บทที่ 554 จิตใจมนุษย์ยากจะต้านทานไหว
บทที่ 554 จิตใจมนุษย์ยากจะต้านทานไหว
พวกเราเดินเล่นกันจนถึงสี่ทุ่มครึ่ง แต่ไม่รู้คุยกันท่าไหนถึงได้กลายมาเป็นชวนกันไปกินมื้อดึก แถมยังบอกอีกว่าตั้งแต่มา ยังไม่เคยกินอาหารทะเลของที่นี่เลย
เทียบกับอาหารที่แลกในระบบร้านค้า อาหารทะเลที่หรงเฉิงรสชาติดีทีเดียว
น่าเสียดายที่ในยุคนี้การคมนาคมไม่สะดวก อาหารทะเลเป็นวัตถุดิบที่ไม่เหมาะกับการขนส่งทางไหล ขนาดในเมืองหลวงยังหาได้ยาก
กล่องเก็บของของเสี่ยวเถียนใช่ว่าจะว่าง ถึงจะอัพเกรดหลายครั้งแต่ปริมาณที่เหลือมีไม่ถึงสามช่องด้วยซ้ำ เพราะงั้นเธอคงคิดจะเอาอาหารทะเลกลับไปกินที่เมืองหลวงแล้วแหละ
ถึงจะรู้สึกเสียใจ แต่บางครั้งชีวิตมนุษย์ก็ต้องมีอะไรไม่ได้ดั่งใจบ้างสิ ถึงจะน่าสนใจ
“เสี่ยวเถียน ชอบกินอาหารทะเลมากเลยใช่ไหม?” ฉืออี้หย่วนรู้ว่าน้องชอบเลยเอ่ยถาม
“ใช่ค่ะ มันอร่อยมากจริง ๆ นะ” เธอเศร้ามาก
“ในอนาคตยังมีโอกาสอยู่นะ” เด็กหนุ่มตอบ “ไว้มาหรงเฉิงอีกแล้วค่อยมากินกันนะ”
เธอพยักหน้า “ก็คงต้องเป็นแบบนั้นค่ะ อันที่จริงอาหารแต่ละท้องที่ก็แตกต่างกันอยู่แล้ว
ช่วงยุคหลัง ๆ โลจิสติกส์จะมีการพัฒนา เราสามารถลิ้มรสอาหารรสเลิศจากทั่วทุกมุมโลกได้ที่บ้านเลย แต่มันก็ไม่ได้อร่อยขนาดนั้น
ไว้ว่ากัน ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเลือกของฝากอะไรกลับไปดี
เสี่ยวเหมยไม่ได้ชอบกินอาหารทะเลเป็นพิเศษ แต่ถ้าได้ลองชิมก็ยินดี
และเพราะไม่สนใจนั่นแหละ เธอจึงขี้เกียจจะใช้มือแกะ แต่อาจารย์ฮั่วคิดว่าหญิงสาวกลัวมือเปื้อนจึงลงมือแกะให้ตัวเอง
เขาเอาใจใส่และดูแลเป็นพิเศษ แต่มันกลับทำให้เสี่ยวเหมยลำบากใจ
“อาจารย์ฮั่วกินข้าวเถอะค่ะ ไม่ต้องห่วงฉันหรอก!”
“กินไปเถอะ แค่แกะให้เธอกินเอง!”
…
เสี่ยวเถียนคิดว่าด้วยความสามารถในการตามตื๊อของเขา ไม่ช้าก็เร็วพี่เสี่ยวเหมยต้องตกอยู่ในกำมือเขาแน่นอน
กว่าจะกินเสร็จก็ห้าทุ่มแล้ว แต่พวกเขายังไม่ค่อยพึงพอใจเท่าไร แต่เมื่อคิดว่าจะต้องนั่งรถไฟอีก แถมถ้าพักผ่อนไม่พอจะไม่ค่อยกระปรี้กระเปร่าด้วยจึงกลับไปที่โรงแรมด้วยกัน
ระหว่างทางเสี่ยวเถียนลองแหย่เล่น “พี่เสี่ยวเหมย อาจารย์ฮั่วเป็นคนดีอยู่นะ เก็บไว้พิจารณาสักหน่อยไหม?”
“ก็ดูเอาเถอะ พี่หัวหมุนไปหมดแล้วเนี่ย” เสี่ยวเหมยละเหี่ยใจมาก
ตอนแรกก็คิดว่าคงสนใจไม่นาน แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เช่นนั้น
แต่ความรักของเขาจะยืนยาวขนาดไหนล่ะ?
คนสองคนที่มาจากครอบครัวต่างชนชั้นและถูกบังคับให้อยู่ด้วยกัน มันจะเป็นยังไงล่ะ?
ในอนาคตก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงชะตากรรมที่ต้องพลัดพรากจากกันใช่ไหมล่ะ?
เสี่ยวเหมยไม่กล้าคิดเลย
ลึก ๆ ในใจเธอยังดูถูกตัวเองอยู่ ต่อให้เข้ามหาวิทยาลัยก็แล้วแต่เรื่องที่โดนพ่อดูถูกยังคงติดอยู่ในใจ
“พี่เสี่ยวเหมย คนเราต้องก้าวไปข้างหน้าเสมอ ถึงตอนนี้จะไม่ใช่อาจารย์ฮั่วแต่ในอนาคตก็ต้องมีอีก พวกเขาไม่เหมือนคนหงซินหรอกนะ!”
“ดูป้าเถาฮวาสิคะ ถ้าตอนนั้นป้าไม่เดินไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญและจะมีชีวิตอย่างตอนนี้ไหม?”
ว่าจบเธอก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วเข้านอนไปเงียบ ๆ ทิ้งให้เสี่ยวเหมยนั่งคิดอยู่คนเดียว
เสี่ยวเหมยอยู่เมืองหลวง เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยมีพ่อเป็นอาจารย์ ชีวิตเสี่ยวเหมยถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะไม่มีวันกลับไปสู่สภาพแวดล้อมของหงซินแน่
ถ้าเธอแต่งงาน ลุงเขยไม่มีทางปล่อยให้พี่เขาแต่งงานกับคนที่ฐานะต่ำกว่าหรอก!
เสี่ยวเถียนผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว ส่วนเสี่ยวเหมยพลิกตัวไปมา นอนไม่หลับเลย
ก็จริง พ่อกับแม่ก็มาจากครอบครัวต่างชนชั้นกันใช่ไหมล่ะ?
ความสัมพันธ์ไปได้สวย แม้จะทะเลาะเป็นครั้งคราวแต่ไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งหนัก
กว่าเสี่ยวเถียนจะตื่นพระอาทิตย์ลอยขึ้นสูงแล้ว พี่สาวคนนี้กำลังเก็บของอยู่ ขอบตาดูคล้ำเล็กน้อย
“พี่เสี่ยวเหมยตื่นเช้าจังค่ะ”
“ตื่นมาเก็บของแต่เช้าน่ะ ไม่อยากให้รถรอเรา!” เสี่ยวเหมยแย้มยิ้มจาง ๆ
การเก็บกระเป๋าไม่ได้ใช้แรงใดมาก หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จก็ต้องไปสถานีรถไฟที่ใช้เวลาในการเดินทางนานโข ก่อนจะออกต้องโทรหาสามีภรรยาเฉินด้วย
กระเป๋าใบเล็กใบน้อยวางอยู่เต็มไปหมด ของข้างในล้วนเป็นสินค้าที่ซื้อเอาไว้
“ถ้าไม่ประสบความสำเร็จ เราได้หมดตัวกันจริง ๆ แน่” โส่วเวินว่าพลางลูบกล่องสินค้า
“เชื่อผมเถอะพี่ใหญ่ รอบนี้เราทำเงินได้แน่นอน!” เสี่ยวซื่อมั่นใจมาก
ด้วยตัวสินค้าที่คัดสรรมาอย่างดี ถ้ายังขายไม่ได้ที่เรียนมาก็เสียเปล่า
