ตอนที่ 28 หมอปีศาจอยู่ที่เจียงเฉิง
“ท่านอาโม่?” อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว
หนานหนานพยักหน้าอย่างแรง “ใช่ คนที่ยืนอยู่หน้าประตูไงขอรับ บุรุษชุดขาวที่ทะเลาะกับคนอื่นใต้คานโรงเตี๊ยมวันนั้น”
อวี้ชิงลั่วตระหนักได้ในทันที นิสัยของบุตรชายนางเป็นเช่นไรไยนางจะไม่รู้
นางตบกระโปรง ยกเรียวขาขึ้นอย่างสง่างาม หรี่ตาเคล้ารอยยิ้ม “เจ้าวางยาพิษใส่เขาหรือ?”
ท่านแม่เปลี่ยนเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? เรื่องนี้ทำเอาหนานหนานตกใจมาก เขารีบปีนลงมาจากเก้าอี้ด้วยท่าทางอ่อนแอ ก่อนจะกอดต้นขานางไว้อีกหน “ท่านแม่ ข้าทำไปเพราะสถานการณ์บีบบังคับ”
อวี้ชิงลั่วข่มแรงกระตุ้นที่จะเตะเขาออกไป กล่าวเสียงขรึมลงหลายส่วน “สถานการณ์บีบบังคับ?”
“ใช่ เป็นเพราะข้ามองออกว่าท่านอาโม่ต้องไม่ใช่คนธรรมดา บนตัวของเขาต้องมีสมบัติที่มีราคามากอย่างแน่นอน” หนานหนานเห็นว่าแผนโยนความผิดให้คนอื่นของตนเองถูกเปิดโปง จึงรีบเปลี่ยนแผน เขาใช้ดวงตาเป็นประกายมองอวี้ชิงลั่วด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ ข้ามองไม่ผิดเลย ข้าจะบอกอะไรให้ ในจวนแห่งนี้ มีเสือดำตัวใหญ่มาก ๆ ทรงพลังและดุร้ายมาก ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะพามันกลับไปเคารพท่านแม่ แต่เสือดำตัวนั้นกลับโง่เขลาไปหน่อย มันไม่ยอมฟังที่ข้าพูด ดังนั้นสองวันนี้ข้าจึงตั้งใจอยู่ที่นี่เพื่อสอนมันให้ดี ๆ แล้วค่อยพามันกลับไป”
อวี้ชิงลั่วแอบกุมขมับ แม้ว่านางจะอยากได้พยัคฆ์ทมิฬตัวนั้นมาก แต่เจ้าของของพยัคฆ์ทมิฬก็มิใช่คนที่จะไปยั่วโมโหได้
เสิ่นอิง โม่เสียนและพ่อบ้านหันไปมองเย่ซิวตู๋ที่ยืนเงียบขรึมอยู่ ก่อนจะรีบหันหน้ากลับมาอย่างเงียบ ๆ อีกครั้ง สองแม่ลูกคู่นี้ช่างกล้าหาญเสียเหลือเกิน ถึงได้กล้าวางแผนลักขโมยของต่อหน้านายท่าน
เย่ซิวตู่แค่นเสียงเย็น สายตาเย็นเยียบกวาดมองมาที่ทั้งสามคนตรงหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “บอกเขาด้วยว่าอีกหนึ่งเค่อ (1) ให้ไปที่ห้องข้า”
เมื่อทิ้งคำพูดนี้ไว้ เขาก็ก้าวเท้าด้วยท่าทางทรงพลังออกจากลานของสวนอวี้จู๋โดยไม่หันกลับมา
ทั้งสามคนที่เหลือหันสบตากัน ‘เขา’ ที่พูดถึงหมายถึงใคร? แม่นางอวี้? หรือว่าหนานหนาน?
เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนี้พวกเขาจะต้องขัดจังหวะสองแม่ลูกที่อยู่ด้านใน เพื่อให้พวกเขาไปที่เรือนของนายท่าน
เสิ่นอิงทราบดีถึงนิสัยของอวี้ชิงลั่ว เขาจึงถอยหลังออกไปสองก้าวโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง และผลักพ่อบ้านไปด้านหน้าอย่างแรง กล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “ท่านไปเคาะประตูเถอะ”
“ท่านเสิ่น ท่านสนิทกับแม่นางอวี้มากกว่านะ” เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ การสร้างความขุ่นเคืองให้แม่นางอวี้ย่อมไม่มีจุดจบที่ดี เห็นจากเหวินเทียนก็ทราบแล้ว
“ไม่สนิท พวกเราเพิ่งรู้จักกันแค่สองวันเท่านั้น”
“แต่ดูเหมือนว่าแม่นางอวี้จะเชื่อใจท่านมากนะ”
“นั่นเป็นเพราะท่านตาฝาด”
เสียง ‘แอ๊ด’ ดังขึ้น ตอนที่พวกเขากำลังเกี่ยงกัน ประตูห้องก็ถูกเปิดออกมาจากด้านในอีกครั้ง
อวี้ชิงลั่วยืนพิงข้างประตู ยิ้มให้ทั้งสามอย่างเย็นชา “ต้องให้ข้าเชิญพวกเจ้าเข้ามาดื่มชาหรือไม่?”
หนานหนานชะโงกหน้ามาจากด้านหลังของนาง รีบเสริมอีกหนึ่งประโยคว่า “ข้าเติมยาลงไปในน้ำชาได้นะ”
ทั้งสามคนรีบถอยหลังหนึ่งก้าว เสิ่นอิงรีบใช้โอกาสนี้กัดฟันพูดไปว่า “แม่นางอวี้ นายท่านให้เจ้าไปหาที่จวน เพื่อเปลี่ยน…เปลี่ยนยา” เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นายท่านน่าจะเรียกแม่นางอวี้กระมัง
อวี้ชิงลั่วนึกถึงบาดแผลบนร่างกายของเย่ซิวตู๋ ทั้งยังต้องการให้นางรักษาให้หายภายในสี่วัน คิ้วของนางก็อดไม่ได้ที่จะขมวดเข้าหากัน
ปัญหาที่แท้จริงคือบุรุษผู้นั้นต่างหากเล่า
“ท่านแม่ ข้าจะไปเป็นเพื่อนท่านเอง” หนานหนานก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าวอย่างแน่วแน่ “ข้างกายของท่านอาท่านนั้นมีพยัคฆ์ทมิฬตัวใหญ่ด้วย อันตรายมาก ข้าปกป้องท่านแม่ได้”
หนานหนานคิดว่าตอนนี้เขามิอาจออกห่างจากท่านแม่ได้ ไม่ว่าจะพูดเช่นไร ตอนนี้เป็นช่วงเวลาแสดงความภักดี ให้ท่านแม่อารมณ์ดีขึ้น เพียงเท่านี้ก็สามารถปล่อยวางความผิดของเขาได้แล้ว
อวี้ชิงลั่วปรายตามองเขา ก่อนโบกมือเรียกเสิ่นอิง “ดูเขาให้ข้าหน่อย หาอะไรให้เขากินสักหน่อยก็พอ”
“ขอสุราอีกหน่อยด้วยนะ” หนานหนานพูดเสริมโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อคิดได้ว่าไม่ถูกต้อง ก็รีบพูดกับอวี้ชิงลั่วอย่างจริงจัง “ท่านแม่ ท่านสำคัญกว่าของกิน”
อวี้ชิงลั่วแค่นเสียงดูหมิ่นออกมาหนึ่งเสียง “วันนี้แม่อนุญาตให้เจ้าดื่มสุราได้”
“จริงเหรอ?” ดวงตาหนานหนานเป็นประกาย มือเล็ก ๆ รีบผละออกจากกระโปรงของอวี้ชิงลั่ว เขากระโดดโผเข้าหาอ้อมกอดของเสิ่นอิง “นายท่านเสิ่น พวกเราไปกันเถอะ”
เสิ่นอิงร่างกายกระตุกเบา ๆ นายท่าน? เหตุใดถึงรู้สึกราวกับตนเองเดินเตร็ดเตร่อยู่ที่หอคณิกากันนะ?
หนานหนานเกินเยียวยาแล้ว!!!
อวี้ชิงลั่วแอบกุมขมับ นางให้พ่อบ้านรีบนำทางไป ตอนนี้นางไม่อยากเห็นบุตรชายที่แค่หันหลังให้ก็ขายนางที่เป็นมารดาอีกแล้ว
แต่ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ตอนนี้นางก็มิอาจปล่อยให้หนานหนานใกล้ชิดกับเย่ซิวตู๋มากเกินไปได้ มิเช่นนั้นด้วยความฉลาดปราดเปรื่องของบุรุษผู้นั้นและพฤติกรรมเสื่อมเสียของหนานหนานเป็นครั้งคราวแล้ว ต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
พ่อบ้านไม่กล้าพูดอะไรตลอดทาง ภายในใจยังจมอยู่กับความตกใจเรื่องที่แม่นางอวี้และหนานหนานเป็นแม่ลูกกันไม่หาย ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่เข้าใจ พวกเขา…เป็นแม่ลูกกันได้อย่างไร?
ประตูของจวนตู๋ถูกเปิดอยู่ ราวกับต้อนรับการมาถึงของนางตลอดเวลา
เย่ซิวตู๋ยังคงเอนกายอยู่บนเตียงนอนที่เย็นเฉียบ ครั้นเห็นอวี้ชิงลั่วเดินเข้ามา เขาเพียงแค่ช้อนสายตาขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะปิดตาลงอีกครา
พ่อบ้านนำนางมาถึงที่นี่แล้ว ก็รีบปิดประตูอย่างเบามือทันที
“เจ้าเข้ามาที่จวนโม่ เพื่อตามหาบุตรชายของเจ้าหรือ?”
อวี้ชิงลั่วที่กำลังเดินมาด้านหน้าชะงักฝีก้าวเล็กน้อย ริมฝีปากชมพูเม้มเข้าด้วยกัน ก่อนกล่าวเสียงทุ้มต่ำ “ใช่”
“เหตุใดเจ้าถึงไม่บอกตั้งแต่แรก” เย่ซิวตู๋ลืมตาช้า ๆ มองดูนางที่ถอดเสื้อให้เขาอย่างช่ำชอง การเคลื่อนไหวของนางราวกับเคยถอดเสื้อให้คนมากมาย ภายในใจเกิดความหงุดหงิดจาง ๆ พรั่งพรูออกมา จึงผลักมือของนางออกไปอย่างกะทันหัน
อวี้ชิงลั่วชะงักไปเล็กน้อย นางแอบรู้สึกได้ว่าอารมณ์ของเขาไม่มีความแน่นอน จึงเงยหน้ามองด้วยความประหลาดใจ นางไม่บอกตั้งแต่แรกแล้วจะทำไม หรือว่าเป็นเรื่องผิดมหันต์?
“ข้าไม่แน่ใจว่าพวกท่านเป็นคนดีหรือไม่”
“ตอนนี้มั่นใจแล้วหรือ?” เย่ซิวตู๋แค่นเสียงเย็น ครั้นเห็นว่านางไม่ขยับ คิ้วก็กลับมาขมวดอีกหน พูดอย่างหมดความอดทนว่า “เปลี่ยนยา”
นาง…ต้องทน เพื่อเงินสิบห้าล้านตำลึงนั่น นางจะอดทนกับนิสัยขึ้น ๆ ลง ๆ ของเขา
อวี้ชิงลั่วขบฟันแน่น และถอดเสื้อของเขาออกอีกครั้ง
ร่างกายฟื้นตัวได้ไม่เลว ด้วยทักษะทางการแพทย์ของนางประกอบกับยาของนาง บาดแผลของเย่ซิวตู๋จึงไม่มีเลือดซึมออกมาอีกแล้ว หากให้หายดีก็น่าจะใช้เวลาอีกไม่นาน
“สามีของเจ้าเป็นใคร?” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เย่ซิวตู๋ก็เอ่ยปากถามอีกหน
มือของอวี้ชิงลั่วที่กำลังพันแผลให้เขาชะงักเล็กน้อย กล่าวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ตายแล้ว”
ตายแล้ว? เย่ซิวตู๋ลืมตาจ้องมองแววตาของนางอย่างระมัดระวัง เพียงแต่เขากลับไม่เห็นอารมณ์ซ่อนอยู่ในนั้นแม้แต่น้อย ราวกับว่าสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกันไม่เกี่ยวอะไรกับนางอย่างไรอย่างนั้น
…นางไม่มีความรู้สึกอะไรต่อสามีของตนเองแม้แต่น้อยเลยหรือ?…
สตรีผู้นี้ มีความลับมากเกินไปแล้ว…
“นายท่าน” อวี้ชิงลั่วคลุมเสื้อให้เขา เสียงของพ่อบ้านก็ดังขึ้นจากด้านนอกห้อง
เย่ซิวตู๋ค่อย ๆ ยืดตัวขึ้นบนเตียง “เข้ามา”
“นายท่าน” พ่อบ้านมองอวี้ชิงลั่วปราดหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากพูดอย่างลังเล “อูตง อูตงขอเข้าพบขอรับ”
“ไม่อยากเจอ” เย่ซิวตู๋ลืมตาขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน เขาไม่ตอบสนองต่อชื่อของอูตงแม้แต่น้อย
“แต่ แต่ว่า อูตงนำข่าวมาแจ้ง บอกว่า…บอกว่าหมอปีศาจอยู่ที่เจียงเฉิงของเราขอรับ…”
…………………………
หน่วยวัดเวลาโบราณ 1 เค่อ = 10-15 นาที
สารจากผู้แปล
คุณชายจะทำยังไงกับชิงลั่วต่อ กดดันให้รักษาแผลเรียบร้อยภายในสี่วันนี้งานหนักใช่ย่อยเลยนะ
อูตงจะมารายงานเพื่ออะไรกันนะ
ไหหม่า (海馬)