บทที่ 644 จัดการอย่างง่ายดาย
บทที่ 644 จัดการอย่างง่ายดาย
ซูเสี่ยวเถียนคือใคร?
เด็กสาวที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ ฝีมือเรียกได้ว่าเฉินจื่ออันยังเอ่ยชมแล้วชมอีก
เธอหลบตรง ๆ โดยคงสีหน้าดังเดิมเอาไว้ และมันทำให้ผู้อำนวยการเฉียนร่างอ้วนคว้าได้แต่อากาศจนร่างกายซวนเซเกือบล้มลง
หลี่ว์หรูหยากลัวเรื่องต่าง ๆ จะอยู่เหนือการควบคุมจึงจับแขนเขาไว้สุดแรง
สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือ ให้ผู้อำนวยการเฉียนสงบสติอารมณ์ก่อน
“นังเด็กนี่ แกกล้าดียังไงมาหลบฉัน!” ผู้อำนวยการเฉียนหมายจะคว้าเด็กหญิง แต่พบว่าแขนตัวเองโดนรั้งไว้อยู่
“หลี่ว์หรูหยา ถ้าโรงงานคุณสูญเสียธุรกิจนี้ไป ฉันอยากรู้นักว่าคุณจะอธิบายยังไง แต่ถ้าคุณฉลาดพอก็ส่งเด็กคนนี้มาให้ฉันเล่น!” ชายร่างอ้วนขู่ด้วยแววตาแดงก่ำ
ทางรองผู้อำนวยการรีบร้อนขอความเมตตา “ผู้อำนวยการเฉียน ท่านเป็นผู้มีจิตใจกว้างขวางไม่ต้องการคำอธิบายหรอกครับ ส่วนเด็กสาวคนนี้ผมส่งให้ท่านไม่ได้จริง ๆ!”
เสี่ยวเถียนเห็นความตั้งใจของหลี่ว์หรูหยา ก็เลิกใช้สายตาความเป็นศัตรูมองเขา!
ทว่ากับชายอ้วนน่าขยะแขยงนั่น เธอไม่คิดจะให้อภัยหรอกนะ
จากนั้นเธอก็เหยียดขาออกไปตวัดใส่อีกฝ่าย
ขาเรียวที่เหมือนแท่งไม้ฟาดเข้าที่เอวผู้อำนวยการเฉียน ทีแรกหลี่ว์หรูหยาคิดว่าแรงคงแค่สะกิด ทำให้คันยิบ ๆ มากกว่า แต่ไม่คิดว่ากลับทำให้คนข้าง ๆ ล้มลงจุมปุ๊กกับพื้น
และตอนนี้ตนยังรั้งแขนอีกฝ่ายไว้ จึงเกือบติดร่างแหลงไปด้วย
ต้องขอบคุณตัวเองที่ตอบสนองได้ทันจึงปล่อยมือได้ทัน
ความเจ็บปวดของคนที่ล้ม ไม่มีใครเข้าใจนอกจากเจ้าตัว
เพราะน้ำหนักตัวที่มากเลยสามารถลงไปทับขาจนพับได้! หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงร้องลั่น
ส่วนหลี่ว์หรูหยาเพิ่งรู้ตัวว่าผู้อำนวยการโดนเสี่ยวเถียนเตะจนล้มลงกับพื้น?
เขาดึงอีกฝ่ายที่กำลังร้องไห้โหยหวยขึ้นมา
เหมือนเรื่องราวในวันนี้จะไม่จบลงอย่างง่ายดายนะ
“สกปรกจริง ๆ!”
เสี่ยวเถียนปรายตามองเท้าตัวเองราวกับว่ามันสกปรก
หลี่ว์หรูหยาพูดไม่ออก แต่รับรู้ได้ว่าเธอต้องมั่นใจมาก ๆ ถึงพูดแบบนี้ออกมาได้
เพราะเส้นสายที่พวกเขามีในเมืองหลวง แค่นี้ก็เป็นประกันแล้วว่าผู้อำนวยการเฉียนโดนจัดการได้อย่างง่ายดาย
แต่เด็กคนนี้ใช้ความรุนแรงเป็นตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย?
