เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 1034 ซูเสี่ยวเถียนอยากเลี้ยง

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 1034 ซูเสี่ยวเถียนอยากเลี้ยง

บทที่ 1034 ซูเสี่ยวเถียนอยากเลี้ยง

ในที่สุดจ้าวหงเหมยก็ได้กำหนดแผนการส่งเสริมการขายของตนเอง หลังจากเสี่ยวเถียนเห็นด้วย เธอจึงนำคนและสินค้าตรงไปยังเมืองจิน

จ้าวหงเหมยมีความคิดเรียบง่ายมาก ในเมืองหลวงปัจจุบันแผนกจัดหาน่าจะอิ่มตัวอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าความคิดของตนจะดีแค่ไหน แต่สิ่งนั้นก็ยังไม่บรรลุผลเท่าไรนัก

แต่เมืองจินไม่เหมือนที่เมืองหลวง

สามวันหลังจากที่จ้าวหงเหมยไป ต่งเยี่ยนอันสับสนมากและเข้าพบเสี่ยวเถียน พร้อมบอกเธอเกี่ยวกับการเผชิญปัญหาล่าสุดของตนเอง

รสชาติที่เธอต้องการพัฒนาตอนนี้คือรสเผ็ด แต่ไม่รู้เพราะอะไร แค่รู้สึกว่าขาดรสชาติไปนิดหน่อย ความเผ็ดพอใช้ได้แล้ว แต่การปรับกลิ่นหลายรอบแล้ว ก็ยังรู้สึกไม่พอ

ต่งเยี่ยนอันรู้สึกว่า ตนกำลังเข้าใจบางอย่างผิดไป

แต่ไม่รู้ว่าเข้าใจผิดที่จุดไหน

แม้เธอจะหารือกับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆแต่ทิศทางการศึกษาค้นคว้าและการผลิตของเพื่อนร่วมงานคนอื่นของเธอก็ไม่แตกต่างไปจากเธอ ก็คืออาหารตุ๋นแบบดั้งเดิม

“รอสักครู่ พวกเราจะตุ๋นมันในหม้อตามส่วนผสมที่คุณเตรียมไว้”

เสี่ยวเถียนคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “แต่สูตรนี้ พวกเราอย่าลองทำที่โรงงาน เธอส่งวัตถุดิบไปให้ป้าของฉันในภายหลังได้ ให้ป้าของฉันลองตุ๋นตามสูตรนี้ดู”

ต่งเยี่ยนอันหยิบห่อวัตถุดิบที่เตรียมไว้ออกมา “ฉันมีห่อวัตถุดิบสำเร็จรูปที่นี่ ห่อนี้สามารถตุ๋นเนื้อสัตว์ได้สองกิโลกรัมครึ่ง ผักได้สามกิโลกรัมครึ่ง”

“โอเค ตุ๋นสองกิโลกรัมครึ่งก่อน แต่ไม่ใช้เนื้อสัตว์ เราจะตุ๋นกีบเท้าหมูแทน เธอคิดว่ายังไง?”

เสี่ยวเถียนคิดว่า หมูตุ๋นย่อมมีรสชาติแย่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำไมไม่ลองตุ๋นกีบเท้าหมูดูล่ะ?

ต่งเยี่ยนอันได้ยินสิ่งที่เสี่ยวเถียนพูดไม่คิดว่าจะมีอะไรผิดปกติ หากเพียงสามารถตุ๋นกีบเท้าหมูแสนอร่อยได้ ย่อมเป็นสิ่งที่ดีจริง ๆ

กีบเท้าหมูตุ๋นรสดั้งเดิม มีรสชาติที่ดีจริง ๆ แต่เธอก็รู้สึกว่า สิ่งนี้เกือบไม่น่าสนใจ ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนเป็นรสเผ็ดจะดีกว่าไหม

เมื่อเห็นว่าต่งเยี่ยนอันเห็นด้วย เสี่ยวเถียนก็รู้สึกทันทีว่า “พอตุ๋นเสร็จแล้ว คืนนี้พวกเรามาลองชิมกันเถอะ น่าเสียดายที่ฉันดื่มเหล้าไม่ได้ ไม่อย่างงั้น กินคู่กับเหล้าคงรสชาติดีมากแน่”

เสี่ยวเถียนนึกถึงคากิรสเผ็ด แล้วก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเหล้า

“เธอชอบดื่มเหล้าตั้งแต่เมื่อไรกัน?” ต่งเยี่ยนอันไม่รู้ ว่าอันที่จริงซูเสี่ยวเถียนยังมีงานอดิเรกคือการดื่มเหล้าด้วย

จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่า ถึงจะอาศัยอยู่ในหอพักเดียวกันมานาน ก็เหมือนตนจะยังไม่เข้าใจเสี่ยวเถียนดี

ชีวิตของสาวน้อยคนนี้ ดูมีสีสันและความแตกต่างที่หลากหลายมากกว่าที่เธอจินตนาการไว้

“เธอนำวัตถุดิบทั้งสองห่อไปให้ป้าของฉันตุ๋นกีบเท้าหมูห้ากิโลกรัม แล้วตอนเย็นพวกเราลองชวนผู้อำนวยการเหลยกับคนอื่น ๆ มาชิมด้วยกันสิ”

เสี่ยวเถียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทำกีบเท้าหมูตุ๋นสองกิโลครึ่งคงน้อยไปหน่อย งั้นเอาห้ากิโลไปเลย

แล้วค่อยหาคนมาลองชิมเพิ่ม

ดังคำโบราณที่ว่าคนเขลาสามคน เหนือกว่าขงเบ้ง นับประสาอะไรกับคนเหล่านี้ในโรงงานของเธอ ทว่าบนโลกนี้ไม่มีใครเป็นคนเขลาที่แท้จริง

เนื่องจากมื้อเย็นวันนี้เป็นตุ๋นกีบเท้าหมูหม้อใหญ่ เสี่ยวเถียนจึงชวนผู้อำนวยการเหลยและคนอื่น ๆ มาทานอาหารที่ฟาร์มเพาะเลี้ยงล่วงหน้า

เมื่อได้ยินเสี่ยวเถียนชวนพวกเขาไปรับประทานอาหารที่ฟาร์มเพาะเลี้ยง ก็มีคนอดถามถึงเรื่องนี้ไม่ได้

ที่ฟาร์มเพาะเลี้ยงนั่นมีอะไรดี?

ยังไงก็เลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ กลิ่นคงไม่ดีแน่นอน

มีสถานที่สำหรับประกอบอาหารนอกจากที่นี่ได้ด้วยหรือ?

ไม่กี่ปีนี้ แม้จะรู้ว่าฟาร์มเพาะเลี้ยงก็เป็นอสังหาริมทรัพย์ของเจ้านายเองด้วย แต่อันที่จริง พวกเขาแทบไม่เคยไปที่ฟาร์มเพาะเลี้ยงนั่นเลย

ทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ และไข่ไก่เหล่านี้ที่จำเป็นในโรงงาน ล้วนถูกส่งมาหลังจากถูกเชือดจากฟาร์มเพาะเลี้ยงเป็นประจำ

แม้พวกเขาทุกคนจะสงสัยอยู่บ้างในใจ แต่ในเมื่อเจ้านายชวนทั้งที พวกเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้

คนที่อยู่ข้างในรวมถึงเหลยเกาเชา ไม่มีใครปฏิเสธ ทุกคนบอกว่าจะไปที่นั่นตรงเวลาในตอนเย็น

หลังจากเสี่ยวเถียนทำงานในมือเสร็จเร็ว ก็ไปช่วยหวังเซียงฮวา

ที่ฟาร์มเพาะพันธุ์ในตอนนี้มีคนงานมากกว่าสิบคน ทั้งยังมีอาหารเตรียมไว้เลี้ยงเหมือนกันทุกวัน

เพราะเหตุนั้น จึงจ้างแม่ครัวด้วย

พอเสี่ยวเถียนพาต่งเยี่ยนอันไป หวังเซียงฮวาและแม่ครัวกำลังยุ่งกันอยู่

“เสี่ยวเถียน ทำไมหนูถึงมาอยู่ที่นี่ตอนนี้? ยังมีเวลาอยู่นะ!”

หวังเซียงฮวาเบนมองดวงอาทิตย์ข้างนอกด้วยความสงสัย พลางตรวจสอบให้แน่ใจว่ายังไม่ถึงเวลารับประทานอาหาร

“คืนนี้มีเลี้ยงพนักงานนี่คะ หนูแค่มาช่วยเอง” ซูเสี่ยวเถียนยิ้มพร้อมกับพับแขนเสื้อแล้วเริ่มทำงาน

“ไม่ต้องหรอก หนูกับเยี่ยนอันไปเล่นกันเถอะ!”

หวังเซียงฮวารู้สึกว่า ช่วงนี้เสี่ยวเถียนยุ่งมาก จนน้ำหนักลดลง เนื่องจากไม่ค่อยมีเวลาว่าง ดังนั้นเธอควรพักผ่อนให้เต็มที่

ทว่าเสี่ยวเถียนไม่ยอม และยืนกรานจะช่วยให้ได้

“ไม่อย่างนั้น หนูไปที่สวนผักด้านหลังแล้วช่วยเก็บผักก็ได้”

เก็บผัก?

