ตอนที่ 521 ข้าไม่กล้า
ตอนที่ 521 ข้าไม่กล้า
“เจ้าคงคิดว่าเขาไม่ใช่ลูกชายของเจ้า เจ้าจึงไม่ต้องกังวลว่าเขาจะลมปราณแตกซ่าน ธาตุไฟเข้าแทรกตายใช่หรือไม่” อวี้ชิงลั่วไม่ได้ยินคำพูดของหนานหนานเลย และก้าวเข้าไปหาเหมิงลู่อีกสองก้าว
“ดีแล้ว ข้าคิดว่าเจ้าฉลาดมากและมีวรยุทธ์ล้ำเลิศ ดังนั้นข้าจึงวางยาพิษเจ้า ข้าเชื่อว่ากำลังภายในของเจ้าจะช่วยดูดซึมไว้ได้ และข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่เป็นอะไร เป็นอย่างไรบ้าง? มาเถอะ ให้ข้าลองกับเจ้า”
เหมิงลู่เบิกตากว้าง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาค้นพบว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะน่ากลัวมากจนทำให้ใจสั่นสะท้านได้
เมื่อมองแววตาอันเย็นยะเยือกของผู้หญิงคนนี้ เขาก็ค่อนข้างแน่ใจว่านางจะทำตามที่นางพูดอย่างแน่นอน
หนานหนานพยายามจะหยุดนางอย่างสุดความสามารถ และรีบตะโกนใส่เหมิงลู่ “ปู่ลู่ รีบหนีเร็ว แม่ของข้าจะฆ่าท่านจริง ๆ เข็มในมือของนางมีพิษร้ายแรง และข้าไม่มียาแก้พิษ”
เหมิงลู่แอบถอนหายใจ “หนานหนาน ข้าโดนวางยาพิษแล้ว” ขาของเขาอ่อนแรงและเดินไม่ได้
“…” ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น
“แม่นางอวี้ ข้ายอมรับว่าข้าได้ฝึกกำลังภายในบางอย่างให้หนานหนาน ซึ่งไม่เหมาะกับอายุของเขา ข้าขอโทษ แต่ข้าจะไม่ล้มเลิกแผนการที่จะพาเขากลับไปที่ตระกูลมองโกล ในเมื่อเราได้พบกันในวันนี้แล้ว ข้าก็หวังว่าเจ้าจะเตรียมจิตใจไว้ และกลับไปคุยกับเย่ซิวตู๋ด้วย ข้าคิดว่าเขาจะเห็นด้วยกับความคิดของข้า”
อวี้ชิงลั่วหน้าบึ้งตึง นางยกมือขึ้นโดยไม่ลังเล และเข็มเงินสามเข็มก็พุ่งไปที่ใบหน้าของเขาอย่างดุเดือด
รูม่านตาของเหมิงลู่หดตัว และในวินาทีต่อมาร่างกายของเขาก็แวบวับเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว เขาถูกใครบางคนคว้าแขนไว้และประคองให้ลุกยืนพื้นทันที และถอยหลังหลังไปเกือบสิบก้าวก่อนจะหยุด
“ท่านหัวหน้า ข้าน้อยมาสาย” ชายที่จับแขนของเขาไว้มีสีหน้าเรียบเฉย แต่หลังจากปล่อยแขนของเหมิงลู่แล้ว ดวงตาเย็นชาของเขาก็จ้องไปยังอวี้ชิงลั่ว และโจมตีนางโดยไม่พูดอะไรสักคำ
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลง และก่อนที่นางจะทันได้ขยับตัว หนานหนานที่เดิมทีจับต้นขาของนางอยู่ ก็รีบวิ่งไปขวางหน้านางเพื่อประจันหน้ากับชายคนนั้นทันที
เหมิงลู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นจึงฉวยโอกาสนี้เหลือบมองบัดนี้ตนยืนอยู่ตรงไหน
เข็มเงินสามเล่มพุ่งไปปักกลางเค้กไข่ที่วางอยู่บนก้อนหิน แต่หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เค้กไข่ก็กลายเป็นสีดำสนิทและเน่าเสียจนไม่สามารถมองเห็นสีเดิมได้เลย
เหมิงลู่สูดหายใจเข้าลึก และอดแตะคอตัวเองไม่ได้ เข็มเงินนี้มีพิษร้ายแรงแน่นอน หากเมื่อครู่นี้เขาหลบไม่ทันเห็นทีโลหิตของเขาคงจับตัวเป็นก้อนแน่
“อาเฟิง หยุด” เหมิงลู่พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และรีบหยุดชายที่กำลังจะเริ่มต่อสู้กับหนานหนาน
เมื่ออาเฟิงได้ยินดังนั้น เขาก็กระโดดออกห่างจากหนานหนานไปสามก้าวทันที ก่อนจะจับมือเหมิงลู่ก้าวถอยหลังสองก้าว “ท่านหัวหน้า ข้าจะไปฆ่าสตรีผู้นั้น”
“พวกเราไปกันเถิด” เหมิงลู่เห็นว่าในมือของอวี้ชิงลั่วยังมีเข็มเงินเหลืออีกสามเล่ม เขาจึงตกตะลึงจนพูดไม่ออก และรีบบอก อาเฟิงให้ออกจากที่นี่
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เหมิงลู่ไม่เคยต้องอับอายเช่นนี้มาก่อน
ดูเหมือนเขาจะคิดง่ายเกินไปหน่อย เหตุใดนิสัยของหนานหนานจึงแตกต่างจากคนอื่น?
