เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 1035 รสชาติดีขึ้น

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

ตอนที่ 1035 รสชาติดีขึ้น

ตอนที่ 1035 รสชาติดีขึ้น

หวังเซียงฮวามองหลานเก็บผักมาจากสวน

คนเยอะขนาดนี้เตรียมเพิ่มสักจานสองจานไม่ใช่ปัญหาหรอก

ถึงฝีมือจะไม่ดีเท่าแม่สามีและน้องสะใภ้ทั้งสอง แต่รวม ๆ ถือว่าใช้ได้

การจัดเตรียมโต๊ะอาหารเรียบง่ายมาก อาหารที่ทำเองนี่ดีจริง ๆ เลยนะ

อีกอย่างยังได้พี่สะใภ้หวังมาช่วยทำอาหารที่ฟาร์ม ฝีมือจึงดีขึ้นเยอะ

“แม่ใหญ่ ผักงามเชียวค่ะ”

“เห็นด้วยนะ แม่เป็นห่วงทุกวันเลย มีแค่สวนผักแห่งนี้กับฟาร์มเราก็พอเป็นอาหารให้ทุกคนแล้วละ” หวังเซียงฮวาภูมิใจมาก

ตอนแรกมันไม่มีสวนผักหรอกนะ อาหงอาหารน้อยมากลำบากสุด ๆ

จะเข้าไปซื้อในเมืองก็ไกล ซื้อในหมู่บ้านก็ไม่สะดวก

สุดท้ายจึงปลูกเอาเองเสียเลย หลังจากนั้นมาจึงไม่มีปัญหาขาดแคลนผักอีกต่อไป

ช่วงฤดูร้อนกับฤดูใบไม้ร่วง พวกเธอยังสามารถนำผักส่วนเกินมาตากแห้งได้ ส่วนปลายฤดูใบไม้ร่วงก็เอามาดองบ้าง เก็บไว้กินตอนฤดูหนาว มีให้กินตลอดทั้งปีเลย

เวลาเชือดเนื้อที่ฟาร์ม เราจะเอาพวกส่วนเครื่องในที่ไม่ต้องการไปขายบางส่วน หรือไม่ก็ให้คนงานเอาไปกินประทังท้อง

รวม ๆ แล้วอาหารการกินถือว่าดี ทั้งยังดีกว่าโรงงานรัฐของเมืองนี้อีก

แม้งานในฟาร์มจะเหนื่อยและสกปรกไปหน่อย แต่สิ่งนี้ก็ช่วยดูแลผู้คนได้ยังไงละ

“เสี่ยวเถียน หนูจะกินกุยช่ายกับอะไรลูก? ผัดไข่ไหม?” หวังเซียงฮวาถาม

“ทำแป้งทอดไส้กุยช่ายดีกว่าไหมคะ? หนูไม่ได้กินมาหลายวันแล้ว” เสี่ยวเถียนเอ่ยขอตรง ๆ

“ได้จ้ะ หนูกับเยี่ยนอันไปเก็บกุยช่ายแล้วกันนะ เดี๋ยวแม่ทำให้”

พี่สะใภ้หวังเห็นความสัมพันธ์คนทั้งสองก็ได้แต่ยกยิ้ม “คนไม่รู้มาเห็นก็คิดว่าแม่ลูกแท้ ๆ เลยนะคะเนี่ย”

“พี่อาจจะไม่รู้ แต่ฉันเห็นเสี่ยวเถียนเหมือนลูกสาวแท้ ๆ เลยค่ะ เทียบไม่ได้กับเจ้าเด็กดื้อพวกนั้นสักนิด” หวังเซียงฮวาเอ่ยอย่างเริงร่า

พี่สะใภ้หวังไม่อยากจะเชื่อเท่าไร เพราะสำหรับคนในหมู่บ้าน เรื่องชาวบ้านสำคัญมาก

เธอเองก็มีเพื่อนที่สนิทกันไม่กี่คนหรอก

อย่าว่าแต่หลานสาวที่รักเหมือนลูกแท้ ๆ เลย

เสี่ยวเถียนไม่ได้ใส่ใจความคิดของอีกฝ่าย

จะเชื่อหรือไม่เชื่อไม่ใช่เรื่องสำคัญ ชีวิตใครชีวิตมัน

ความคิดของคนอื่นไม่ได้มีผลอะไรกับเรา

หวังเซียงฮวาเป็นคนไม่คิดเยอะ เธอไม่ได้สนใจความคิดของพี่สะใภ้อยู่แล้ว

เจ้าตัวลงมือทำงานต่อ

“เสี่ยวเถียน ลูกพลับลูกนี้อร่อยดีนะ โตเต็มวัย เปรี้ยว ๆ หวาน ๆ ด้วย แม่ให้หนูนะ”

หวังเซียงฮวาทำความสะอาดแล้วยื่นให้เด็กสาว

เสี่ยวเถียนรับมาก่อนเอ่ยขอบคุณ

“เยี่ยนอัน แบ่งคนละครึ่งกัน”

ลูกพลับลูกใหญ่มาก ถ้ากินคนเดียวคงกินข้าวเย็นไม่ไหว เลยแบ่งให้เพื่อนอีกครึ่งลูก

พี่สะใภ้หวังเสียใจที่ความสัมพันธ์ระหว่างเสี่ยวเถียนกับหวังเซียงฮวาจะดีจริง ๆ ขนาดเห็นความเป็นธรรมชาติพวกนั้นยังน่าแปลกใจเลย

“แม่ใหญ่ไม่คิดหาคนช่วยดูแลฟาร์มเหรอคะ พี่สะใภ้ยังรอแม่ไปช่วยดูแลอยู่เลยนะ”

เสี่ยวเถียนเคี้ยวไปคิดไปพลาง

หวังเซียงฮวาลังเลเล็กน้อย

เธอก็คิดถึงหลานชายเหมือนกัน แต่ฟาร์มใหญ่ขนาดนี้ไม่กล้าปล่อยให้เขาทำเลยน่ะสิ

“ช่วงนี้แม่ยังคิดอยู่เลย กะว่าจะปรึกษากันหลินหลินว่าจะรับหลานมาเลี้ยง”

แต่ไม่รู้ว่าลูกสะใภ้จะยอมปล่อยลูกมาให้หรือเปล่าเนี่ยสิ

“ไว้ว่ากันวันหลัง รอคุยกับพี่ใหญ่พี่สะใภ้ของหนูก่อน!”

เรื่องเจรจานี่เธอเก่งมากเลยนะขอบอก

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ด้วยหัวใจอันกล้าหาญจะต้องผ่านไปได้แน่นอนไม่คิดจมปลักอยู่นานหรอก

หลังจากได้ความร่วมมือจากหลายฝ่าย ในที่สุดอาหารเย็นสุดหรูจึงได้รับการจัดเตรียมไว้อย่างรวดเร็ว

ถึงบางคนเดินทางมาเพียงเพื่อชิมคากิรสเผ็ดที่ทำเสร็จใหม่ ๆ แต่หวังเซียงฮวาไม่ได้ทำไว้แค่เมนูเดียวหรอกนะ

ยังมีซี่โครงหมูตุ๋นรสเข้มข้นด้วย

ตัวหลักจะเป็นแป้งทอดไส้กุยช่าย แต่หลาย ๆ คนน่าจะไม่เคยกินเลยทำแบบฟักทองไว้ด้วย

แล้วก็มีอาหารจานผักอีกเจ็ดแปดอย่าง

มีทั้งเนื้อทั้งผัก สีสันน่าทานสุด ๆ

เสี่ยวเถียนเห็นยังเอ่ยปากชม แม่ใหญ่ก็มีพรสวรรค์ในการทำอาหารกับเขานี่นา

ฝ่ายผู้อำนวยการเหลยเดินทางมาถึงพร้อมกับรองผู้อำนวยการอีกสองท่าน และบุคลากรคนสำคัญของโรงงาน

“ผู้อำนวยการเหลยเชิญค่ะ ๆ” เสี่ยวเถียนทักทายด้วยรอยยิ้ม “ลาภปากพวกคุณแล้วนะคะวันนี้ รับรองว่าอร่อยกว่าอาหารในโรงงานแน่นอน”

ทีแรกเหลยเกาเชารู้สึกว่ากลิ่นทางฝั่งนี้ไม่พึงประสงค์ แต่ไม่นึกว่าตัวลานบ้านจะตั้งอยู่ห่างจากฟาร์ม ตำแหน่งเหนือลมจึงไม่มีกลิ่นเลย

การจัดวางข้าวของไว้อย่างเรียบง่าย เหมือนลานบ้านเกษตรกรทั่ว ๆ ไป

ทำให้แขกเหรื่อที่เกิดในครอบครัวเกษตรกรรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านเลย

“มันก็แค่อาหารบ้าน ๆ เองค่ะ อย่าถือสากันเลยนะคะ!” หวังเซียงฮวาเอ่ยอย่างเขิน ๆ

“ผู้อำนวยการเหลย ตอนนี้รสชาติของเรามีแต่รสดั้งเดิม ถ้าเพิ่มรสเผ็ด ๆ มัน ๆ กับเผ็ดชาเข้าไปจะเจาะตลาดได้ดีกว่าไหมคะ?”

พอเข้ามาในบ้าน เสี่ยวเถียนก็เข้าประเด็นทันที

เหลยเกาเชาเคยคิดเหมือนกัน เพราะตลาดหลัก ๆ ของเราอยู่ในเมืองหลวง

รสนิยมของคนในเมืองคือรสจัดจ้าน กลิ่นเข้มข้นและเค็ม ส่วนรสชาติเผ็ดชากับเผ็ดมัน ๆ เป็นรสชาติเสฉวน คนในเมืองอาจไม่ชอบกัน

เลยระงับเรื่องนี้ไป

ช่วงนี้ได้ยินว่าเพื่อนเจ้านายกำลังพัฒนาส่วนผสมที่มีรสเผ็ดอยู่ เขาเพิ่งจะได้ยินเลยจึงไม่รู้รายละเอียดมาก

เหมือนว่าเธอคนนั้นจะวิจัยและพัฒนาเกือบเสร็จแล้ว เจ้านายถึงได้เชิญมากินข้าวที่นี่สินะ

พอเห็นจานคากิรสเผ็ดสิ่งที่เดาเอาไว้ถูกเผง

เมื่อทุกคนนั่งลง เสี่ยวเถียนก็ชวนทุกคนลงมือกินข้าว

เมนูแรกที่เปิดตัวคือคากิรสเผ็ด

ต่งเยี่ยนอันรู้สึกว่ายังไม่ถึงใจเท่าไร แต่เสี่ยวเถียนกลับบอกว่าเกือบได้ที่แล้ว

“ผู้อำนวยการเหลย ลองชิมดูค่ะ”

เสี่ยวเถียนชวน

เหลยเกาเชาหยิบขึ้นมาแล้วลองกินคำหนึ่งด้วยความสงสัย

พอคนแรกเริ่มคนอื่น ๆ ก็ตามทันที

ในไม่ช้า ทุกคนก็มีเนื้อคากิอยู่ในมือคนละชิ้น

“เจ้านายครับ คากิจานนี้อร่อยมากเลยนะ ดีกว่ารสชาติหมูตุ๋นของเราอีก”

ชายหนุ่มคนหนึ่งยกยิ้ม

ดูก็รู้แล้วว่าชอบรสชาติแบบนี้

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท