู้อำนวยการฉือรออยู่ที่สนามบินแล้ว หลังจากทั้งสองกลุ่มได้พบกัน ชายวัยกลางคนรู้สึกโล่งใจอย่างยิ่ง
เขาร้อนใจเสมอว่าทั้งสองจะมาช้าหรือเปล่า ถ้าเครื่องบินลงจอดแล้วล่ามยังไม่มาจะทำยังไง?
“ผู้อำนวยการฉือมาไวจังครับ?” หลี่ว์หรูหยารีบถาม
เสี่ยวเถียนเข้าไปทักทายอีกฝ่ายอย่างสุภาพ
“มาเร็วดีกว่ามาสายไง ฉันก็เลยมาเช้าหน่อย เหมือนเราจะดูเครียด ๆ นะ!”
ฉืออวี้เลี่ยงถูมืออย่างประหม่า และรู้สึกวิตกกังวลมากกว่าเดิม
เขามองเสี่ยวเถียนด้วยความสงสัยในใจ เด็กคนนี้มีความสามารถจริง ๆ ใช่ไหม?
ถึงฉือเก๋อ ฮั่วซือเหนียน และหลี่ว์หรูหยาจะย้ำว่าเสี่ยวเถียนเก่งจริง ๆ
แต่พอนึกถึงช่วงเวลาคับขัน เขาก็เริ่มกังวลอีกแล้ว! แต่เดี๋ยวก่อนนะ วันนี้เธอดูแปลกตาไปเล็กน้อย เหมือนจะโตกว่าปกติ?
ไม่สิ ไม่มีใครโตในวันเดียวหรอกนะ
หลังจากสำรวจอยู่สักพัก ในที่สุดเขาก็ยืนยันได้ว่าเพราะเธอแต่งหน้าและสวมเสื้อผ้าสไตล์ใหม่ จู่ ๆ ก็รู้สึกว่ารูปลักษณ์นี้ดูมีความเป็นมืออาชีพมาก
เดิมทีเสี่ยวเถียนก็ตัวสูงอยู่แล้ว พอแต่งหน้าแต่งตัวก็เลยโตกว่าวัย ภาพลักษณ์ของเธอจึงดูทางการและเป็นผู้ใหญ่กว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย
อันที่จริงมันนิดเดียวจริง ๆ ไม่ว่าจะแต่งตัวยังไง เด็กหญิงอายุวัยดั่งลูกกระวาน*[1] ก็ไม่มีทางกลายเป็นผู้ใหญ่หรอก
“เสี่ยวเถียน ทำไมวันนี้ถึงรู้สึกว่าเธอแปลกตาไปล่ะ? เธอว่างั้นไหม?”
เสี่ยวเถียนยิ้มอย่างอบอุ่น “เพื่อทำงานไม่ใช่หรือคะ? ผู้อำนวยการฉือไม่ต้องห่วงนะ หนูจะเป็นพนักงานที่ดีและมีมโนธรรมค่ะ!”
ผู้อำนวยการฉือ “…”
มันจะมีใครจ้างพนักงานราคาสูงแบบนี้อีกไหมล่ะ?
เขาคำนวณไว้เบื้องต้นแล้ว ในระยะเวลาสามวัน เงินกว่าสองพันหยวนจะหายไป! ไม่รู้ว่าหลังเจรจาเสร็จจะทำเงินได้เท่าไร อย่าช่วยจนจบก็พอ เพราะเรากำลังช่วยเสี่ยวเถียนหาเงินอยู่นะ!
*[1] ลูกกระวาน ในที่นี้หมายถึง อายุ 13 ปี