เสี่ยวเถียนคุ้นเคยกับงานนี้มาก

แต่ก่อน ในสวนผักที่บ้านก็มีผักต่าง ๆ มากมายให้เด็กสาวได้เลือกเก็บ

ทว่าสองปีมานี้ ไม่มีโอกาสเลย

เด็กสาวทั้งสองถือตะกร้าผักและไปที่สวนผักหลังฟาร์มเพาะเลี้ยงตามที่หวังเซียงฮวาบอก

ต้องบอกว่า สวนผักนี้ดีจริง ๆ

มีผักตามฤดูกาลทุกชนิด ทั้งถั่วฝักยาว มะเขือ แตงกวา และยังมีผักขม กวางตุ้ง ผักกาด ต้นหอม กุ่ยไฉ่ ถือได้ว่ามีทุกอย่างครบครัน

“ผักเยอะมาก!” ต่งเยี่ยนอันรู้สึกประหลาดใจ “เติบโตดีจริง ๆ ดูสดกว่าผักที่ซื้อจากตลาดขายผักมาก”

“แน่นอน นี่ขนาดว่าพวกเรามาช่วงบ่ายแล้วนะ ถ้าเป็นตอนเช้า จะดูฉ่ำกว่านี้อีก”

เสี่ยวเถียนไม่คาดคิดว่า แม่ใหญ่จะเปิดสวนผักในฟาร์มเพาะเลี้ยง

แต่คิดอีกที ก็ดูจะเข้าใจได้อยู่

ว่ากันว่า คนจีนรักในการปลูกผักเป็นพิเศษ

คนรุ่นหลังจะมีคนที่อาศัยอยู่ในวิลล่าไม่ปลูกดอกไม้ แต่ต้องปลูกผัก

ทั้งยังมีคนที่สามารถเปลี่ยนระเบียงให้เป็นแปลงผักได้ภายในสองสามเดือนด้วยนะ

ดังนั้นแม่ใหญ่จึงเปลี่ยนที่ดินว่างนี้ให้เป็นสวนผัก ซึ่งก็ไม่มีอะไรไม่ดี

นอกจากนี้ ผักจากสวนผักนี้ก็ยังดูดีกว่าผักในตลาดจริง ๆ

พอคิดว่าที่นี่คือฟาร์มเพาะเลี้ยง เสี่ยวเถียนก็กระจ่างแจ้งแล้ว

เพราะมีเพียงความอุดมสมบูรณ์ของที่ดินเท่านั้นจึงจะสามารถปลูกพืชผลที่ดีได้

แน่นอนว่าผักก็เช่นเดียวกัน

ซูเสี่ยวเถียนเก็บมะเขือเทศที่มีสีแดงสดและขนาดใหญ่ที่สุดมาหลายสิบลูก เก็บแตงกวามาอีกสามสี่ลูก จากนั้นเก็บถั่วฝักยาว และมะเขือ สุดท้ายยังไม่ลืมเก็บกุยช่ายหนึ่งกำมือใหญ่

เมื่อก่อนสภาพบ้านไม่ค่อยดีนัก คุณย่ามักจะชอบทำขนมกุยช่ายเพื่อทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้น

กุยช่ายหนึ่งกำมือ ใส่น้ำมันหมูเล็กน้อย กลิ่นที่โชยมาก็หอมมาก

พอเสี่ยวเถียนนึกถึงความทรงจำครั้งนั้น ก็รู้สึกว่าในปากยังมีกลิ่นหอมของกุยช่ายอยู่เลย

“เสี่ยวเถียน เยอะขนาดนี้ จะกินหมดหรือ?” พอเห็นซูเสี่ยวเถียนเก็บผักไว ๆ ต่งเยี่ยนอันจึงรีบถาม

“ไม่เยอะหรอก เยี่ยนอัน เธอดึงผักกาดมาหนึ่งหัวสิ” เสี่ยวเถียนไม่เพียงทำงานหนักในสวนผักเท่านั้น แต่ยังขอให้ต่งเยี่ยนอันช่วยด้วย

ครอบครัวของต่งเยี่ยนอันอาศัยอยู่ในเมือง ผักที่กินจึงต้องซื้อทั้งหมด นอกจากผักกาดฤดูหนาว ก็ไม่ค่อยซื้อผักมากนักในวันธรรมดา

พอเหลือบมองท่าทางกระฉับกระเฉงนี้ของเสี่ยวเถียน เยี่ยนอันจะยังสงบสติอารมณ์ได้อย่างไร ?

“ต้นมะเขือเทศนี้ เราสามารถรับประทานได้ทันทีหลังจากล้างแล้ว แล้วก็ทำยำแตงกวาแก้เลี่ยนได้ ฉันเริ่มอยากกินขนมกุยช่ายแล้วสิ กุยช่ายกำมือนี้ทำได้จานหนึ่งพอดี ทั้งยังมีถั่วฝักยาวและมะเขือ ผัดกิน เป็นอาหารจานเย็นรสชาติดีมาก! คืนนี้คนเยอะมาก ทำอาหารเพิ่มขึ้นสักหน่อย ให้ผู้อำนวยการเหลยและคนอื่น ๆ ได้ทานอาหารกัน”

เสี่ยวเถียนจัดเตรียมอาหารเหล่านี้ได้อย่างเหมาะสมจริง ๆ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท