อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] – ตอนที่ 459 เข้าห้องหอกันเถิด

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

ตอนที่ 459 เข้าห้องหอกันเถิด

ตอนที่ 459 เข้าห้องหอกันเถิด

อวี้ชิงลั่วถึงกับกลอกตา หนานหนานเจ้าอย่ามาแกล้งเลย เห็น ๆ อยู่ว่าเจ้าชอบใจที่ได้เหยียบขยี้ความเจ็บปวดขององค์ชายสิบสาม

เย่ซิวตู๋กลับรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก เขาไม่สนใจความสกปรกที่อยู่บนศีรษะของหนานหนาน ออกแรงขยี้ผมของอีกฝ่ายพลางกล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “เยี่ยม”

“ท่านพ่อ ข้ารู้สึกไม่สบายตัวเลย อยากกลับไปอาบน้ำแล้ว” หนานหนานเงยหน้าด้วยท่าทางประจบประแจง ใช้ดวงตากลมโตจ้องมองมาที่เขา

เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว แม้ว่าจะสนใจคราบสกปรกที่อยู่บนตัวของเขา แต่เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บจึงยอมปล่อยผ่าน “เอาล่ะ รีบไปอาบน้ำซะ ดูสิเหงื่อเต็มไปหมด เดี๋ยวจะไม่สบาย”

หนานหนานกระโดดโลดเต้นทันที “ขอรับ ท่านพ่อ”

อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุกวูบ จนกระทั่งหนานหนานวิ่งออกไปไกลแล้ว จึงยกมือขึ้นมากอดอกพลางแค่นเสียงเยาะ “ท่านตามใจเขาจนเคยตัว ตอนนี้เขาทำตัวกำเริบเสิบสานมากขึ้นทุกทีแล้ว ถึงเวลานั้นคงไม่มีใครห้ามเขาได้”

“ลูกชายของข้า ไม่ให้ข้าตามใจเขาแล้วจะให้ข้าตามใจใคร?” เย่ซิวตู๋รู้สึกอารมณ์ดี คาดว่าองค์ชายสิบสามถูกแทงใจขนาดนั้น คิดจะรวบรวมกำลังขึ้นใหม่อีกครั้งคงยากมาก ตอนนี้อวี้ชิงลั่วพูดอะไรก็ไม่เป็นไรแล้ว หนานหนานทำเรื่องไม่ดีอะไรไว้เขาก็ไม่สนใจ “อีกอย่าง หนานหนานก็มีวินัยในตัวเองเป็นอย่างดี เขาฉลาดจะตายไป ทำตัวกำเริบเสิบสานแต่ก็มีขอบเขต ไม่ต้องเป็นกังวลหรอก”

อวี้ชิงลั่วแค่นเสียงเบา ๆ ตอนนี้นางรู้สึกได้ว่าตนเองรู้จักเขาเป็นอย่างดี

อวี้ชิงลั่วลูบแก้มตัวเอง นางก็รู้สึกอึดอัดตัวเช่นกัน “ในเมื่อรัชทายาทฉีกับองค์ชายสิบสามกลับไปแล้ว เช่นนั้นข้าก็คงไม่ต้องไปที่เรือนด้านหน้าแล้วใช่หรือไม่?”

“อืม ไม่ไปแล้ว กลับเรือนเถอะ”

อวี้ชิงลั่วหมุนกายเดินกลับ ตอนที่เดินมาถึงลานก็กวาดตามองเป็นพิเศษ เมื่อเห็นว่าแม่นมเซียวไม่อยู่ จึงเดินกลับเรือนของตนเองอย่างสบายใจ

เย่ซิวตู๋เดินตามหลัง มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย แม่นมเซียวได้รับคำสั่งจากเขาก่อนหน้านี้แล้ว นางไม่ปรากฏตัวขึ้นที่นี่หรอก

ตอนนี้หากเป็นสถานที่ที่เขาอยู่ แม่นมเซียวก็จะ…หลบหลีก

ประตูห้องถูกปิดลง เขาทอดมองไปยังอวี้ชิงลั่วที่กำลังนั่งเช็ดหน้าตนเองทีละนิดอยู่หน้ากระจกทองเหลือง รอยยิ้มที่มุมปากของเย่ซิวตู๋กว้างขึ้นแล้ว ดูสิ แม้ว่าสตรีนางนี้จะปากแข็ง แต่จิตใจของนางกลับอ่อนยวบอย่างน่าเหลือเชื่อ

อีกอย่าง ความฉลาดและความอ่อนไหวนั้นไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลย แค่รู้ว่าองค์ชายสิบสามมาที่นี่ นางก็เดาใจเขาได้ในเวลาอันรวดเร็ว ดังนั้นจึงให้ความร่วมมือด้วยการทาเครื่องประทินผิวซึ่งเป็นสิ่งที่นางไม่เต็มใจจะแตะมากที่สุดจนหนาเตอะ นางช่างมีความคิดที่ฉลาดปราดเปรื่องยิ่งนัก

เย่ซิวตู๋ก้าวเท้าไปด้านหน้าสองสามก้าว อวี้ชิงลั่วกำลังหลับตาเพื่อเช็ดแป้งที่อยู่บนเปลือกตาออก

จู่ ๆ ผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือก็ถูกดึงออกไป นางชะงักไปครู่หนึ่ง ก็พบว่าเย่ซิวตู๋ย้ายเก้าอี้มานั่งลงข้าง ๆ นางตั้งแต่เมื่อไรมิอาจทราบได้ ทั้งยังถือผ้าเช็ดหน้าของนางไว้ในมือด้วย

“ข้าเอง” เขากล่าว

อวี้ชิงลั่วกะพริบตาปริบ ๆ คางของนางถูกเขาเชยขึ้นอย่างแผ่วเบา

การแสดงออกของเย่ซิวตู๋ดูจริงจังมาก มือของเขาเคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบาและเนิบช้า ค่อย ๆ เช็ดจุดสีแดงที่อยู่บนใบหน้าออกอย่างพิถีพิถัน หลังจากเช็ดไปได้ครู่หนึ่งก็ชุบกับน้ำเล็กน้อย อุณหภูมิเย็น ๆ เมื่อแตะลงบนผิวหนังทำให้อวี้ชิงลั่วถึงกับใจเต้นตึกตักอย่างรุนแรง

“ข้ามือหนักเกินไปรึ?” ครั้นเห็นนางเลิกคิ้วขึ้น เย่ซิวตู๋จึงหยุดลงอย่างห้ามไม่อยู่

อวี้ชิงลั่วแอบรู้สึกเขินอาย จึงยิ้มแห้ง ๆ หนึ่งเสียง “เปล่า น้ำหนักมือกำลังดี”

นางกำลังคิดว่าตนต้องพูดคุยกับเขา มิเช่นนั้นหากต้องเผชิญหน้ากันเช่นนี้โดยไม่พูดอะไร เลือดคงขึ้นหน้าและหัวใจก็คงเต้นระรัว

“เอ่อ เย่ซิวตู๋ อันที่จริงองค์ชายสิบสามก็ไม่ได้คุกคามอะไรท่าน เขาก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง”

มือของเย่ซิวตู๋ถึงกับชะงักไปเล็กน้อย เลิกคิ้วขึ้นพลางแค่นเสียงเบากล่าวว่า “ข้ารู้” เขาจะกลัวเด็กอย่างฉีหานเทียนนั่นรึ? เขาก็แค่คิดถึงเรื่องที่เขาแอบคิดไม่ซื่อกับอวี้ชิงลั่ว จึงรู้สึกไม่สบายใจและรู้สึกไม่ถูกชะตากับอีกฝ่ายก็เท่านั้น

“หลังจากนี้เจ้าออกไปข้างนอกให้น้อยหน่อยก็ดี” เย่ซิวตู๋เริ่มรู้สึกหึงหวง สตรีผู้นี้ไม่เพียงแค่มีหน้าตางดงาม แม้แต่นิสัยก็ยังมีเอกลักษณ์จนทำให้ใจเต้นแรงยากเกินกว่าจะทนไหว กอปรกับสถานะของนางในตอนนี้ ยิ่งทำให้คนจำนวนไม่น้อยแห่เข้ามา

ตอนนี้เขารู้สึกได้ถึงวิกฤติ อยากรีบแต่งงานโดยเร็วจริง ๆ เพื่อยุติความคิดเพ้อเจ้อของบุรุษทุกคน

อวี้ชิงลั่วถึงกับกลอกตาใส่เขาอย่างห้ามไม่อยู่ ออกไปข้างนอกให้น้อยหน่อย? จะเป็นไปได้เยี่ยงไร? นี่คือยุคที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีโทรทัศน์และมีหนังสือเก่า ๆ เพียงไม่กี่เล่ม ให้นางขลุกตัวอยู่ในตำหนักอ๋องซิวทั้งวัน นางคงเป็นบ้าพอดี

“ว้าย…” ตอนที่อวี้ชิงลั่วกำลังคิดว่าจะโต้แย้งเขาอย่างไร จู่ ๆ ร่างกายของนางก็เบาหวิว ถูกเย่ซิวตู๋ดึงไปนั่งบนตักของเขา

นางกะพริบตาปริบ ๆ “ท่านทำอะไรเนี่ย?”