แขนขาผอมบางแบบนั้นกลับสามารถเตะผู้อำนวยการที่น้ำหนักมากกว่า 200 จินจนล้มได้ยังไง?
เขาอดไม่ได้ที่จะมองเธอไม่ละสายตา เสี่ยวเถียนดูไม่เหมือนคนแบบนั้นเลยนี่นา!
จากนั้นผู้อำนวยการเฉียนก็ลุกขึ้นนั่งด้วยความช่วยเหลือจากเขา
“แกเชื่อหรือไม่ล่ะว่า ฉันสามารถทำให้แกใช้ชีวิตในเมืองหลวงลำบากได้ แม้แต่ร้านอาหารโกโรโกโสของแกก็จะถูกปิดตัวในวันพรุ่งนี้” ชายร่างอ้วนจ้องร้านแห่งนั้นด้วยสายตาเหยียดหยาม
มันฟังดูเป็นคำพูดที่มีอำนาจกดขี่มาก แต่ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่บนพื้นมันเลยไม่มีความสง่างามสักนิด กลายเป็นไร้ค่าไปในทันที
สีหน้าเสี่ยวเถียนพลันเปลี่ยน
เป็นคางคกบนโต๊ะอาหาร*[1]เสียจริง ขยะแขยงชะมัด!
“ถ้าผู้อำนวยการเฉียนเก่งนักก็ลองดูค่ะ!”
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเมืองหลวงจะให้หนอนแบบไอ้ผู้อำนวยการเฉียนมันปกครอง!
ขนาดปู่รองยังไม่กล้าพูดจาแบบนี้เลย
ผู้อำนวยการเฉียนที่เคยชินกับการทำเรื่องชั่ว ๆ คิดว่าเสี่ยวเถียนจะยอมแพ้หลังจากพ่นคำขู่ออกไป
เพราะไม่ว่าพวกนักธุรกิจตัวน้อยจะมีความสามารถขนาดไหน แต่จะมาเทียบกับคนตำแหน่งผู้อำนวยการโรงงานได้อย่างไรเล่า?
แต่สาวน้อยคนนี้บอก ‘ก็ลองดูสิ’ สินะ?
เรื่องคนทะเลาะกันไปถึงหูพวกคุณย่าซูที่หลังครัวจึงรีบพากันออกมา
“เกิดอะไรขึ้นหรือ รองผู้อำนวยการหลี่ว์?” แกถาม
ผู้อำนวยการเฉียนเห็นหญิงชราคนหนึ่ง ก็ยิ้มเย็นชา “ยายเฒ่า ฉันชอบหลานสาวแกมากถ้าแกฉลาดพอก็ส่งเธอมาให้ฉันซะ ไม่งั้นร้านโกโรโกโสจะปิดตัวตั้งแต่พรุ่งนี้!”
คุณย่าซูไม่รู้เรื่องเลย แกจึงถูกหลอกเข้าเต็มเปา
จากนั้นก็มองหลานสาว
โชคดีที่เธอไม่เป็นอะไร เหมือนจะไม่เสียเปรียบตรงไหนด้วย
แล้วไอ้เด็กเวรพวกนั้นมันหายหัวไปไหนกันหมด?
ถ้าอยู่ด้วยสักคนน้องจะเจอเรื่องแบบนี้ไหม?
แกได้แต่บ่นหลานชายอยู่ในใจ จากนั้นก็หันเหความสนใจไปยังผู้อำนวยการเฉียนที่น่าสมเพช
เหมือนหลานจะสั่งสอนบทเรียนให้แล้ว ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ดี
หญิงชราโชคดีเหลือเกินที่มีหลานสาวเก่งแบบนี้
จึงไม่มีปัญหากับการจัดการผู้ชายแบบนี้
ผู้อำนวยการเฉียนไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่สะทกสะท้านกับคำขู่เขาสักนิด
เพราะคิดว่าน่าจะตกใจบ้าง
ตัวเขาที่แสนมั่นใจจึงพยายามลุกขึ้น
โชคดีที่พื้นหออีหมิงสะอาดพอ เนื้อตัวจึงไม่สกปรก
กลับกันเหลียงซิ่วนั้นเสียใจ รู้แบบนี้น่าจะราดน้ำสกปรกลงไปก่อน
“รองผู้อำนวยการหลี่ว์ คุณได้ร้านแบบนี้มากินข้าวหรือ ไม่กลัวมีพิษหรือไง?”
ชายร่างอ้วนไม่พอใจอะไรสักอย่าง ปกติเวลาออกมากินข้าวจะเลือกร้านอาหารระดับสูง แต่ทางโรงงานผ้าไหมกลับกล้าพามาร้านเล็ก ๆ แบบนี้
แถมยังมีไอ้ครอบครัวที่ไม่รู้จักกาลเทศะอีก
ซวยเหลือเกินที่มาเจอครอบครัวนี้!
แต่ซูเสี่ยวเถียนคนสวยคนนี้เขาต้องได้มาไว้ในกำมือให้ได้ และสั่งสอนให้หลาบจำเสีย!
“ผู้อำนวยการเฉียน ร้านอาหารแห่งนี้ทางเรากำหนดให้เป็นสถานที่รับรองแขกของโรงงานนะครับ!”
หลี่ว์หรูหงุดหงิดที่ผู้อำนวยการเอาแต่พูดจาแบบนี้ กอปรกับเรื่องนี้เราไม่สามารถอ่อนข้อได้ น้ำเสียงที่พูดออกไปจึงไม่ดีสักนิด
แต่ผู้อำนวยการกลับไม่เชื่อ “ข้าวมื้อนี้ฉันไม่กินแล้วกัน ส่วนเรื่องธุรกิจไว้คราวหน้า!”
ว่าจบก็สะบัดเเขนออกแล้วจากไป
หลี่ว์หรูหยาอยากจะตามไปเกลี้ยกล่อม แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงทำได้เพียงเฝ้ามองเขาจากไปเช่นนั้น
“เสี่ยวเถียน ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” เหลียงซิ่วรีบร้อนถาม
“หนูไม่เป็นไรค่ะแม่ คนสารเลวแบบนั้นต่อให้มาอีกสี่ห้าคนก็จะเตะไล่มันออกไปให้หมดเลย!”
จากนั้นเธอก็มองไปยังหลี่ว์หรูหยา และกล่าวขอโทษ “รองผู้อำนวยการหลี่ว์ หนูขอโทษจริง ๆ นะคะ ที่ทำให้คุณสูญเสียธุรกิจนี้ไป”
ถึงจะเสียใจแต่เขามองว่ามันเกี่ยวกับเสี่ยวเถียน จึงไม่มีเวลาให้เสียดายหรอก
“ไม่เป็นไร เป็นเพราะฉันไม่ได้ทำการบ้านมาก่อนต่างหาก เลยไม่รู้ว่าเขาเป็นคนแบบนั้น!”
“คุณเข้าไปรับแขกในห้องดีกว่านะคะ!” เธอส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายรีบเข้าไป
ข้างนอกเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น ทุกคนในนั้นน่าจะได้ยินหมดแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่ได้ออกมาชม
เสี่ยวเถียนดีใจที่ยังไม่ถึงช่วงเวลากินข้าว ในร้านเลยไม่มีลูกค้าเลย ไม่งั้นได้เกิดการสูญเสียครั้งใหญ่เป็นแน่!
[1] ความโชคร้าย