ตอนที่ 615 ทุกคนถูกจัดการจนล้มลง
ตอนที่ 615 ทุกคนถูกจัดการจนล้มลง
เหมิงหลัวอวี้ที่นั่งอยู่ไม่ไกลตะลึงไป มองหนานหนานถือกระบี่จำนวนมากแล้วทิ้งมันไปด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อ
ผ่านไปครู่หนึ่งก็ถามออกมาด้วยเสียงตะกุกตะกัก “ท่าน… ท่านน้าชิง หนานหนาน หนานหนานมีวรยุทธ์หรือเจ้าคะ”
“อืม พ่อของเขาสอนเขามาเล็กน้อย แล้วก็ยังมีอีกหลายคนที่สอนเขา แค่รับมือกับคนไม่กี่คนนี้ก็เพียงพอแล้ว” ทันใดนั้นอวี้ชิงลั่วก็กดลงตรงจุดที่บวมแดงของนางสองครั้ง
เหมิงหลัวอวี้โอดครวญเบาๆ ในที่สุดก็เริ่มรู้สึกเจ็บเล็กน้อยแล้ว แต่ยังคงคุมความสั่นไหวในใจไว้ไม่อยู่ คนพวกนี้ คนพวกนี้ฝีมือดีเพียงไหนนางรู้ดี ลุงหยางถึงแม้จะไม่ใช่ยอดฝีมืออันใด แต่ก็เป็นผู้คุ้มกันจวน เป็นผู้คุ้มกันที่แม่ของนางทิ้งไว้ให้
ลุงหยางเก่งขนาดนั้นก็ยัง… ยังรับมือไว้ไม่ไหว แต่พวกเขากลับถูกเด็กอย่างหนานหนานขวางไว้ได้
ทันใดนั้นเหมิงหลัวอวี้ก็เข้าใจขึ้นมาว่าเหตุใดท่านน้าชิงที่เป็นสตรีตัวคนเดียวจึงกล้าหาญพาเด็กห้าขวบออกจากบ้านมาได้ และไม่กลัวว่าใครจะมาทำร้ายพวกเขาเลย
ดูจากตอนนี้แล้ว พวกเขาล้วนมีความสามารถที่ซ่อนเอาไว้
ฝีเท้าของหนานหนานนั้นเร็วมาก เช่นนั้นท่านน้าชิง… ก็จะยิ่งเก่งกว่านี้อีกไม่ใช่หรือ
“ข้าเทียบเขาไม่ได้หรอก” ดูเหมือนจะดูออกว่าในใจนางคิดอันใดอยู่ อวี้ชิงลั่วได้ปล่อยเท้าของนางแล้ว เดินมานั่งข้างๆ ยักไหล่แล้วกล่าว “ข้าไม่ได้เข้าใจเรื่องราวอันใดมากเท่าเขา ทั้งยังไม่ได้มีความสามารถเท่าเขา ดังนั้นในการเดินทางนี้ เขาจะเป็นผู้คุ้มกันของเรา”
เหมิงหลัวอวี้อดไม่ได้ที่จะมุ่นคิ้ว ผู้คุ้มกันหรือ? เด็กชายห้าขวบคุ้มกันคนสองคน นี่มันช่าง…ไม่รู้จะกล่าวอย่างไรแล้วจริงๆ
อวี้ชิงลั่วกลับรู้สึกว่ามันถูกต้องแล้ว ตบบ่าของนางเพื่อปลอบใจ “เจ้าก็ให้โอกาสเขาได้เป็นวีรบุรุษเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเขาต้องการโอกาสดีๆ เพื่อเป็นวีรบุรุษมากเพียงไหน วางใจเถิด เขามีกลยุทธ์มากมาย” ถึงแม้พลังวรยุทธ์จะไม่ได้สูงอะไรนัก แต่ความคิดนอกกรอบที่นางสอนเขาไว้น่าจะใช้ประโยชน์ได้ไม่น้อย
