บทที่ 768 ฉันเคยเจอพี่ชายเธอ
บทที่ 768 ฉันเคยเจอพี่ชายเธอ
เสี่ยวเถียนอาจกำลังหลีกเลี่ยงที่จะได้เจออิ่นหรูอวิ๋นอยู่ก็ได้ การที่อีกฝ่ายไม่มาที่นี่เป็นเรื่องที่ดีมาก
“ฉันคิดว่าพวกเธอน่าจะใช้เวลาสักพักถึงจะมาเสียอีก” เสี่ยวเถียนยิ้มแล้วกวักมือเรียกเพื่อนให้เดินเข้าไปในลานบ้าน
“เสี่ยวเถียน พวกเรากำลังคิดอยู่เลย เราละอายใจเกินกว่าจะมากินเฉย ๆ เลยอยากมาก่อนเผื่อมีอะไรให้พวกเราช่วยน่ะ” ฉู่เยว่ยิ้มแล้วดึงมือเพื่อนเอาไว้
“ยินดีจ้ะ ตอนนี้ฉันกับพี่กำลังล้างผักกันอยู่น่ะ เดี๋ยวจะมีเพื่อน ๆ ของพี่มากอีก ฉันมีงานให้พวกเธอช่วยเพียบเลย” เสี่ยวเถียน
เธอยิ้มอย่างไร้เดียงสาราวกับว่าเป็นเด็ก ๆ มันทำให้เด็กสาวที่อายุมากกว่าเอ็นดูกับท่าทางนั้นไม่น้อย
“ไม่เป็นไร ๆ พวกเรามาแล้ว แค่บอกมาก็พอว่ามีอะไรให้ทำบ้าง?” หลี่เจี้ยนหงว่าก่อนส่งถุงตาข่ายในมือให้เสี่ยวเถียน
ตามด้วยเฉียนเสี่ยวเป่ย และฉีเสี่ยวฟางที่ส่งถุงตาข่ายผลไม้กับเป็ดย่างให้
“เสี่ยวเถียน ฉันเพิ่งมาเป็นแขกครั้งแรกไม่รู้ว่าต้องเอาอะไรมาบ้าง เลยซื้อผลไม้มาให้น่ะ” เฉียนเสี่ยวเป่ยพูดเสียงแผ่วจนแทบจะไม่ได้ยิน
“มาแค่ตัวกันก็พอแท้ ๆ ยังหิ้วของขวัญมากันอีกนะ!”
แม้จะพูดอย่างนั้น แต่เธอก็ไม่เกรงใจหยิบถุงจากคนทั้งสองไปทันที
ตั้งแต่เข้าประตูมาก็รู้เลยว่าฐานะบ้านเสี่ยวเถียนคงดีจริง ๆ และตอนนี้กำลังนึกกลัวอยู่ว่าอีกฝ่ายจะไม่ชอบของที่พวกเธอเอามาให้ กระทั่งเพื่อนรับไปจึงสบายใจได้ในที่สุด
เสี่ยวเถียนไม่ได้หักหาญน้ำใจกันขนาดนั้น การใช้ชีวิตอยู่ในสังคมก็แบบเนี้ยแหละ เหล่าบรรพบุรุษพูดเสมอเลยว่า การแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันเป็นสิ่งที่ดี
ถ้ามีคนเอาของขวัญมาให้ที่บ้านแล้วปฏิเสธ ฝ่ายนั้นอาจจะคิดว่าเราดูถูกอยู่หรือเปล่า? ยิ่งกับหลี่เจี้ยนหงและเฉียนเสี่ยวเป่ยที่มาจากชนบททั้งคู่ จึงไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเท่าไหร่นัก พอเสี่ยวเถียนรับมันไว้ตามมารยาท ทั้งสองจึงมีความกล้าที่จะสนิทกับเพื่อนมากขึ้น
เสี่ยวเถียนคิดเหมือนกันแต่ไม่ได้พูดอะไร ต่อให้ไม่คิดอะไรเธอก็แค่อยากให้เพื่อน ๆ ประหยัดเงินนิดหน่อยเท่านั้นเอง เรารับของมาก่อนแล้วกัน ไว้ค่อยหาทางตอบแทนคืนในคราวหลัง ส่งของให้กันไปมาแบบนี้ความสัมพันธ์จะได้แน่นแฟ้นกว่าเดิมด้วย
ตอนนั้นเอง ซูอู่ร่างผู้ล้างเนื้อเสร็จจึงลุกขึ้นยืน
เขาสวมเครื่องแบบทหาร พับแขนเสื้อขึ้น สวมผ้ากันเปื้อนลายดอกไม้ยืนอยู่ต่อหน้าสาว ๆ
เยี่ยมมาก! เขาทำให้เพื่อนน้องทำตัวไม่ถูก
ทำไมน่ะเหรอ?
เพราะหน้าตาคุ้น ๆ กันยังไงล่ะ เดิมทีพวกเธอไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเสี่ยวเถียนกับอู่ร่างอยู่แล้ว แต่ถึงจะรู้ก็ต้องมีงงกันบ้างล่ะ
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลากำลังล้างผักให้ดู ต่างจากภาพลักษณ์ครูฝึกที่ลงโทษพวกเธอก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง วันนี้เขาอ่อนโยนกว่ามาก
เสี่ยวเถียนเฝ้ามองภาพตรงหน้า ก่อนจะตบหัวตัวเองเบา ๆ เธอคิดว่าเพื่อนตกใจที่เห็นครูฝึกในบ้านเธอ
“เดี๋ยวฉันแนะนำให้ทุกคนรู้จักนะ เขาเป็นพี่ชายฉันเอง ชื่อซูอู่ร่างน่ะ”
“เสี่ยวเถียน ทำไมฉันรู้สึกเหมือนเคยเจอเขาเลยล่ะ?” ฉีเสี่ยวฟางสาวผู้โง่เขลาเอ่ยถาม
จากนั้นก็นึกได้ว่าตนถามอะไรไม่เหมาะออกไปหรือเปล่านะ? จึงอธิบายทันที
“ฉันไม่ได้มีเจตนาอื่นนะ แค่รู้สึกว่าเคยเจอมาก่อนเท่านั้นน่ะ!”
ยิ่งพูดก็ยิ่งดูร้อนรนแปลก ๆ นะ
“เสี่ยวฟาง เธอรู้จักพี่เขาแต่แรกแล้ว เขาเป็นครูฝึกของพวกเราในวันแรกไง!” เสี่ยวเถียนหัวเราะ
เธอมองเพื่อนที่ทำหน้าตาเคอะเขิน ก่อนจะอธิบายเพื่อไม่ให้สับสนกว่าเดิม ดวงตาสาวเจ้าเบิกกว้างด้วยความตกใจ คนตรงหน้าคือครูฝึกในวันแรกที่ชื่อซูอู่ร่างงั้นเรอะ?
อันที่จริงครูฝึกแนะนำตัวให้ฟังแล้ว แต่คนเปิ่น ๆ แบบเธอไม่ได้สนใจเรื่องอื่นนอกจากเรื่องกินเลย จึงจำชื่ออีกฝ่ายไม่ได้ด้วยซ้ำ
ตอนนี้เองที่เสี่ยวเถียนรับรู้ได้ว่าเพื่อนตนเองไม่รู้จักพี่ชายตนเองจริง ๆ แบบนี้เลยอดมองไปที่เขาไม่ได้ พี่ห้าหล่อมาก ร่างกายสูงใหญ่ อีกทั้งยังเป็นทหาร เกิดมาเพื่อเป็นที่หมายปองของสาว ๆ ด้วยซ้ำ แล้วทำไมพอถึงคราวจริงกลับไม่เหมือนที่คิดไว้เลย?
หรือพี่จะไม่เป็นที่สนใจของพวกผู้หญิงเหรอ? ถ้าเป็นงั้นจริงก็แย่แล้วสิ!
เสี่ยวเถียนลอบคิดกับตัวเอง หลังจากอู่ร่างทักทายเพื่อนน้องก็ยังรู้สึกเกร็ง ๆ อยู่
ในฐานะผู้ชาย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรวางมือไม้ยังไงต่อหน้าสาว ๆ
เขาอยู่โรงเรียนทหารถึงจะมีผู้หญิงแต่ก็หาได้ยาก แล้วตอนนี้มาพร้อมกันทีเดียวหลายคนจึงสับสนว่าจะทำยังไงดี!
“เสี่ยวเถียน พี่ไปหาย่าก่อนนะ” ว่าจบก็วิ่งหนีทันที
ทำไมท่าทางพี่เขาเหมือนกำลังหนีจากสถานการณ์สิ้นหวังเลยนะ?
สรุปแล้วมันทำไมกันล่ะเนี่ย?
โดยที่ไม่รู้เลยว่า จริง ๆ แล้วพี่ชายตนนั้นเป็นคนขี้อายจริง ๆ ก็เลยวิ่งหนีไป
“จริง ๆ เล้ย ยังไม่ได้ถามด้วยซ้ำว่าเพื่อนพี่จะมาตอนไหน”
เธอพึมพำ
“เสี่ยวเถียน เพื่อนพี่ชายเธอก็คือครูฝึกของพวกเราเหรอ?” จ้าวหงเหมยถาม
“ใช่จ้ะ พี่ชายกับเพื่อน ๆ จะกลับพรุ่งนี้น่ะ ก็เลยชวนเพื่อนมากินข้าวที่บ้านวันนี้” เสี่ยวเถียนยิ้มนิด ๆ
“ถ้างั้นเราต้องรีบเตรียมอาหารแล้วล่ะ” ฉู่เยว่รีบบอก
ถึงจะไม่รู้ว่าสมาชิกคนอื่น ๆ ในบ้านเสี่ยวเถียนหายไปไหน แต่การพึ่งพาเพื่อนแค่เพียงคนเดียวมันคงเป็นไปไม่ได้กับการเตรียมอาหารสำหรับคนหลายสิบคนหรอกนะ
คนอื่น ๆ คิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน
“ไม่เป็นไรจ้ะ พี่ฉันกำลังไปยกอาหารมาน่ะ คุณย่าน่าจะเตรียมอาหารไว้เยอะแยะเลย ส่วนที่เหลือฉันวางแผนไว้แล้ว เราจะทำหม้อไฟและปิ้งย่างกินกัน”
เสี่ยวเถียนว่าพลางชี้ไปยังโต๊ะใหญ่สองตัวกลางลาน และมีหม้อทองแดงขนาดใหญ่วางอยู่บนนั้น
มันเป็นหม้อที่ทำขึ้นพิเศษ ใหญ่กว่าหม้อธรรมดามาก เหตุผลก็ไม่มีอะไร ที่บ้านเรามีสมาชิกเยอะ หม้อที่ใช้กันปกติมันเล็กเกินไป และตอนี้มันก็มีประโยชน์จริง ๆ
ทุกคนมองมัน จริงด้วยสินะ?
“ดีจังได้กินหม้อไฟ ฉันชอบมากเลย” จ้าวหงเหมยยิ้ม
“ฉันเตรียมเนื้อแกะ เนื้อวัว เนื้อกวาง หมูสามชั้นแล้วก็ไก่อีกสองตัวเองไว้ด้วย ที่เหลือเป็นผักกับเห็ดจ้ะ” เด็กสาวชี้ตะกร้าที่วางอยู่ ในนั้นเต็มไปด้วยผักสดมากมาย ทั้งสดทั้งใหม่ แค่มองก็รู้สึกน้ำลายสอ
“งั้นมาช่วยกันล้างผักนะ!” เฉียนเสี่ยวเป่ยเอ่ยปากขอช่วยเหลือ
คนอื่น ๆ ก็มาช่วยกันทำ
เสี่ยวเถียนมองเพื่อนแย่งกันทำงาน จากนั้นก็นึกได้ว่าทำไมคนมักจะพูดว่า ยิ่งคนเยอะก็ยิ่งมีพลังมากเท่านั้น และมันก็จริงอย่างที่ว่า ดูสิ ไม่นานนักผลไม้ก็ถูกจัดเรียงใส่จาน ส่วนผักที่ล้างสะอาดแล้วถูกจัดวางเรียงแยกตามชนิด