บทที่ 1019 แทงใจดำซูเสี่ยวซื่อ
บทที่ 1019 แทงใจดำซูเสี่ยวซื่อ
สองพี่น้องคู่นี้นิสัยต่างกันมาก
เวลาเสี่ยวเถียนหาเงินได้ เธอจะไม่ลืมสร้างความสุขให้กับตัวเองด้วย
เพราะเด็กสาวไม่คิดว่ามันแปลกตรงไหนหากจะเอาเงินมาใช้สร้างความสุขสบาย
ระยะทางไปร้านกินข้าวค่อนข้างไกล ระหว่างนั้นฉืออี้หย่วนจึงเล่าเรื่องประวัติความเป็นมาจากอุทยานชิงอีมาเป็นพระราชวังฤดูร้อนให้ฟัง
“พอสวนแห่งนี้โดนทำลาย ซูสีไทเฮาก็เอาเงินของกองทัพเรือมาซ่อมแซมแล้วเปลี่ยนชื่อเป็น ‘พระราชวังฤดูร้อน’ ซึ่งหมายถึง ‘สถานที่ที่ไทเฮาพักผ่อนหย่อนใจ’ น่ะ แต่ในความเป็นจริงเมื่อเผชิญหน้ากับอำนาจของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ที่ได้รับความรุ่งโรจน์นานัปการ จะยอมปล่อยอำนาจไปง่าย ๆ ได้ยังไงกันล่ะ?”
อำนาจทำให้จิตใจคนสับสน มีกี่คนแล้วที่โดนมันครอบงำจนตกเป็นทาสในที่สุด
“สุดท้ายพระราชวังฤดูร้อนจึงไม่ได้เป็นสถานที่สำหรับซูสีไทเฮา แต่นางต้องไปอยู่ที่พระราชวังต้องห้ามแทน ซึ่งเป็นศูนย์กลางกิจกรรมทางการเมืองและทางการทูตที่สำคัญ ส่วนพระราชวังฤดูนร้อนไว้คุมขังฮ่องเต้แทน”
คริสติน่าส่ายหัว
แต่เธอไม่ใช่เด็กน้อยผู้ไม่เข้าใจเรื่องราว
ในตระกูลใหญ่ ๆ จะมีการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจกันอยู่
ยิ่งเป็นอำนาจของกษัตริย์ไม่ว่าใครก็ต้องการทั้งนั้น
“จุดชมวิวและอาคารส่วนใหญ่ที่เห็นอยู่ตอนนี้ได้รับการบูรณะในภายหลัง แน่นอนว่าพวกเราพยายามรักษาให้คงเดิมมากที่สุด”
เสี่ยวเถียนรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าพี่อี้หย่วนจะรู้เช่นกัน
เธอมีระบบห้องสมุดเป็นของตัวเอง และเป็นนักอ่านตัวยง หลายปีที่ผ่านมาเธออ่านหนังสือมาแล้วทุกประเภท
ตั้งแต่ดาราศาสตร์ไปจนถึงภูมิศาสตร์ จากโบราณวัตถุไปจนถึงเศรษฐศาสตร์ จากคัมภีร์ขุนเขาและท้องทะเลไปจนถึงหนังสือศึกษาเส้นทางน้ำ ไม่มีประเภทไหนที่ไม่เคยอ่านเลย
แล้วฉืออี้หย่วนรูัได้ยังไงกัน?
แต่ก็นึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนธรรมดา จะรู้ก็ไม่แปลก
คริสติน่ามองชายหนุ่มด้วยแววตาเป็นประกาย
แต่เป็นแค่สายตาชมเชยเท่านั้น
หญิงสาวรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นคนดี อ่อนโยน ถือว่าใช้ได้ แต่ไม่ยักจะรู้ว่ามีความรู้กว้างขวางถึงเพียงนี้
จากคำตอบก็รู้ได้ว่ารักประเทศนี้มากแค่ไหน
ความรักที่มีต่อประเทศหยั่งรากลึกในทุกถ้อยคำเลย
แค่ฟังน้ำเสียงก็ทราบได้!
“คุณฉือสุดยอดเลยค่ะ!”
คริสติน่าเอ่ยชม
ฉืออี้หย่วนยิ้มบาง ๆ “แค่ความรู้ทั่วไปครับ เหมือนที่คุณคริสติน่ารู้เรื่องประวัติศาสตร์ของเยอรมนีนั่นละ”
หญิงสาวส่ายหัว
“ไม่เลยค่ะ ฉันไม่รู้จักเลย ไม่งั้นคงรู้แล้วละว่าประเทศตัวเองทำเรื่องโหดร้ายต่อพวกคุณแบบนี้!”
ทีแรกคิดว่ารู้จักประเทศตัวเองดีนะ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าสิ่งที่ได้รู้เป็นเพียงเรื่องที่ชาวเยอรมันควรรู้เท่านั้น
ตนได้รับรู้ถึงอดีตที่ไม่สมควรได้ล่วงรู้
ซูเสี่ยวซื่อเห็นทั้งสองคนคุยสนุกสนานใจพลันอึดอัดขึ้นมา
เขายังอยากคุยกับสาวต่างชาติที่อาจเอากำไรมาให้เราในอนาคตอยู่นะ
แต่ฟังไม่เข้าใจเนี่ยสิ ทำยังไงได้ล่ะ?
ตัดสินใจแล้วว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเขาจะตั้งใจเรียนภาษาต่างประเทศอย่างดีเลย
ถ้าเรียนดีอนาคตหาเงินได้มหาศาลเลยนะ
ด้วยความที่นิสัยเข้มงวด เย็นวันนั้นกลับบ้านไปเอ่ยอย่างหนักแน่นเลยว่าจะให้น้องสอนภาษาต่างประเทศ
เสี่ยวเถียนตกใจ
“ไหนพี่บอกไม่มีประโยชน์ไง เอาเวลาไปหาเงินดีกว่าอะไรนั่นน่ะ”
พี่กินยาผิดขวดหรือเปล่า?
อยากเป็นนักเรียนหัวกะทิขึ้นมาหรือ?
ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ
“แค่สอนพี่เอง เพื่อเงินแล้วพี่จะตั้งใจอย่างดี”
เด็กสาวคาดไม่ถึงกับคำตอบนี้
สรุปแล้วก็เรียนเพื่อหาเงินอยู่ดีสินะ?
แต่คำตอบก็ดูไม่มีปัญหาตรงไหน ถือว่าพี่สี่เปิดใจแล้วกัน
เธอกลอกตาใส่พี่ชายอย่างอดไม่ได้
ซูเสี่ยวซื่อไม่ได้อ่อนทางด้านการเรียนนะ
ถ้าเรียนไม่เก่งคงสอบเข้ามหาวิทยาลัยจิ่งเฉิงไม่ได้หรอก
แต่เพราะเอาแต่หาเงินก็พยายามไม่ให้สอบตกเท่านั้น
ในบรรดาหลานชายทั้งหมดเหมือนว่าซูเสี่ยวซื่อจะเรียนไม่เก่งที่สุดแล้ว
“พี่สี่อยากเรียนภาษาเยอรมันหรือ?”
เสี่ยวเถียนลองถาม
คิดว่าเพราะได้คุยกับคริสติน่าวันนี้แน่ ๆ
เพื่อให้ทักษะการคุยดีขึ้น เป็นเรื่องปกติถ้าเขาอยากจะเรียนน่ะ
ซูเสี่ยวซื่อส่ายหัว “พี่ไม่ได้อยากเรียนแค่ภาษาเยอรมัน พี่อยากเรียนภาษาฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และอีกหลาย ๆ ภาษาเลย!”
เสี่ยวเถียน “…”
ทะเยอทะยานเหลือเกิน ขนาดพี่ใหญ่ยังไม่อยากเรียนพร้อมกันหลายภาษาเลยนะ
“อย่าใจร้อนเลยพี่สี่ เรียนทีละอย่างเถอะ!”
ดูอย่างพี่ใหญ่สิ ทำทีละอย่าง ตอนนี้รู้หลายภาษาเลย
ถ้าเรียนพร้อมกันอาจจะสับสนก็ได้นะ!
ชายหนุ่มผิดหวัง แต่ก็ยอมเห็นด้วย
สิ่งที่น้องเล็กพูดมีเหตุผล
ในฐานะนักธุรกิจที่มีคุณสมบัติที่ดี เขารู้สึกว่าการฟังคำแนะนำของผู้อื่นจะเป็นประโยชน์แก่ตนเอง
เช้าวันต่อมา คริสติน่ากับฉืออี้หย่วนก็เริ่มทำงาน
หญิงสาวเดินทางมาเพื่อหารือความร่วมมือ ส่วนชายหนุ่มเป็นล่ามของเธอ
แต่ไม่ว่าจะยุ่งมากแค่ไหน ฉืออี้หย่วนยังหาเวลาไปพบเสี่ยวเถียนได้
ไม่เช้าก็เย็นมีแค่นี้
คริสติน่าชอบกินอาหารฝีมือคุณย่าซูมาก งานรับรองในวันนี้จึงถูกจัดที่หออีหมิง
แต่ก็มีคนบางส่วนที่ไม่เชื่อฝีมือของคุณย่านะ
เพราะร้านเราดูไม่เหมือนโรงแรมใหญ่ ๆ
เสี่ยวเถียนในตอนนั้นทราบแล้วว่าร้านของเราพัฒนาช้ากว่าที่อื่นไปหน่อย
ถ้าเมื่อก่อนจะมากินก็ไม่แปลกอะไรหรอก แต่เดี๋ยวนี้มันดูไม่เหมาะน่ะ
เพราะเดี๋ยวนี้ในเมืองหลวงมีร้านอาหารเปิดเยอะขึ้นมาก แถมตกแต่งอย่างหรูหราเลยด้วย
หออีหมิงต้องไล่ตามให้ทันแล้ว
ไม่อย่างนั้นจะถูกทิ้งห่างแน่นอน