บทที่ 733 ได้รับเลือก
บทที่ 733 ได้รับเลือก
“เมื่อสักครู่นี้ถังหมิ่นหมิ่นเพิ่งเล่าเรื่องฟางจ้งหย่งให้เราฟัง และคิดว่าฉันเหมือนกับเขา แต่ฉันกลับเห็นต่างค่ะ”
เสี่ยวเถียนมองผู้หญิงคนนั้นด้วยสายตาอย่างมีนัย มุมปากมีรอยยิ้มเยาะ เห็นชัดเลยว่ากำลังยั่วยุ
เสี่ยวเถียนไม่ใช่พวกประเภทยอมคน
กลับกันแล้วหากมีคนอื่นลงมือกับเธอก่อน เธอพร้อมตอบโต้ทันที
ถังหมิ่นหมิ่นมีความคิดที่แปลกแยก ถ้าเธอเรียนดีก็มากพอให้เป็นผู้มีพรสวรรค์แล้ว แต่กับคนอื่นพอแก่ตัวไปก็กลายเป็นคนธรรมดาไม่ใช่หรือไง?
“ฟางจ้งหย่งเป็นเด็กและเรียนเก่ง ฉลาดเป็นกรดและมีพรสวรรค์ เป็นคนที่พระเจ้าประทานมาให้ แต่พอโตขึ้นเขากลับคิดแต่จะพึ่งพาสิ่งที่มีอยู่แทนที่จะเพิ่มพูนให้มันมากขึ้น สุดท้ายก็กลายเป็นคนธรรมดา”
“ส่วนฉันไม่ได้ฉลาดแต่เด็ก แต่ที่ประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ได้เพราะฉันตั้งใจเรียนมาก จะบอกว่าไม่เคยละทิ้งการเรียนก็คงไม่เกินจริง และนี่คือความแตกต่างระหว่างฉันกับฟางจ้งหย่ง”
“ฉันรู้ถึงความสำคัญของการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ รู้ถึงความสำคัญของการศึกษาและการเรียนเพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จ และรู้ด้วยว่าคนเราต้องมุ่งมั่นก้าวเดินไปข้างหน้าถึงจะเดินไปถึงจุดหมายปลายทาง”
ว่าง่าย ๆ คือรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร รู้ว่าตัวเองจะมุ่งไปทางไหน
จ้าวหงเหมยแทบจะเรียกได้ว่าจ้องเสี่ยวเถียน ถึงเธอจะอายุยังน้อยแต่เก่งมาก ๆ ก่อนปรบมืออย่างตื่นเต้น
พอมีเสียงแรกก็ตามมาด้วยเสียงที่สอง
คนนั้นคือฉู่เยว่
เสี่ยวเถียนพูดไม่ออกกับสองคนนี้ นี่ช่วยหรือมาสร้างปัญหาเพิ่มเนี่ย?
สองเพื่อนสาวเป็นผู้นำ คนอื่น ๆ ในห้อง 314 ก็ตามด้วย
จากนั้นก็ลามไปถึงนักศึกษาคนอื่น ๆ
ถังหมิ่นหมิ่นไม่คิดเลยว่าจะมีคนปรบมือให้เสี่ยวเถียนมากมายขนาดนี้ มันทำให้เธอรู้ทันทีว่าตนเองอยู่รั้งท้ายอีกฝ่าย
จึงอดกำหมัดไม่ได้
การขัดเสี่ยวเถียนตอนนี้รังแต่จะทำให้มันยุ่งเหยิงกว่าเดิม แล้วถ้าทำมันจะกระทบต่อการแสดงด้วย!
สุดท้ายเสี่ยวเถียนรอกระทั่งเสียงปรบมือหยุดลง จากนั้นก็ว่าต่อ
“อาจารย์ฮั่วเสนอให้ฉันเป็นหัวหน้า แต่จริง ๆ แล้วฉันไม่เต็มใจจะเป็นเท่าไร ที่สำคัญคือฉันอายุน้อยที่สุดด้วย ควรได้รับการดูแลมากกว่านะ”
“แต่พอได้รับการสั่งสอนจากสหายถังหมิ่นหมิ่น ฉันก็ได้ทบทวนตัวแล้วว่าจะเห็นแก่ตัวไม่ได้ ควรคิดถึงการทำหน้าที่ในตำแหน่งให้มากกว่านี้ ฉันจะพาทุกคนให้ตั้งใจเรียนและให้ได้รับการยอมรับว่าเป็นเป็นนักศึกษาที่เก่งค่ะ!” เสี่ยวเถียนเอ่ยโดยไม่ลังเล
เสี่ยวเถียนอายุยังน้อย น้ำเสียงจึงยังเป็นเด็กอยู่ แต่ยามที่เอ่ยเช่นนั้นออกมามันทรงพลังมาก
นักศึกษาหลายคนต่างรู้สึกว่าแม้เขาจะอายุน้อยแต่ก็ยังมีความกล้าหาญ
พวกเขาเริ่มสนทนาเรื่องให้เสี่ยวเถียนเป็นหัวหน้าเป็นการส่วนตัวแล้ว
“เสี่ยวเถียน ฉันคิดว่าสิ่งที่ถังหมิ่นหมิ่นพูดก็สมเหตุสมผลนะ ถึงเธอจะฉลาดแต่ยังอายุน้อยเกินไป ในเวลาแบบนี้จะใช้อารมณ์ไม่ได้นะ!” ตอนนั้นเองที่อิ่นหรูอวิ๋นผู้สง่างามเอ่ยขึ้น
ให้พูดตรง ๆ ก็คือเสี่ยวเถียนกำลังสร้างปัญหา
แต่เสี่ยวเถียนไม่สนใจจะคุยด้วย เธอคนนี้มีความคิดผิดแปลกเยอะแยะไปหมด ใครแย้งก็ไม่ได้ ว่าง่าย ๆ คือ คนอื่นผิดหมดยกเว้นตัวเอง
“อิ่นหรูอวิ๋น ถ้าเธอคิดว่าฉันไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้ไว้เลือกลงคะแนนให้ถังหมิ่นหมิ่นก็ได้นี่!”
ประโยคเดียวขัดทุกสิ่งที่อิ่นหรูอวิ๋นตั้งใจจะพูดมาทั้งหมดเลย และเจ้าตัวไม่ยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ซูเสี่ยวเถียนแยกดีชั่วไม่ได้หรอก แต่พูดมาจนถึงจุดนี้แล้ว ยังไงก็ต้องเข้าไปพัวพันอยู่ดี ไม่งั้นก็คงถูกทิ้งไว้กลางทาง
อิ่นหรูอวิ๋นคิดอยู่ครู่หนึ่งเพื่อตัดสินใจไม่พูดแทนถังหมิ่นหมิ่น ก่อนเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ฉันไม่คิดว่าฉันจะเหมาะกับการเป็นหัวหน้าหรอก แต่น่าจะทำหน้าที่เป็นเลขาการประชุมได้ดีกว่า”
ในเมื่อคิดเช่นนี้ การหาเสียงจึงเป็นเรื่องสำคัญ
แต่ต่างตรงที่เธออ่อนโยนกว่าเสี่ยวเถียนราวกับสายน้ำ ทำให้ทุกคนอยากปกป้อง
หลังจากทั้งสามโยนอิฐล่อหยก*[1] คนอื่น ๆ ก็เริ่มแสดงความเห็นเพื่อเลือกหาคนมาเป็นหัวหน้า
ฮั่วซือเหนียนมองฉากอันวุ่นวาย อยากชื่นชมตัวเองเหลือเกินที่ฉลาดขนาดนี้ อืม ๆ พวกนักศึกษามีความสามารถในการเลือกหัวหน้าขยันขันแข็งขนาดนี้ แค่ด่านแรกก็ประสบผลสำเร็จแล้ว
ต่อไปก็แค่โหวตหัวหน้าในดวงใจของทุกคนซะ
สุดท้ายก็มีผู้เข้าสมัครตำแหน่งหัวหน้า 12 คน ที่จริงเราไม่จำเป็นต้องการคนทำหน้าที่เยอะขนาดนั้น
มีหัวหน้า รองหัวหน้า เลขาการประชุม กรรมการการศึกษา และกรรมการโฆษก และนี่คือทั้งหมด
ต้องมีผู้แพ้การโหวต 7 คน
ฮั่วซือเหนียนจัดให้มีการลงคะแนนเสียงแบบลับ ๆ โดยการเขียนชื่อคนที่ตัวเองชื่นชอบลงในกระดาษ
พวกนักศึกษาตื่นเต้นกันมาก
หลังจากผ่านการเลือกตั้งอันดุเดือด พอใกล้ ๆ เที่ยงผลการเลือกก็ออกมา
เสี่ยวเถียนได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้า ส่วนเลขาการประชุมคือหลี่ฉางเล่อคนที่สอบได้อันดับ 2 เธอเป็นหญิงสาวใบหน้ากลม ดูสดใสและมีชีวิตชีวามาก มีรอยยิ้มอ่อนหวานทำให้คนเห็นรู้สึกสบายใจ
เสี่ยวเถียนชอบเธอคนนี้มาก
ส่วนถังหมิ่นหมิ่นผู้กระตือรือร้นจะเป็นหัวหน้าแพ้การเลือกตั้ง
เหตุผลง่ายมาก นับจากคำนวณคะแนนเสียงนั่นเอง แต่ถึงจะไม่ได้เป็นหัวหน้าก็ยังเป็นรองได้อยู่
ถังหมิ่นหมิ่นผู้มีศักดิ์ศรีอันหนาเตอะ และทะนงตัวหนักหนาเป็นหัวหน้ามาตั้งแต่เด็กจนโต แล้วพอเข้ามหาวิทยาลัยกลับเป็นผู้แพ้ได้ยังไง?
เธอประกาศอย่างแน่วแน่ว่าเธอไม่เต็มใจที่จะรับตำแหน่งอื่นนอกจากเป็นหัวหน้า สุดท้ายก็แพ้ไป
นี่คือสิ่งที่เสี่ยวเถียนต้องการจะสื่อ
ถ้ามีรองหัวหน้าแบบนี้ งานคงไม่สำเร็จสักอย่าง
ส่วนอิ่นหรูอวิ๋นบอกว่าออกตัวว่าตัวเองร้องรำทำเพลงได้ จึงกลายเป็นกรรมการโฆษกไป
แม้จะผิดหวังแต่ก็รู้ว่าคะแนนตนเกือบรั้งท้ายด้วยซ้ำ ได้เป็นตำแหน่งนี้ก็ดีแล้ว
และโชคดีที่มันไม่ได้แย่ มีหน้ามีตากว่ากรรมการการศึกษาอีก ต้องทำหลายกิจกรรมด้วย ไม่กลัวส่งผลต่อการเรียนหรือไง?
เธอพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
[1] แสดงความเห็นตื้นเขิน เพื่อให้คนอื่นพูดในสิ่งที่เฉียบคมกว่า