อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] – ตอนที่ 591 บังคับให้ฆ่าตัวตาย

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

ตอนที่ 591 บังคับให้ฆ่าตัวตาย

ตอนที่ 591 บังคับให้ฆ่าตัวตาย

“เหมิงกุ้ยเฟยคิดจริงหรือว่าหากใส่ร้ายเราแล้ว นางจะสามารถนั่งพักผ่อนได้สบายใจ เราต้องการดูว่าหากอวี้ชิงลั่วพบแม่นมเก๋อ แล้วนางจะยังภูมิใจได้อยู่หรือไม่ เราอยากให้เหมิงกุ้ยเฟยตายด้วยน้ำมือของลูกชายตัวเอง นี่คือวิธีล้างแค้นในวันนี้ของเรา”

นางไม่มีทางหนีรอด แผนหลายปีถูกทำลายด้วยน้ำมือของเหมิงกุ้ยเฟย ทำให้นางต้องมาตายเช่นนี้ นางจะไม่เสียใจสำหรับการทำงานอย่างหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้อย่างไร?

นางจะดึงเหมิงกุ้ยเฟยลงไปในหลุมศพพร้อมกับตัวเอง แม้ว่าจะช้าไปสองสามก้าวก็ตาม

ชายชุดดำอ้าปากค้าง เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งและอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เหตุใดเหนียงเหนียงไม่บอกนาง ว่าคนของเราในตำหนักท่านอ๋องซิวคือใคร? ในเมื่อคนผู้นั้นก็ทรยศท่านไปแล้ว”

“เหตุใดข้าต้องพูดเช่นนั้น?” หว่านเฟยหัวเราะ “หากข้าพูดเช่นนั้น อ๋องซิวก็จะสามารถจับตัวคนผู้นั้นได้ในไม่ช้า และเมื่อถึงเวลานั้น เหมิงกุ้ยเฟยจะใช้คนคนนั้นเป็นสายสืบในตำหนักอ๋องซิวได้อย่างไร? แล้วจะกระตุ้นอ๋องซิวให้เขาตัดสินใจจัดการกับเหมิงกุ้ยเฟยได้อย่างไร?

เหมิงกุ้ยเฟยต้องการส่งคนของนางเองเข้าไปในตำหนักอ๋องซิวมานานแล้ว แต่นับเป็นเรื่องยากลำบากนัก ทว่ากับเรื่องนี้หว่านเฟยนับว่าเป็นปรมาจารย์ ในตอนนั้นนางอดทนมาก และพยายามเกลี้ยกล่อมคนในนั้นเป็นเวลาหลายปีจนสำเร็จ

ตอนนี้เหมิงกุ้ยเฟยมีคนที่พร้อมจะใช้แล้ว เหตุใดนางต้องยอมสละทิ้งไปเล่า?

มีเพียงเหมิงกุ้ยเฟยเท่านั้นที่ทำร้ายเย่ซิวตู๋ซ้ำ ๆ และทำร้ายอวี้ชิงลั่วและหนานหนานด้วย สัญชาตญาณกระหายเลือดของเย่ซิวตู๋จะต้องถูกกระตุ้น และเขาจะสามารถจัดการกับเหมิงกุ้ยเฟยได้อย่างไร้ความปรานี

เพียงแต่การตัดสินใจจัดการกับหมู่เฟยของตัวเองไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

นางอยากเห็นเหมิงกุ้ยเฟยและเย่ซิวตู๋ต่อสู้กันจนตายไปข้าง

ด้วยวิธีนี้นางจึงจะสามารถพักผ่อนอย่างสงบได้ในปรโลก

“เจ้าไปได้แล้ว จงจำไว้ ปกป้องเย่ฮ่าวหรานให้ดี หากมีใครต้องการลอบทำร้ายเขา เจ้าต้องทำทุกอย่างเพื่อช่วยชีวิตเขาไว้”

“… พ่ะย่ะค่ะ” ชายชุดดำลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เดิมทีเขาต้องการจะมาเกลี้ยกล่อมนางอีกครั้ง แต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ เขากำหมัดแน่น แล้วหายไปในตำหนักอิ๋งสุ่ยอย่างเงียบเชียบ

ในคืนนั้น พระราชโองการสั่งประหารหว่านเฟยจากฮ่องเต้ก็มาถึง

เหมียวกงกงถือแถบแพรขาวมาที่ตำหนักอิ๋งสุ่ยด้วยสายตาเย็นชา

หว่านเฟยวางหนังสือที่อ่านได้ครึ่งเล่มในมือลง แล้วหัวเราะ

“ขอรบกวนกงกงด้วย” น่าเสียดายที่นางยังอ่านอีกครึ่งเล่มไม่จบ นางรู้สึกเสียดายเล็กน้อย

เหมียวเชียนชิวถอนหายใจ แล้วอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เหนียงเหนียง เชิญเสด็จพ่ะย่ะค่ะ”

แม้แต่ในเวลานี้ หว่านเฟยก็ยังมีท่าทางสุภาพและสง่างาม เหตุใดหญิงงามเช่นนี้จึงคิดแผนการที่โหดร้ายเช่นนั้นได้? ทว่าองค์ชายแปดช่างน่าสงสารนัก ตั้งแต่ได้ยินข่าว เขาก็เอาแต่คุกเข่าอยู่ในห้องขังและขอร้องให้ได้เข้าเฝ้าฝ่าบาท

เพียงแต่ฝ่าบาทยังไม่เต็มพระทัยที่จะพบเขา เกรงว่าหากหว่านเฟยถูกประหารที่นี่ พรุ่งนี้องค์ชายแปดก็จะถูกลงโทษไปด้วย

หว่านเฟยเดินมาหาเขา แล้วพยักหน้าเล็กน้อย นิ้วเรียวงามของนางลูบไล้แถบผ้าสีขาวแผ่วเบา บัดนี้สายตาของนางสงบนิ่ง และจิตใจของนางก็มั่นคง ดูเหมือนว่าจะไม่เกรงกลัวความตายเลย เพียงแค่สัมผัสผ้าแพรขาวแผ่วเบา แล้วเดินไปข้างเสาก่อนยกมือขึ้น

เหมียวเชียนชิวหันไปดูเวลา จากนั้นกัดฟันสั่งขันทีที่อยู่ข้างหลังเขาว่า “ยกไปให้หว่านเฟย”

ขันทีสองคนขมวดคิ้วรับคำเสียงเบา แล้วเดินไปหยิบเก้าอี้ด้านข้าง ก่อนนำมาวางไว้ที่เท้าของหว่านเฟย

หว่านเฟยหันไปมอง จากนั้นก็ขึ้นไปยืนบนเก้าอี้อย่างนุ่มนวล แล้วยกมือขึ้นคล้องแถบแพรขาวบนขื่อ และมัดเป็นบ่วงอย่างเบามือ

ทันใดนั้นนางก็หันหน้าไปมองเหมียวเชียนชิว ก่อนชี้ไปยังหนังสือบนโต๊ะ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เห็นแก่มิตรภาพที่ผ่านมาระหว่างเรากับกงกง เมื่อเราจากไปแล้ว ช่วยเผาครึ่งหลังของหนังสือเล่มนั้นไปให้เราด้วย”

เหมียวเชียนชิวชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วมองไปที่หนังสือเล่มนั้น มุมปากของเขากระตุก การเผากระดาษให้กับคนกระทำผิดในวัง ไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ตัวได้ด้วยคำพูดไม่กี่คำ แม้ว่าเขาจะเป็นขันทีข้างกายฮ่องเต้ ทว่าเขาก็คงไม่มีอำนาจเช่นนั้น

หว่านเฟยหัวเราะ “ช่างมันเถิด เรารู้ว่าเรื่องนี้จะทำให้กงกงอับอาย มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร”

หลังจากพูดจบ หว่านเฟยก็มองหนังสือเป็นครั้งสุดท้าย นางคว้าบ่วงผ้าไหมสีขาว จากนั้นคล้องเข้ากับศีรษะของนาง แล้วค่อย ๆ หลับตาลง

เหมียวเชียนชิวสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหันหลังไปมองม่านฝนที่โปรยปรายอยู่นอกหน้าต่าง แววตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อย

หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงเก้าอี้ล้มคว่ำอยู่ข้างหลังเขา ตามมาด้วยเสียงครางอึกอักด้วยความทรมานของหว่านเฟย เหมียวเชียนชิวอดไม่ได้ที่จะกำมือแน่น และแอบถอนหายใจ

“เหมียวกงกง หว่านเฟยหมดลมหายใจแล้วขอรับ” ฝนตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าเสียงฝนตกกระทบหลังคาจะดังกระหึ่มถึงเพียงนั้น ก็ยังไม่อาจกลบเสียงขันทีที่อยู่ข้างหลังเขาได้

เหมียวเชียนชิวพยักหน้า แล้วหันหลังเดินไปสองสามก้าว หลังจากนั้นก็หยิบหนังสือที่หว่านเฟยอ่านไปได้ครึ่งเล่มบนโต๊ะใส่เข้าไปในแขนเสื้อของเขาอย่างเงียบเชียบ แล้วเตรียมหันหลังเดินออกจากตำหนักอิ๋งสุ่ย

“เจ้าสองคนจัดการกับเรื่องที่เหลือ ระวังตัวด้วย”

หลังจากที่เหมียวกงกงพูดจบ เขาก็กางร่มเดินฝ่าสายฝนที่กำลังโปรยปราย แล้วมุ่งหน้าไปยังห้องตำราหลวงของฮ่องเต้ เพื่อรายงานต่อฮ่องเต้

ในตำหนักอ๋องซิว หนานหนานยืนเอามือไพล่หลังอยู่ที่ทางเดิน พลางเม้มปากโดยไม่เอ่ยคำใดแม้สักคำ

เย่หลานเฉิงยืนอยู่ข้างเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น เด็กชายเห็นว่าเขาแปลกไป ขณะที่กำลังจะพูด สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นจี้ทองคำในมือของหนานหนาน เขาจึงเงียบไป

วันนี้เป็นวันที่หว่านเฟยถูกบังคับให้ฆ่าตัวตาย หนานหนาน…กำลังคิดถึงหว่านเฟยอยู่หรือ? เขาจำได้ว่าหนานหนานบอกว่าหว่านเฟยเป็นคนมอบจี้ทองคำชิ้นนี้ให้เขา

เย่หลานเฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจยืนมองสายฝนที่โปรยปรายลงบนกิ่งไม้ข้าง ๆ เขา

ท้องฟ้าข้างนอกมืดมิด และอากาศก็ย่ำแย่มากเช่นกัน ไม่รู้ว่ารู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ตึงเครียดในวังด้วยหรือไม่ เย่หลานเฉิงครุ่นคิดเล็กน้อย

“หนานหนาน เจ้า… กำลังคิดถึงหว่านเฟยอยู่หรือ?” หลังจากนั้นไม่นาน เย่หลานเฉิงก็ถามด้วยเสียงแผ่วเบา

หนานหนานชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันหน้ามาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็เห็นเย่หลานเฉิงยืนอยู่ข้างตน เขาจึงถามด้วยความแปลกใจว่า “เสี่ยวเฉิงเฉิง เจ้ามายืนข้างข้าตั้งแต่เมื่อไหร่? เหตุใดจึงไม่แม้แต่จะส่งเสียง?”

มุมปากของเย่หลานเฉิงกระตุก เสียงฝีเท้าของเขาหนักหน่วงจนดังกว่าเสียงฝนเสียอีก

“หนานหนานชอบหว่านเฟยหรือไม่?”

หนานหนานถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหันเดินไปโดยเอามือไพล่หลัง แล้วเทน้ำใส่แก้วดื่ม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองเล็กน้อย “ข้าไม่เคยอยู่กับหว่านเฟย แล้วข้าจะชอบหว่านเฟยได้อย่างไร?”

“อีกทั้งนางยังเป็นคนวางยาเจ้าและเกือบจะฆ่าเจ้า ครั้งที่แล้ว อาฝูก็เป็นคนของนางด้วย ข้าได้ยินว่าอาเหวินเทียนยังเป็นอัมพาตอยู่เลย นอกจากนี้นางยังติดสินบนสตรีสกุลอวี้สองคนเพื่อใส่ร้ายแม่ของข้าด้วย แล้วเด็กดีอย่างข้าจะชอบคนที่มีแต่ความอาฆาตมาดร้ายเช่นนางได้อย่างไร?”

สายตาของเย่หลานเฉิงมองจี้ทองคำอีกครั้ง แล้วถามเขาว่า “แล้วเจ้าจะทำอย่างไรกับสิ่งนี้?”

……………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

โดนกำจัดไปหนึ่ง ไม่รู้ว่าหว่านเฟยจะซ่อนไพ่ลับอะไรหลังจากที่ตัวเองตายไปแล้วหรือเปล่านะ หรือไม่มีแล้ว?

ไหหม่า(海馬)

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

Status: Ongoing
จากภรรยาผู้เป็นที่รังเกียจของสามีและถูกใส่ความว่าเป็นชู้กับบุรุษอื่นจนกระทั่งมีบุตรด้วยกัน​ อีกหกปีให้หลังได้เป็นหมอหญิงฉายา​ ‘หมอปีศาจ’​ ผู้ลือนามพร้อมบุตรชายแสนซนที่สรรหาเรื่องราวต่างๆ​ รวมถึงบุรุษที่คาดว่าจะเป็นบิดาตนมาให้ไม่หยุดหย่อน​ อวี้ชิงลั่ว​ แพทย์หญิงมือฉกาจจากยุคปัจจุบันผู้ทะลุมิติ​มาเข้าร่างของหมอปีศาจผู้นี้จะทำอย่างไรต่อไปดี​ ในเมื่อปริศนาเกี่ยวกับตัวเองก็ต้องสืบ​ ส่วนบิดาของลูกติดเจ้าของร่างก็ต้องหา?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท