บทที่ 989 เป็นเพื่อนกันไม่ได้
บทที่ 989 เป็นเพื่อนกันไม่ได้
“ใช่หออีหมิงที่ฉันรู้จักหรือเปล่านะ?”
“ใช่อยู่แล้วละ ร้านอาหารที่ชื่อหออีหมิงในเมืองหลวงเป็นของครอบครัวเสี่ยวเถียนทั้งสองแห่งเลย” เซี่ยหนานอธิบายด้วยรอยยิ้ม
ไม่ใช่แค่เคยได้ยินชื่อนี้นะ ชุยถงหลานยังไปบ่อยเลยด้วย
“อาหารของหออีหมิงราคาไม่แพงเลย รสชาติดีมาก สุขอนามัยยังดีอีกต่างหาก”
ชุยถงหลานเอ่ยชม
“ขอบคุณพี่ถงหลานที่ชอบนะคะ ไว้รอบหน้าหนูให้บัตรส่วนลดกับพี่นะ!”
นี่เป็นสิ่งที่เสี่ยวเถียนคิดเอาไว้
ช่วงนี้ในเมืองหลวงมีร้านอาหารเปิดมากขึ้นเรื่อย ๆ การแข่งขันจึงสูงตาม ร้านหลาย ๆ แห่งกำลังแข่งกับร้านของเราอยู่
ถ้าเธอไม่คิดเปลี่ยนแปลงหรือเชิญชวนลูกค้า ก็เป็นไปได้ว่าจะตกกระป๋องในที่สุด
เพราะอย่างนั้นเธอก็เลยคิดเรื่องบัตรสมาชิกขึ้นมา
อนาคตหออีหมิงจะกลายเป็นธุรกิจค้าปลีกแบบลูกโซ่*[1] โดยมีการใช้บัตรสมาชิก ซึ่งทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับสินค้าราคาพิเศษ ความสะดวกสบายในการซื้อสินค้าจากร้านค้าสาขาใดก็ได้ เชื่อเถอะว่าสิ่งนี้จะเรียกลูกค้าได้แน่นอน
ถ้าใช้วิธีนี้ร้านต้องพัฒนาได้แน่ แต่ปัญหาคือยังไม่มีวัสดุและสถานที่ในการทำบัตรสมาชิกเนี่ยสิ
ชุยถงหลานได้ยินก็ดีใจมาก
“งั้นพี่ไม่เกรงใจแล้วกัน พี่ชอบรสชาติของร้านมากเลย ต่างจากฝีมือของเชฟในวังอยู่นะ เชฟที่หออีหมิงคงไม่ได้มาจากวังหรอกเนอะ”
เสี่ยวเถียนหัวเราะ
พี่เขาประเมินร้านเราไว้สูงจริง ๆ
“พี่ถงหลาน แม่ครัวที่ร้านเป็นคุณย่าหนูเองค่ะ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนในวังหรอก”
“แบบนี้นี่เองเหรอเนี่ย งั้นก็คงสืบทอดกันมาใช่ไหม?”
เมื่อก่อนเราลำบากกันมาก ขอแค่ได้มีอาหารให้กินก็พอแล้วไม่ได้ใส่ใจเรื่องรสชาติ สีสันอะไรหรอก
นอกจากคนที่ทำอาหารเป็น คนอื่น ๆ ก็ไม่ได้สนใจหรอก
เสี่ยวเถียนไม่รู้จะตอบยังไงดี
เธอไม่รู้ว่าฝีมือคุณย่าเป็นการสืบทอดต่อกันมาหรือเปล่า แต่คิดว่าคงไม่
เพราะถ้าเทียบกับเชฟคนอื่น ๆ ย่าไม่ได้เล่าเรียนเฉพาะทางมาหรอก
“มันเป็นแค่อาหารท้องถิ่นฝีมือชาวเกษตรกรเองค่ะ แล้วก็เอามาผสมผสานกับเอกลักษณ์ของอาหารพื้นที่อื่น ๆ”
หลังจากคิดอยู่นานสุดท้ายก็หาคำตอบได้
ตำรับอาหารส่วนใหญ่ที่ย่าทำล้วนเป็นสิ่งที่เธอจัดเตรียมไว้ให้
และหลังจากที่ได้ศึกษาและทดลองหลาย ๆ ครั้ง รสชาติจึงได้รับการยกระดับขึ้นไปอีก
ชุยถงหลานยิ้ม “ตำรับอาหารของร้านคงไม่ได้มีแค่อย่างเดียวแน่ ๆ เพราะมีการผสมผสานจุดเด่นจากอาหารหลายร้อยอย่างเลย ทั้งอาหารกวางตุ้ง อาหารเสฉวน อาหารซานตง และอาหารหวยหยาง ล้วนแต่มีรสชาติเป็นของตัวเองจึงไม่เหมือนกันเสียทีเดียว”
อาหารของท่านเปิดสอนได้เลยนะเนี่ย
เสี่ยวเถียนไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีความรู้ด้านอาหารขนาดนี้ ถ้าไม่ได้เรียนสายนี้มา ก็คงมีความเป็นไปได้ว่าเจ้าตัวเคยลิ้มลองมาทั้งหมดแล้วนั่นเอง
ดูจากที่อยู่ก็เดาได้แล้วว่าพี่สวยคนนี้คงร่ำรวยอยู่ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนด้วยซ้ำ
ถึงบ้านเราจะอยู่เมืองหลวงมาหลายปี แต่มันไม่มีสถานที่ที่เราจะย่างกรายเข้าไปได้เลย
เดาได้ว่าครอบครัวของสามีชุยถงหลาน น่าจะร่ำรวยและมีหน้ามีตาแน่นอน
เมืองหลวงเป็นดินแดนที่มีคนทุกรูปแบบจริง ๆ และคนประเภทนี้ก็เป็นกลุ่มที่ไม่เคยขาดแคลนเลยแม้แต่น้อย
ตลอดสิบปีมานี้ ตระกูลของเขาคงสามารถรักษาสถานะไว้ได้แน่ ๆ เพราะหลังจากที่มีการใช้นโยบายจึงสามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องโดยที่ตำแหน่งยังคงเดิม คุ้มค่าให้คนอื่น ๆ เรียนรู้มาก
อย่างที่เดาไว้เลย ครอบครัวฝั่งสามีของชุยถงหลานหรือตระกูลกู้ค่อนข้างมีอำนาจในเมืองหลวง
นอกจากนี้ยังมีวิสัยทัศน์ด้วยนะ
เพราะตระหนักได้ถึงปัญหาจึงดำเนินการตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยการส่งลูกหลานออกไปยังชนบท
ถึงจะน่าเจ็บปวด แต่มันคุ้มพอให้รักษาตระกูลไว้ได้ ทั้งยังนำสันติมาสู่ครอบครัวอีก
สามีชุยถงหลานถูกส่งไปตะวันตกเฉียงเหนือ
ครอบครัวฝั่งชุยถงหลานหรือตระกูลชุย เป็นตระกูลเล็ก ๆ ในชนบท แต่มีอำนาจในพื้นที่มาก
สองตระกูลที่มีภูมิหลังคล้ายคลึงกันได้ปรองดองกันในที่สุด
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมตัวเธอกับสามีถึงกลับมาเมืองหลวง
เพราะถ้าอ้างอิงจากนโยบายแล้ว ตัวชุยถงหลานก็ไม่สามารถกลับมากับสามีได้
มียุวชนตัดสินใจหย่าเพื่อที่ตัวเองจะได้กลับมาเมืองหลวงอีกครั้ง
ตรงกันข้ามกับชุยถงหลานที่ครอบครัวมีภูมิหลังมากพอ เธอกับสามีคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สาวเจ้าจึงกลายเป็นผู้หญิงโชคดี
“พี่ถงหลาน หนูอยู่ที่ร้านช่วงวันหยุดนะคะ พี่มาหาหนูได้”
ถ้าบ้านพี่เขาไม่ธรรมดา งั้นเสี่ยวเถียนไม่ไปหาแล้วดีกว่า
ให้อีกฝ่ายมาหาแทนน่าจะดีที่สุด
ชุยถงหลานมีจิตวิญญาณอันกล้าหาญของคนตะวันตกเฉียงเหนือ และสนใจในตัวเสี่ยวเถียนมาก
เสี่ยวเถียนฝานมะเขือเทศออกครึ่งหนึ่งแล้วยื่นให้กู้อวี่ลูกชายวัยสองขวบของพี่สาว
เจ้าตัวเล็กหยิบเข้าปาก กินอย่างมีความสุข
“ได้จ้ะ ไว้พี่ว่าง ๆ จะไปหานะ”
จากนั้นเธอก็ยื่นแป้งทอดให้ชุยถงหลานกับเซี่ยหนาน
สายตาเหลือบมองอิ่นหรูอวิ๋นที่นอนอยู่ใกล้ ๆ ไม่รู้นึกคึกอะไรถึงหยิบแป้งทอดมาอีกแผ่น
“กินด้วยกันสิ!”
ถึงจะไม่ชอบอิ่นหรูอวิ๋น แต่ก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่มีข้าวให้กินแล้ว
และมันก็จริง ขนมปังสองแผ่นสุดท้ายเจ้าตัวเพิ่งกินหมดไปเมื่อเช้า
เธออยากไปซื้ออาหารของรถไฟนะ แต่ไม่อยากกินอาหารรสชาติแบบนั้นน่ะ
ยิ่งเอามาเปรียบเทียบกับของอร่อยที่เสี่ยวเถียนกินอยู่ ทำเอาหมดความอยากไปเลย
อิ่นหรูอวิ๋นรับแป้งทอดมา ไม่รู้จะพูดอะไรดี
เธอกำลังนึกแปลกใจอยู่ว่าทำไมถึงให้กัน
ขณะที่จะเอ่ยด้วยความเกรงใจ ก็ได้ยินเสี่ยวเถียนพูดเสียงเย็น
“ไม่ต้องพูดจาสุภาพหรอก เราสองคนโดนลิขิตให้เดินคนละเส้นทางอยู่แล้ว ไม่มีทางเป็นเพื่อนกันได้หรอก”
ถ้าเป็นตัวอิ่นหรูอวิ๋นเมื่อก่อนคงไม่พอใจแล้วละ
แต่ตอนนี้ความคิดเธอเปลี่ยนไปแล้ว จึงไม่คิดสนใจ
เจ้าตัวคลี่ยิ้มจาง ๆ
เสี่ยวเถียนกลับไปเปิดขวดโหล แล้วเชิญคนอื่น ๆ ให้ทาซอสลงไปได้ตามต้องการ ใส่แตงกวาลงไปด้วย รสชาติอร่อยมาก
แตงกวาทำให้ความมันลดลง และรสชาติอันเข้มข้นของซอสชดเชยความจืดชืดของตัวแป้งและแตงกวาได้!
หลังจากอิ่นหรูอวิ๋นกัดเข้าไป เธอก็รู้สึกตื้นตันอยู่ในใจลึก ๆ
ต่อให้ผ่านไปหลายปีก็ยังจำรสชาติในวันนี้ได้!
[1] ธุรกิจค้าปลีกแบบลูกโซ่ (Chain Store) หมายถึง ร้านค้าที่มีสาขาดำเนินการมากกว่าหนึ่งสาขาขึ้นไป ซึ่งจะจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เหมือนกันภายใต้ชื่อหรือสัญลักษณ์ของร้านเดียวกัน
++++++++++++++++++++++++++++