บทที่ 476 รู้จักทายาทเชฟในวังหลวงไหม
บทที่ 476 รู้จักทายาทเชฟในวังหลวงไหม
เสี่ยวเถียนไม่มีทางเลือก นอกจากแปลให้ฉืออวี้เลี่ยงฟังอย่างตรงประเด็นว่า คริสติน่าคิดอะไร
ยังดีที่สติของเขายังดีอยู่ เลยทำให้ยืนได้อย่างมั่นคง แต่สายตาที่มองไปยังคริสติน่าไม่ค่อยดีเท่าไร
คนนี้ช่างทะเยอทะยานเสียจริง อยากจะกินสำรับอาหารแมนจูกับฮั่น?
เธอรู้ไหมว่ามันคืออะไร?
สวรรค์ ของพวกนี้มีแต่คนในวังสมัยก่อนเท่านั้นแหละที่จะสามารถกินได้ทุกวัน
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องราคาเลยนะ เขาจะควักเงินจากตรงไหนมาจ่ายก่อน!
เขาเป็นผู้อำนวยการโรงงานนะ ไม่ใช่องค์จักรพรรดิ!
ออกัสเห็นสีหน้าอีกฝ่าย ใบหน้าก็พลันกระตุก ชายชาวตะวันออกคงกังวลเรื่องใช้เงินแน่ ๆ ก็เลยไม่เต็มใจทำตามความต้องการของน้องสาวตนเอง
ฉืออวี้เลี่ยงคิดแต่จะเกลี้ยกล่อม จึงไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าของชายหนุ่มชาวเยอรมันคนนั้น แต่แล้วออกัสก็เอ่ยเสียงเรียบ “คริสติน่าโดนโอ๋มาตั้งแต่เด็ก เลยมีนิสัยเอาแต่ใจไปบ้าง ทุกท่านได้โปรดยกโทษให้ด้วยนะ”
“ในเมื่อคริสติน่าอยากกิน คุณฉือก็ช่วยจองให้หน่อยเถอะ เรื่องเงินไม่ต้องห่วงหรอกครับ!”
บ้านเราไม่มีสมาชิกคนอื่นแล้ว จึงมีเงินเหลือพอใช้ ไม่ว่าน้องสาวของเขาอยากกินอะไรก็กินได้หมด
ออกัสเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองมาก แต่ก็ยังเกิดอาการประมาทไม่น้อย เรื่องของกินมันไม่ใช่ว่ามีเงินหรือต้องมีคนทำให้หรอกนะ แต่เพราะสำรับอาหารแมนจูกับฮั่นมันไม่มีแล้วต่างหาก! และออกกัสก็พูดตัดหนทางเขาไปหมดเลย
ชาวต่างชาติคนนี้คิดว่าตัวเองเป็นผู้ประกอบการที่ชาญฉลาดอย่างที่เขาร่ำลือกันหรือ?
ไม่คิดว่าตัวเองโง่บ้างหรือไง?
ฉืออวี้เลี่ยงก่นด่า ก่อนจะหันไปมองเสี่ยวเถียน แต่หลังจากได้รับสัญญาณ เด็กสาวเองก็ไม่มีทางเลือก สองพี่น้องคู่นี้คิดจะหาเรื่องหรือ? แต่ยิ่งขบคิดเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกว่ามันก็ไม่ใช่ทั้งหมด หรือเดิมทีไม่ได้คิดจะมาร่วมงาน แต่แค่มาปั่นหัวกันเฉย ๆ?
ตอนนั้นเธอทำได้แต่อธิบายออกไป
“เรียนคุณคริสติน่า ขอให้ฉันได้อธิบายเรื่องสำรับอาหารแมนจูกับฮั่นหน่อยนะคะ”
ถึงเธอจะถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจ แต่ก็เป็นเด็กดีและมีมารยาท เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวเถียนก็พยักหน้าทันที
“ที่รัก ช่วยอธิบายเรื่องอาหารที่อร่อยของเธอให้ฉันทีนะ”
เธอรู้สึกตื่นเต้นมาก และคิดว่าคงจะเป็นการดีกว่า หากทำความรู้จักกับมันก่อน จะได้ไม่เสียหน้าถ้าทำอะไรไม่ถูกระหว่างกิน
เด็กหญิงยิ้ม “คุณคริสติน่าอาจไม่ทราบว่าสำรับอาหารแมนจูกับฮั่นไม่ใช่อาหารจานเดียว แต่เป็นงานเลี้ยงที่จะใช้เวลาจัดถึงสามวันสามคืนจึงจะเสร็จค่ะ ซึ่งในงานเลี้ยงนี้จะมีอาหารจานหลักที่แบ่งเป็นอาหารจานร้อนและอาหารจานเย็น รวมหนึ่งร้อยเก้าสิบหกจาน กับแกล้มหรือของว่างหนึ่งร้อยยี่สิบสี่จาน รวมเป็นสามร้อยยี่สิบจานค่ะ”
คริสติน่าตกใจเมื่อได้ยิน ไม่คิดเลยว่าสำรับอาหารแมนจูกับฮั่นจะเป็นเช่นนี้
“สามร้อยยี่สิบรายการ? ตระกูลแบบไหนหรือถึงจะทำได้มากขนาดนั้น?”
เธออ้าปากค้าง
มันฟุ่มเฟือยไปหรือเปล่า ตอนแรกก็คิดว่าตัวเองใช้ชีวิตหรูหราแล้วนะ แต่ไม่คิดเลยว่าประเทศเก่าแก่ทางฝั่งตะวันออกจะมีงานเลี้ยงฟุ่มเฟือยเช่นนี้ด้วย
ความอู้ฟู่นี้น่าสนใจกว่าเดิมเสียอีก ทั้งยังทำให้เธออยากลิ้มลองขึ้นมาจริง ๆ
เสี่ยวเถียนส่ายหัว “ไม่ใช่ของตระกูลไหนค่ะ แต่เป็นงานเลี้ยงของราชวงศ์ ซึ่งจะเป็นงานที่เสิร์ฟอาหารอันโอชะแก่จักรพรรดิและเหล่าข้าหลวงได้ร่วมกินด้วยกัน มันจะมีกฎยิบย่อยเยอะแยะไปหมด ก่อนเริ่มมื้ออาหารเราจะเสิร์ฟพวกชากับถ้วยเล็กสองคู่ก่อน จากนั้นก็ตามด้วยอาหารที่เป็นผลไม้สดสี่อย่าง ผลไม้แห้งสี่อย่าง และผลไม้ดองสี่อย่าง หลังจากเข้าสู่มื้ออาหารแล้วเราก็จะเสิร์ฟด้วยอาหารเย็น ต่อด้วยอาหารผัด ผักดอง ผักหวาน จำนวนหกอย่างด้วยกัน และงานเลี้ยงที่มีชื่อเสียงนี้ เราตั้งชื่อตามราชวงศ์ชิงค่ะ”
“ต่อไปเรามาพูดถึงวัตถุดิบของสำรับอาหารแมนจูกับฮั่นดีกว่าค่ะ สำรับนี้จะรวบรวมอาหารที่มีชื่อเสียงของชาวแมนจูและฮั่นเข้าด้วยกัน เราเลือกอาหารทะเลสด สัตว์หายากและแปลกใหม่ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นวัตถุดิบที่หายากและมากคุณภาพ คุณคริสติน่าคะ งานเลี้ยงเช่นนี้ เราไม่สามารถใช้เวลาหนึ่งถึงสองเดือนในการจัดเตรียมและรวบรวมวัตถุดิบได้หรอกนะคะ”
คริสติน่าเสียใจมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น!