คนอื่น ๆ ไว้วางใจในวิสัยทัศน์ของเสี่ยวซื่อ พวกเขาต่างพยักหน้าเห็นด้วย
แต่เหล่าซานกระวนกระวายใจนิดหน่อย ก่อนมาก็ไม่ได้เอาเงินมาเยอะ โชคดีที่มีเด็ก ๆ คอยช่วย เขาเลยหาเงินได้บ้าง แต่ถ้าเสียมันไปอีกจะทำยังไงล่ะ? แต่พอเห็นเด็ก ๆ อารมณ์ดีเขาก็ทำได้แค่ยิ้ม
ระหว่างที่รอคนอื่น ๆ เก็บของและยังไม่ทันจะได้เช็คเอาท์ออกมู่มู่ก็มาถึงแล้ว
“มู่มู่ ที่จริงไม่ต้องมาก็ได้!” โส่วเวินยิ้มอ่อนโยน
มู่มู่เป็นคนที่เป็นมิตร ถึงจะทำเพราะคำขอของอาเขยแต่ช่วยเราไว้เยอะจริง ๆ
“ไม่ได้หรอกครับ พวกคุณถือเป็นผู้มีพระคุณของผม ต้องพาไปส่งที่รถไฟถึงจะสบายใจได้” รอยยิ้มคู่นั้นดูล้ำลึก
หลายวันที่ผ่านมาเขาเองก็หาเงินได้ไม่ใช่น้อย ๆ มุมมองที่มีต่อคนบ้างนี้จึงแตกต่างจากเดิม
ทีแรกเพราะเป็นมีความสัมพันธ์กับเฉินจื่ออัน แต่ตอนนี้ได้เห็นตัวตนของพวกเขาจริง ๆ
มู่มู่ถือถุงมาด้วย เขาบอกว่าข้างในคืออาหารที่เตรียมไว้ให้กินบนรถ
“น้องสาวผมทำเองหมดเลยน่ะ เก็บไว้ได้สองวันครับ ได้ยินว่าถ้าขึ้นเหนืออากาศจะยิ่งหนาวลง เพราะงั้นอาหารจะไม่เสียง่าย ๆ พอให้กินได้หลายวันเลย”
ทุกคนรู้ว่านี่เป็นความต้องการของอีกฝ่าย จึงไม่ปฏิเสธแล้วรับมันเอาไว้
พวกเราแบกสัมภาระโดยมีมู่มู่พาไปส่งสถานี
แต่ละคนมีกระเป๋าใบเล็กใบหนัก ทั้งยังดูหนักด้วย ไม่แปลกหากจะโดนหมายตา โดยเฉพาะของมูลค่าสูง พวกเราไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้ก่อน เลยต้องระมัดระวังกันมาก
เสี่ยวเถียนไม่พูดอะไรเลย สีหน้าแบบนี้เป็นเพราะกลัวว่าคนอื่น ๆ จะรู้เรื่องสินค้าข้างในสินะ?
เธอยังมีพื้นที่ว่างอยู่ใส่ของได้อีกนิดหน่อย จึงใส่นาฬิกาเข้าไปแต่ก็ไม่ได้ยัดขนาดนั้น
เดิมทีก็ไม่ได้ตั้งใจจะบอกใครเรื่องที่ในกระเป๋าว่างอยู่แล้ว ไม่อยากให้คนอื่นรู้ต่อให้เป็นคนที่สนิทที่สุดก็ตาม!
บนโลกนี้สิ่งที่ห้ามทดสอบนั่นก็คือจิตใจมนุษย์ เสี่ยวเถียนไม่ได้มีความตั้งใจจะใช้สมบัติพวกนั้นมาล่อลวงพวกเขาหรอกนะ!
เพราะถ้าประมาทขึ้นมาเมื่อไร เราจะสูญสิ้นทุกอย่างไปไม่ใช่หรือ?
หลี่มู่มู่ไปส่งพวกเขาที่สถานี ตอนที่ต้องบอกลากันกลับลังเลขึ้นมา
แม้ว่าจะไม่รู้ว่าทำไม แต่สัญชาตญาณมันบอกว่าหากเป็นไปได้ก็อยากให้สนิทกับพวกเขามากที่สุด
ทั้งตัวเขายังคิดอยู่เสมอเลยว่าอีกฝ่ายเหมือนมีพลังวิเศษบางอย่าง
“ลูกพี่มู่มู่ พวกเราปรึกษากันว่าอยากร่วมงานด้วยน่ะ!” เสี่ยวซือดึงอีกฝ่ายมาใกล้แล้วเอ่ยบอก
ส่วนมู่มู่ตะลึงงันไปแล้ว
ร่วมงาน? ร่วมงานอะไร?
เราอยู่ห่างกันเป็นโยชน์เลยนะ