ทั้งสองคนคุยกันอย่างสบายๆ อยู่ทางด้านนี้ ขณะที่บุรุษผู้เป็นหัวหน้าทางด้านนั้นก็พุ่งเข้าใส่หนานหนานอย่างไม่สามารถคุมโทสะไว้ได้แล้ว “มาสู้ไปด้วยกัน วันนี้ต้องฝังไอ้เด็กน้อยนี่ให้ได้ ฆ่าเหมิงหลัวอวี้แล้วจะได้มีผลงานกลับไป”
“ขอรับ” อีกเจ็ดคนตะโกนขึ้นมาทันที เสียงดังฟังชัด เสียงนั้นดูดังก้องมาก
คนขับรถม้าที่อยู่ไม่ไกลเพิ่งจะลุกขึ้นได้ ขาสองข้างก็อ่อนแรงลงอีกครั้งในทันที ปล่อยบังเหียนแล้วนั่งอยู่ตรงนั้น
หนานหนานเองก็ตกใจ กระบี่ในมือตกลงพื้นเสียงดัง ‘เกร๊ง’ อีกครั้ง
“ไอ้หยา” เขากระโดดด้วยความโกรธ “พวกเจ้านี่ไม่รู้จริงๆ หรือว่าข้าต้องเสียแรงไปเท่าไรกว่าจะเก็บกระบี่มาได้แต่ละเล่ม นี่ยังมาทำข้าตกใจอีก ให้ข้าเสียแรงเปล่าเสียนี่ เฮ้อ… นี่ๆๆ จะมาฆ่าข้าตอนไหนอย่างน้อยก็เตือนกันก่อนสิ อีกอย่าง กระบี่ทั้งหมดในมือข้าก็ร่วงลงไปแล้ว พวกเจ้ายังถือโอกาสเอาเปรียบข้า ใช้ประโยชน์จากจำนวนคนมากกว่า ใช้วิธีโกงกันอย่างนั้นหรือ… อ่า ไม่สิ ยิ่งเจ้าแพ้ยิ่งขายหน้าสินะ”
แปดคนนั้นโกรธเขาจนสุดจะทน จะว่าไปก็ใช่ ต่อให้ชนะก็คงไม่มีหน้าจะอวด ไม่ว่าจะอย่างไรพวกเขาก็เป็นผู้ใหญ่แปดคน ต่อกรกับเด็กห้าขวบคนหนึ่ง…
แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีเวลามาสนใจเรื่องชื่อเสียงแล้ว อย่างไรเดิมทีพวกเขาก็เป็นผู้คุ้มกันจวน เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้น
แต่ถ้าแพ้ล่ะ
ไอ้เด็กนี่มันกวนประสาทนัก
หนานหนานกล่าวไปพลางถอยหลัง ความรวดเร็วของฝีเท้ายิ่งเร็วขึ้นทุกทีและยิ่งทำให้คนเหล่านั้นงุนงงอีกด้วย ไม่นานนักทุกคนก็รู้สึกว่าสายตาพร่ามัว ส่วนเด็กน้อยได้วิ่งไปถึงทางด้านรถม้าแล้ว
ชายผู้เป็นหัวหน้าแค่นหัวเราะ ไอ้เด็กไร้ประโยชน์นี่ พูดไปแล้วที่จริงก็รู้เพียงเคล็ดวิชาฝ่าเท้าของตระกูลลู่ คนหนึ่งหนีไปได้ก็ไม่เป็นไร แต่เขาไม่สามารถขับรถม้าพาผู้ใหญ่และเด็กคนหนึ่งไปได้ใช่หรือไม่
คิดถึงตรงนี้ สายตาอาฆาตของเขาก็ยิ่งหนักหน่วงขึ้น กวาดตาไปมองยังตรงที่พวกอวี้ชิงลั่วทั้งสองคนอยู่แล้ววิ่งตรงเข้าไปหา
เหมิงหลัวอวี้หายใจขัดขึ้นมาในทันใด
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว ตะโกนไปทางด้านรถม้า “หนานหนาน เจ้ามัวแต่ชักช้าอันใดอยู่?”
“รอเดี๋ยวสิขอรับ ข้ายังไม่ได้เอากระบี่ของข้าออกมาเลย”
หนานหนานหน้ามุ่ยค้นหาของในถุงสัมภาระ ดวงตาฉายแววจริงจัง
อวี้ชิงลั่วกระตุกมุมปาก ขณะหันหน้ากลับไป หัวหน้าผู้นั้นก็มาอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว “ถึงเวลาตายของพวกเจ้าแล้ว”
อวี้ชิงลั่วหัวเราะเสียงเย็น “เวลาตายหรือ?” ระหว่างนิ้วของนางหนีบเข็มเอาไว้แล้ว เพียงชายผู้นั้นเข้ามาใกล้อีกนิดเดียว นางก็จะลงมือโดยไม่ลังเล
แต่ยังไม่ทันได้ลงมืออันใด ด้านหลังก็ได้ยินเสียงเด็กดังลอยมา “ทำอันใดผิดไปหรือไม่? ข้าบอกแล้วว่าจะไปหากระบี่ เมินข้าเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”
เกิดเสียงดัง ‘เคร้ง’ พร้อมกับกระบี่ในมือของชายหัวหน้าผู้นั้นถูกเหวี่ยงออกไปในทันที กระบี่ตรง คม และแวววับหมุนกลางอากาศสองรอบ จากนั้นก็ปักลงที่พื้นห่างไปสิบหมี่ และด้านหน้าของเขาก็คือหนานหนานที่ถือกระบี่เล่มเล็กอันงดงามอยู่
ทันใดนั้นเขาก็ถอยไปสองก้าว ย่นคิ้ว รู้สึกว่าความตกใจจากการถูกเหวี่ยงกระบี่ออกไปที่แวบเข้ามาเมื่อครู่ยังไม่หายไป
เด็กคนนี้… มีพลังเช่นนี้ได้อย่างไร อย่าว่าแต่การเหวี่ยงกระบี่ของเขาออกไปเลย แต่ยังทำให้นิ้วของเขาไร้ความรู้สึกอีกด้วย
หนานหนานหันกลับมาราวกับได้สมบัติ กล่าวกับท่านแม่ของตน “ท่านแม่ๆ ท่านดูสิ กระบี่เล็กเล่มนี้เป็นอันที่ท่านพ่อให้คนทำมาให้ข้าเป็นพิเศษ ท่านพ่อบอกว่า ตอนนี้ข้ายังเล็ก ให้ถือกระบี่ธรรมดายังไม่เหมาะนัก จึงให้กระบี่เล่มนี้กับข้า ท่านพ่อบอกว่ากระบี่เล็กนี้ตัดเหล็กได้ง่ายเหมือนตัดโคลน ท่านดูสิ ท่านพ่อช่างเอาใจใส่เหลือเกินใช่ไหม เขาดีกับข้ามากเลย”
พูดๆ ไป เขาก็เริ่มมองอวี้ชิงลั่ว “ท่านแม่ พูดถึงท่านพ่อแล้ว ข้าก็อยากจะพูดถึงจดหมายข้อความนั้น ท่านใจร้ายมากรู้หรือไม่ ท่านพ่อจะต้องเข้าใจว่าข้าเนรคุณแล้ว ไม่กล่าวอะไรทั้งนั้นก็จากมา ข้าทำร้ายจิตใจเขา ข้า…”
“หนานหนาน ระวังข้างหลัง” อวี้ชิงลั่วลูบหน้าผาก รีบชี้ไปยังผู้ชายที่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วหยิบกระบี่ขึ้นมา
หนานหนานตกใจ หันกลับไปทันที กระโดดเข้าใส่คนที่พุ่งเข้ามาก่อนแล้วเตะไปทีหนึ่ง
คนผู้นั้นเบิกตากว้าง อุทานออกมาครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ล้มลงกับพื้น ไหล่สั่นสะท้านเล็กน้อยแล้วเป็นลมไป
คนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ก็เริ่มหวาดกลัวขึ้นมา เมื่อครู่พี่ใหญ่ถูกคนจัดการแล้ว ตอนนี้ยังมีคนโดนเตะอีก เด็กคนนี้ตัวเล็ก แต่พลังกลับมีมากเพียงนี้
ไม่สิ ควรจะบอกว่า กำลังภายในแข็งแกร่งมาก
หนานหนานโมโห เมื่อครู่เขากำลังคุยธุระกับท่านแม่อยู่นะ พวกเขากลับเข้ามาขัดจังหวะ
ช่างเถอะ รอให้จัดการครบทุกคนค่อยคุยกัน
เขาไม่พูดจาไร้สาระอีก ถือกระบี่เล่มเล็กแทงใส่พวกเขา คนเหล่านั้นตกใจไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยื่นมือออกมาด้วย
แต่เมื่อผ่านไปสองสามครั้ง ตอนนี้พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าตนมีความสามารถเพียงป้องกันตัวเอง แต่จัดการอันใดเขาไม่ได้เลย
หัวหน้าผู้นั้นยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่ เขารู้จักฝีมือของตนดี และรู้ฝีมือของลูกน้องตนดีเช่นกัน แต่ต่อหน้าเด็กคนนี้แล้ว กลับไม่น่าดูน่าชมเช่นนี้ได้อย่างไร
หนานหนานหัวเราะเย็นชา เพลงกระบี่ในมือของเขาช่างชวนให้ตาลาย ร่างของเขาแวบไปแวบมา ผ่านไปไม่นานนัก ทุกคนก็ถูกเขาจัดการจนล้มลงกับพื้น
!!
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หนานหนานสมกับเป็นลูกท่านอ๋องซิวจริงๆ วิชาหมัดมวยก็ได้ เพลงกระบี่ก็คล่อง
ไหหม่า(海馬)