“อีกอย่างคือ ในยุคนี้การทำสำรับอาหารแมนจูกับฮั่นไม่มีแล้วค่ะ” เสี่ยวเถียนกล่าวต่อ
ถ้าจะบอกว่าไม่ผิดหวังก็คงโกหก เพราะวัตถุดิบหายากแบบนั้นก็ช่วยไม่ได้เสียแล้ว แต่ถ้าคิดหาวิธี อาจจะได้กินมันในอนาคตก็ได้นะ
แต่กลับไม่มีใครสามารถทำได้เลย สุดท้ายก็เป็นเพียงสิ่งที่เขากล่าวขานเท่านั้น
“ไม่มีใครทำได้เลยหรือ?” คริสติน่าผิดหวังมาก
“ใช่ค่ะคุณคริสติน่า สำรับอาหารแมนจูกับฮั่นเป็นการรวบรวมลักษณะของอาหารต่าง ๆ ในราชสำนัก แก่นแท้ของรสชาติอาหารท้องถิ่น และการผสมผสานสูตรอาหารต่าง ๆ ของชนชาติแมนจูและฮั่นเข้าด้วยกัน มีทั้งรสเค็ม รสหวาน เนื้อสัตว์ และผัก ต้องใช้เชฟฝีมือดีจำนวนมากร่วมมือกันจึงจะสำเร็จค่ะ”
ตอนนั้นเองที่เข้าใจแล้วว่า คงไม่มีทางได้ลิ้มลองรสอาหารที่ปรารถนาเอาไว้เสียแล้ว
เดิมทีออกัสคิดจะเติมเต็มความปรารถนาของน้องเช่นกัน แต่พอได้ฟังกลับหารู้ไม่ว่ามันไม่สามารถเป็นไปได้!
ไม่มีเชฟคนไหนทำได้ ต่อให้มีเงินเท่าไรก็ไม่มีทางทำได้!
เขาปลอบโยน “คริสติน่า ประเทศจีนเป็นประเทศที่รู้วิธีเพลิดเพลินกับความอยากอาหารนะ นอกจากสำรับอาหารแมนจูกับฮั่นแล้ว เขายังมีอาหารรสเลิศมากมายให้ลิ้มลองเหมือนกัน!”
ทว่าความผิดหวังในใจ มันไม่ได้หายไปเพียงเพราะคำปลอบโยนสองสามประโยคหรอกนะ
ตอนนั้นเองที่เสี่ยวเถียนได้เอ่ยขึ้น
“คุณคริสติน่าคะ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่มีโอกาสได้ชิมสำรับอาหารแมนจูกับฮั่น แต่เราสามารถช่วยให้คุณได้ลิ้มลองบางอย่างได้นะคะ”
เสี่ยวเถียนเอ่ยอย่างเป็นธรรมชาติ
แต่ไม่ว่าจะโกหกหรือไม่ก็ตาม แววตาหญิงสาวก็เป็นประกายเสียแล้ว
“เราหาคนที่ทำสำรับอาหารแมนจูกับฮั่นได้จริง ๆ หรือ? โอ๊ะ ไม่สิ ส่วนหนึ่งของมันน่ะ” คริสติน่าดีใจจนแทบจะกระโดด
เธอไม่ใช่คนไม่รู้ความ ต่อให้มีจานอาหารครบถ้วนสมบูรณ์ตามที่กล่าวมา แต่ก็ใช่ว่าจะกินหมดทุกอย่างนะ สิ้นเปลืองมากเลย!
แค่บางส่วนก็ได้
“ฉันรู้จักทายาทของเชฟในวังหลวงค่ะ ถึงจะไม่สามารถทำสำรับอาหารแมนจูกับฮั่นได้ทั้งหมด แต่ก็ทำได้แค่บางส่วนเท่านั้น ฉันอยากรู้ว่าคุณสนใจหรือเปล่า?”
เสี่ยวเถียนไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป
เดิมทีเธอวางแผนที่จะยกขึ้นมาพูดในวันพรุ่งนี้หรือวันมะรืนด้วยซ้ำ แถมผู้อำนวยการฉือก็จองเป็ดย่างไว้แล้วด้วย แล้วใครใช้ให้คริสติน่าสนใจขนาดนั้นกันล่ะ?