เมื่อเห็นใบหน้าที่งดงามกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างสมบูรณ์ของนาง เย่ซิวตู๋จึงยื่นหน้าเข้ามาจุมพิตด้วยความพึงพอใจ

อวี้ชิงลั่วเอนตัวไปด้านหลัง “เย่ซิวตู๋ นี่ก็สายแล้ว ถึงเวลากินมื้อค่ำแล้ว”

“ชิงเอ๋อร์ ยังจำคำพูดที่พวกเราคุยกันก่อนหน้านี้ได้หรือไม่?” เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วขึ้น มองนางด้วยรอยยิ้ม

อวี้ชิงลั่วชะงัก เย่ซิวตู๋เคยพูดกับนางไปตั้งเยอะแยะ นางจะจำได้อย่างไรกันว่าตอนนี้เขาหมายถึงประโยคใด นางขมวดคิ้วพลางส่ายหน้าด้วยความไม่เข้าใจ

รอยยิ้มของเย่ซิวตู๋กดลึกยิ่งขึ้น มือทั้งสองข้างที่โอบเอวนางก็รัดแน่นขึ้นทันใด “ข้าเคยบอกว่า ก่อนแต่งงาน เข้าห้องหอก่อนน่าจะดีกว่า วันนี้ ข้ายิ่งค้นพบว่าเรื่องนี้มิอาจล่าช้าได้”

ระหว่างที่พูด เขาก็ลุกขึ้นพร้อมกับอุ้มขึ้นมาด้วยท่าเจ้าหญิง

อวี้ชิงลั่วสูดลมเย็นเข้าปอดทันใด รีบยื่นมือออกไปโอบรอบคอของเขา พูดติด ๆ ขัด ๆ ว่า “ไม่ได้ เย่ซิวตู๋ ท่านใจเย็นก่อน พวกเรารอก่อนเถอะ รอหลังแต่งงานกันถึงจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมมิใช่รึ?”

“ตอนนี้ก็เป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว” เย่ซิวตู๋ก้าวเท้ายาวไปที่ข้างเตียง ก่อนจะวางนางลงบนเตียงพร้อมกับกดทับเหนือร่างบาง

อวี้ชิงลั่วรีบใช้มือดันแผงอกของเขา “เย่ซิวตู๋ ตอนนี้ยังกลางวันแสก ๆ นะ ไม่ใช่เวลาที่จะทำเรื่องเช่นนั้น”

“ไม่ต้องห่วง ข้าจะปิดหน้าต่างให้หมด และข้าก็สั่งโม่เสียนแล้วว่าไม่ให้ใครเข้ามารบกวนพวกเรา” ครั้นกล่าวจบ เย่ซิวตู๋ก็ยกมือขึ้น หน้าต่างที่เดิมทีเปิดอยู่ครึ่งหนึ่งพลันปิดลงทันหมดจนเกิดเสียง ‘ปึง ๆๆ’

อวี้ชิงลั่วเบิกตากว้าง อะไรคือการสั่งโม่เสียนว่าไม่ให้ใครเข้ามารบกวนพวกเขา? นี่เขาไตร่ตรองมาเป็นอย่างดีก่อนหน้านี้แล้วงั้นรึ?

ม่านค่อย ๆ ปิดลงบนเตียงไม้แกะสลักอันประณีต กลายเป็นพื้นที่เล็ก ๆ ที่ถูกปิดสนิทภายในพริบตาเดียว

อวี้ชิงลั่วรู้สึกได้ว่าลำคอกำลังแห้งผาก ร่างกายแข็งทื่อไปทั้งตัว ทั้งยังหดตัวลงโดยไม่ได้ตั้งใจ

มือของเย่ซิวตู๋รัดรอบเอวของนางจนแน่น ตามมาติด ๆ ด้วยเสียงที่ดังขึ้นข้างหูของนางอย่างเนิบช้า “ไม่ต้องกลัว ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า ชิงเอ๋อร์”

“…เย่ซิวตู๋ คือว่า คือว่า ข้าคิดว่า ข้าคิดว่าหากแม่นมเซียวรู้เข้า คงได้ถลกหนังข้าเป็นแน่” อวี้ชิงลั่วหดคอ นางรู้สึกได้ถึงเสียงหอบหายใจของเย่ซิวตู๋อย่างชัดเจน นางเห็นได้อย่างชัดเจนถึงความปรารถนาที่หลอมรวมขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรมิอาจทราบได้ และรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึง ‘บางสิ่ง’ ที่จ่ออยู่บริเวณเหนือเอวของนาง

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ท่านอ๋องบ้า คนผีทะเล ร้อนใจจะทำน้องให้หนานหนานขนาดนี้เลยเหรอคะ อ๊ายยยยย

ไหหม่า(海馬)

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

Status: Ongoing
จากภรรยาผู้เป็นที่รังเกียจของสามีและถูกใส่ความว่าเป็นชู้กับบุรุษอื่นจนกระทั่งมีบุตรด้วยกัน​ อีกหกปีให้หลังได้เป็นหมอหญิงฉายา​ ‘หมอปีศาจ’​ ผู้ลือนามพร้อมบุตรชายแสนซนที่สรรหาเรื่องราวต่างๆ​ รวมถึงบุรุษที่คาดว่าจะเป็นบิดาตนมาให้ไม่หยุดหย่อน​ อวี้ชิงลั่ว​ แพทย์หญิงมือฉกาจจากยุคปัจจุบันผู้ทะลุมิติ​มาเข้าร่างของหมอปีศาจผู้นี้จะทำอย่างไรต่อไปดี​ ในเมื่อปริศนาเกี่ยวกับตัวเองก็ต้องสืบ​ ส่วนบิดาของลูกติดเจ้าของร่างก็ต้องหา?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท