บทที่ 829 ไม่ใช่คนโง่หรอกเหรอ
บทที่ 829 ไม่ใช่คนโง่หรอกเหรอ
เพราะแบบนั้น เหมาเสี่ยวหมิงจึงไม่เคยให้ความเคารพเสิ่นจื่อเจินเลย ตอนได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงตัวเองอย่างหยาบคายก็โมโหมาก
“นายกเหลียง ผมไม่ได้ทำเรื่องอะไรไม่ดีทั้งนั้น แค่ออกไปข้างนอกไม่กี่วันเอง มีอะไรจึงต้องทำเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้ด้วย?”
เหมาเสี่ยวหมิงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม เพราะคิดว่าเสิ่นจื่อเจินเก่งในการสร้างปัญหาจริง ๆ
เสิ่นจื่อเจินได้ยินเช่นนั้นก็โมโหจนลุกพรวดหมายจะออกไป
แต่เลขาอันคว้าตัวเขาเอาไว้ได้
“อาจารย์เสิ่นครับ ถ้ามีเรื่องอะไรไว้กินข้าวเสร็จแล้วคุยกันนะครับ”
นายกเหลียงก็รีบร้อนโน้มน้าวด้วยเช่นกัน
ที่จริงเขาเองก็คิดว่าแค่หยุดไม่กี่วันมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก สั่งสอนสักหน่อยก็พอแล้ว แต่ทุกคนรู้ว่าเหมาเสี่ยวหมิงมาที่ฐานวิจัยเพื่อเอาเงินและถือโอกาสศึกษาไปด้วย ไม่ใช่มาทำงาน
ไม่งั้นมันก็คงไม่มีเรื่องเกิดขึ้นกับครอบครัวอันหรงหัวหรอก
เห็นคนพวกนี้คิดจะปกป้องเหมาเสี่ยวหมิง ความโกรธเสิ่นจื่อเจินยิ่งทวีคูณ ตอนนี้เขาไม่ได้มีใจจะกินข้าวด้วยซ้ำ โมโหซะขนาดนี้จะกินข้าวลงได้ยังไง!
ไม่ว่าคนพวกนี้มาจากตำบลก็ดี หมู่บ้านก็ดี พวกเขาคงไม่ได้ฮั้วกันหรอกนะ
เสี่ยวเถียนคาดเดาได้ว่าสิ่งที่ทำลุงเขยโมโหไม่ใช่เหมาเสี่ยวหมิงหยุดหรอกนะ แต่ฝ่ายนั้นต้องทำสิ่งที่ยอมไม่ได้แน่นอน
แถมเจ้าตัวก็ดูไม่แยแสอะไรด้วย
กินข้าวแล้วกัน!
แค่ได้กลิ่นก็รู้แล้วว่าวันนี้บ้านเลขาอันทำของอร่อย แสดงให้เห็นว่าทุ่มเทกับการทำอาหารในครั้งนี้มาก
เหมาเสี่ยวหมิงคิดว่า หลายวันมานี้ตนใช้พลังงานเยอะเหลือเกิน ในที่สุดก็มีโอกาสได้กินอาหารบำรุงแล้ว
คิดได้เช่นนั้นเขาทรุดตัวลงนั่งแล้วเอนหลัง ทำท่าราวกับตนเองคือที่หนึ่งของโลก ไม่ปรายตามองใครสักคน
ก่อนเอ่ยกับเลขาอันอย่างไม่เกรงใจ “เลขาอัน ถ้ามีอาหารอร่อยอะไรก็รีบ ๆ เอาออกมาสักที หิวจะตายอยู่แล้ว!” จากนั้นก็ยักคิ้วกวนประสาทใส่เสิ่นจื่อเจิน
แค่อยากให้เสิ่นจื่อเจินรู้ว่าคนหนุนหลังของตนต่อกรด้วยยากมาก!
สีหน้าเลขาอันกลายเป็นเรียบนิ่งทันที จากนั้นก็ไม่ได้แสดงอารมณ์ออกมาเลย เหมาเสี่ยวหมิงมันโง่หรือเปล่า? คิดว่าตัวเองมีอำนาจเพราะลุงเป็นเลขาธิการเหรอ?ตำแหน่งแค่นั้นจะสามารถสู้พายุลูกใหญ่จากเมืองหลวงได้หรือไง?
ถึงฐานวิจัยจะสร้างขึ้นที่นี่ แต่คนที่ตัดสินใจไม่ใช่สิ่งที่ผู้นำในตำบลเล็ก ๆ นี้จะตัดสินใจได้หรอกนะ เหตุผลหลักคือได้รับการสนับสนุนจากเบื้องบน
ตรงนี้เลขาอันพอจะเดาได้จากที่เคยได้ยินมา เลขาธิการท่านนี้ไม่ได้รับผลประโยชน์ใด ๆ นอกจากให้หลานชายเข้ามารับเงินเดือนเฉย ๆ ใช้ชีวิตมาครึ่งค่อนชีวิตก็ยังมีวิสัยทัศน์แบบนี้อยู่
เสี่ยวเถียนมองเหมาเสี่ยวหมิงด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ เธอไม่เคยเห็นใครโง่ได้เท่าเจ้านี่มาก่อนเลย ถ้าเด็กสามสี่ขวบทำก็ว่าไปอย่าง แต่คนคนนี้อายุยี่สิบกว่าเลยนะ!
“กินข้าว ๆ ไว้ค่อยคุยกัน! อาจารย์เสิ่นนั่งลง สงบใจก่อนเถอะครับ!” เลขาอันพยายามทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลง
“ผมกลับก่อนแล้วกัน!” ว่าจบก็เหลือบมองสองหลานแล้วหมุนตัวเดินจากไป
ผู้ใหญ่ไปแล้ว เป็นธรรมดาที่สองพี่น้องจะไม่อยู่ต่อ แต่เราออกไปเฉย ๆ ไม่ได้ จึงได้แต่เอ่ยขอโทษแล้วจากไป
สองพี่น้องเดาความคิดเสิ่นจื่อเจินออก ถ้าต้องกินข้าวร่วมโต๊ะกับคนโง่อย่างเหมาเสี่ยวหมิง มันมีแต่จะหิวมากขึ้นเท่านั้น!
เห็นทั้งสามออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว เลขาอันได้แต่ยืนสับสน
มื้ออาหารวันนี้ ซูเสี่ยวเถียนเป็นแขกผู้มีเกียรติ ส่วนเสิ่นจื่อเจินและซานกงเป็นตัวหลักที่ถูกเชิญมาด้วย แต่ตอนนี้แขกผู้มีเกียรติกลับไป แถมตัวหลักก็ยังกลับไปด้วย ทิ้งคนที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกันไว้ข้างหลัง
แต่เขาก็ไม่สามารถโทษคนที่เหลือได้หรอก
เลขาอันพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง อยากจะตามไปแต่หัวหน้ายังอยู่ที่นี่มันเลยเป็นเรื่องยากมาก
“เลขาอัน ฉันคงต้องรบกวนคุณส่งอาหารมื้อนี้ไปที่ฐานวิจัยด้วยนะ อาจารย์เสิ่นอารมณ์ไม่ดี เดี๋ยวฉันไปดูเอง”
นายกเหลียงค่อนข้างฉลาด เลยคิดวิธีแก้ปัญหาได้ทันควัน
เขากลัวด้วยซ้ำว่าเหมาเสี่ยวหมิงจะตามไปด้วย ก็เลยเอ่ยเตือน “พวกคุณอยู่ที่นี่แหละ นั่งกินข้าวกับเหมาเสี่ยวหมิงไปนะ!”
เหมาเสี่ยวหมิงที่โกรธจนหน้าดำหน้าแดง กำลังคิดอยู่ว่าควรคุยกับลุงดีไหม มันมีกฎหมายอะไรหรือเปล่า?
ดูแต่ละคนสิ ไม่เห็นหัวเขาด้วยซ้ำ แบบนี้ก็คงไม่เห็นหัวลุงเหมือนกันล่ะมั้ง?
กลับไปต้องให้แกไปจัดการเสียหน่อย จะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นเจ้าถิ่น!
“ท่านนายกคิดจะทำลายมิตรภาพระหว่างเราเพียงเพราะคนนอกเหรอ?” เหมาเสี่ยวหมิงเอ่ยคุกคาม
นายกเหลียงยกยิ้ม “ผู้มาเยือนคือแขกของเรา และฉันไม่มีเหตุผลที่จะเมินเฉยพวกเขาเพื่อประโยชน์เจ้าบ้านหรอกนะ”
ฟังเผิน ๆ คือไว้หน้าเหมาเสี่ยวหมิงโดยแท้ และเจ้าตัวก็รู้สึกได้ว่าตัวเองกลับมามีตำแหน่งกับเขาบ้างแล้ว
ส่วนอาหารที่จะเอาไปส่งให้ เขาไม่มีปัญหาแล้ว
ที่เหลือเก็บไว้กินคนเดียวก็พอ!
เลขาอันให้ทุกคนนั่งแล้วแบ่งอาหารเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งตั้งที่โต๊ะใต้ต้นหอมหมื่นลี้ อีกส่วนใส่กล่องอาหารแล้วเอาไปส่งอาจารย์เสิ่น
นอกจากนี้ยังเก็บมะเขือเทศและแตงกวาจากแปลงผักตัวเองใส่ตะกร้าลงไปด้วย จากนั้นก็เอาไปให้นายกเหลียง
ท่านายกพึงพอใจกับความรอบคอบของเลขาอันนัก ก่อนยกยิ้มขอบคุณ
“สมกับเป็นคุณจริง ๆ”
“ท่านก็พูดเกินไป นี่คือของพิเศษในชนบทเราเลยนะครับ” เลขาอันหัวเระาเบา ๆ
ที่เขาสามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งเลขานุการหมู่บ้านได้เพราะมีความสามารถอยู่บ้าง ยิ่งกับสถานการณ์ในตำบลที่ละเอียดอ่อนด้วย เขาสามารถรับมือได้อย่างง่ายดายเลย แค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่ธรรมดา
นายกเหลียงมีหน้าที่ไปฐานวิจัย ส่วนคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้ไปก็ไม่ได้พูดจากันสักนิด หวังว่าของที่เอาจะทำให้คนรับรู้สึกสบายใจขึ้น
โดยเฉพาะกับอาจารย์เสิ่นที่อารมณ์ไม่ดี เขายิ่งต้องระวังให้มาก!
“ท่านนายก ผมพาท่านไปดีกว่า”
“เลขาอันหาคนไปกับฉันก็พอแล้ว คุณอยู่บ้านรับแขกเถอะ”
นายกเหลียงว่าพลางบุ้ยปากไปทางเหมาเสี่ยวหมิง ความหมายชัดเจนมาก ดูเหมาเสี่ยวหมิงดี ๆ
เลขาอันเข้าใจได้ก่อนจะเรียกลูกชายคนเล็กมาช่วยนำทางนายกเหลียงไป
“ลูกพานายกเหลียงไปฐานวิจัยแล้วค่อยกลับมานะ”
เขาขยิบตาให้ลูก
ลูกชายตระกูลอันฉลาด เขาเข้าใจสิ่งที่พ่อหมายถึง และพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ระหว่างทาง เจ้าลูกชายก็บอกเรื่องที่เหมาเสี่ยวหมิงทำในช่วงนี้ให้นายกเหลียงได้ฟัง