มีกี่คนที่อยากเป็นหัวหน้า และมีกี่คนที่อยากเป็นหัวหน้าของชาวมองโกล? หนานหนานเก่งมากจึงมีความสามารถที่จะเป็นได้ แต่เหตุใดจึงไม่เห็นว่านางดีใจเลย?
แม้ว่าอาเฟิงจะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เขาก็จับมือของเหมิงลู่ไว้ ก่อนจะเคาะเท้าทะยานขึ้นทันที และหายตัวไปจากลานโล่งอย่างรวดเร็ว
อวี้ชิงลั่วพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา แล้วเก็บเข็มเงิน
หนานหนานวิ่งไปหานางอย่างประจบสอพลอ “ท่านแม่ ให้ข้าช่วยท่านเอง”
“ไม่ต้อง ข้ายังไม่แก่จนเดินไม่ได้” อวี้ชิงลั่วสะบัดมือเขาออกทันที และกระโดดขึ้นไปบนหลังพยัคฆ์ทมิฬ โดยไม่แม้แต่จะมองหนานหนาน
พยัคฆ์ทมิฬอาจเห็นว่าอวี้ชิงลั่วกำลังอารมณ์ไม่ดี บัดนี้มันจึงไม่กล้าสะบัดนางออก และหันหลังกลับไปยังที่ที่จากมาอย่างเชื่อฟัง
หนานหนานเดินก้มหน้าตามหลังไปอย่างน่าสงสาร เขาไม่กล้าขอนั่งบนหลังพยัคฆ์ทมิฬ เขาจึงทำได้เพียงเดินด้วยขาสั้น ๆ คู่นั้น เพื่อไปยังจวนอีกหลังอย่างยากลำบากทีละก้าว
“ท่านแม่…” ผ่านไปได้ครึ่งทาง เด็กน้อยก็เอามือแตะท้องตัวเอง และเรียกออกมาเสียงเบาด้วยใบหน้ายู่ยี่
เขาเดินมาอย่างหนักจึงหิวมาก เขาอยากกินข้าวแล้วจริง ๆ
เหตุใดจึงคาดไม่ถึงเลยว่าถนนเส้นนี้ยาวไกลมาก? หลายวันมานี้ เขานั่งโยกตัวไปมาอยู่ในรถม้าของปู่ลู่ และเขาถึงกับคิดว่าถนนเส้นนี้สั้นเกินไป ทำให้เขายังชื่นชมทิวทัศน์ได้ไม่เพียงพอ
เอ๊ะ เขารู้ซึ้งแล้วถึงคำกล่าวที่ว่า ไม่มีใครหนีบาปกรรมที่ตนก่อไว้พ้น
อวี้ชิงลั่วลืมตาเหลือบมองเขา และพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “กำลังภายในแข็งแกร่งไม่ใช่หรือ? ใช้วิชาตัวเบาบินกลับไปเองเลยไม่ง่ายกว่าหรือ?”
“…” หนานหนานหุบปากอย่างยอมจำนน และเดินไปหยิบไม้ค้ำด้านข้าง แล้วเดินต่อไปอย่างเงียบ ๆ
ระหว่างทางเขาไม่ได้ร้องไห้เลย เหงื่อไหลออกมาท่วมตัว แต่ก็ไม่ได้ปริปากบอกว่าอยากพัก แท่งไม้ถูฝ่ามือจนแสบไปหมด ทว่าเขาก็ไม่กล้าเอ่ยคำใดออกมา
แม้แต่พยัคฆ์ทมิฬที่มองว่าเขาเป็นปีศาจน้อยมาโดยตลอด ก็ยังเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจในขณะนี้ การเดินทางครั้งนี้ค่อนข้างยาวไกล เขาอาจจะเหนื่อย
เมื่อเดินมาสุดทางจนถึงประตูของจวนอีกหลัง และเมื่อคนรับใช้เห็นเขาภาพเช่นนี้ ต่างก็ทักทายออกมาด้วยความประหลาดใจ
เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่วกำลังนั่งอยู่บนหลังพยัคฆ์ทมิฬ แต่นายน้อยหน้าซีดเผือดด้วยความเหนื่อยล้า คนรับใช้ทั้งหมดในจวนต่างก็ตกใจ พวกเขาก้าวเข้ามานำน้ำมาให้หนานหนานล้างหน้า นวดขาและจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้
สายตาเย็นชาของอวี้ชิงลั่วกวาดมามอง หนานหนานเห็นเช่นนั้นก็ตกตะลึงทันที และไม่กล้าแสดงท่าทางน่าสงสารอีก เขารีบผลักหญิงรับใช้ที่อยู่ข้างเขาออกไป และฝืนพูดว่า “ข้าสบายดี ข้าสบายดี”
หญิงรับใช้เหล่านั้นตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง พวกนางไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างแม่นางอวี้กับนายน้อย
ทว่าเมื่อได้เห็นสภาพของหนานหนานตอนนี้ แม้แต่คนแปลกหน้าที่ไม่เคยพบกันมาก่อน ก็คงไม่อาจปล่อยให้เขาทรมานเช่นนี้ต่อไปได้ คนรับใช้คนอื่นในจวนทุกคนต่างมองหนานหนานด้วยความสงสาร และรู้สึกไม่พอใจอวี้ชิงลั่วในใจ
หนานหนานก้มหน้าลง แม้แต่ชาที่มีคนส่งมาให้ เขาก็ผลักออกไปโดยไม่ยอมจิบแม้สักอึก
อวี้ชิงลั่วปล่อยพยัคฆ์ทมิฬกลับไปที่ห้องพยัคฆ์ แล้วออกมาจากจวน ซึ่งคนขับรถม้าของจวนท่านอ๋องซิวกำลังนั่งรอนางอยู่ในรถม้า
เมื่อเห็นว่าอวี้ชิงลั่วและหนานหนานออกมาทีละคน เขาก็กุลีกุจอลงจากรถม้า และเอาที่วางเท้าลงเพื่อให้พวกเขาขึ้นรถ
แต่จนกระทั่งอวี้ชิงลั่วนั่งบนรถแล้ว หนานหนานก็ยังคงยืนอยู่ที่นั่นโดยไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ
คนขับจึงเตือนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “องค์ชายน้อย เกิดอะไรขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ? ท่านไม่ขึ้นรถม้าหรือ?”
หนานหนานเหลือบมองเขาอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะถอนหายใจหนักและพูดด้วยเสียงเบาว่า “ข้ากำลังคิดว่าข้าควรจะเดินกลับดีหรือไม่”
คนขับสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง “เดิน เดินหรือ? หนทางจากที่นี่ไปยังจวนท่านอ๋องซิวยังอีกยาวไกล องค์ชายน้อยอย่าได้ล้อกระหม่อมเล่นเลยพ่ะย่ะค่ะ หากท่านเหนื่อย กระหม่อมย่อมไม่อาจทนได้”
หนานหนานทำแก้มป่องและหลับตาลง แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “แต่แม่ของข้าไม่ให้ข้าขึ้นรถม้า ข้าจึงไม่กล้า”
“…”
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หนานหนานเด็กแสบ งานนี้โดนดุไม่น้อยแล้ว
ไหหม่า(海馬)