อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] – ตอนที่ 766 อวี้ชิงลั่วที่รู้สึกผิด

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

ตอนที่ 766 อวี้ชิงลั่วที่รู้สึกผิด

ตอนที่ 766 อวี้ชิงลั่วที่รู้สึกผิด

ทางเข้าเป็นลานกว้างขนาดใหญ่ ดูแล้วรกร้างยิ่ง

เย่ซิวตู๋หันมาสบตากับอวี้ชิงลั่ว ก่อนเดินนำเข้าไป ด้านในเงียบมาก ไร้ซึ่งวี่แววของเงาคน

เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว กลั้นหายใจ มองไปรอบลานขนาดใหญ่นั้น ผ่านไปครู่หนึ่งก็หันหน้ามากล่าว “ไม่มีใครอยู่”

อวี้ชิงลั่วเกิดความสงสัย เดินเข้าไปพร้อมกับหนานหนาน

เรือนหลังนี้ไม่มีร่องรอยของคนเลยจริงๆ ทั้งหลังดูเหมือนถูกทิ้งร้าง แม้แต่ต้นไม้ตามมุมยังเหี่ยวเฉาร่วงโรยลง

“เข้าไปดูเสียหน่อย”

ทั้งสามคนก้าวเข้าไปสองสามก้าวจากนั้นก็ผลักประตูเปิดออก เย่ซิวตู๋นำตะบันไฟออกมา มองในห้องอย่างระมัดระวังอยู่ครู่หนึ่ง

“ดูท่าที่นี่จะไม่มีคนแล้ว หรือไม่อย่างนั้นคนก็ย้ายออกไปหมดแล้ว” เย่ซิวตู๋กำลังครุ่นคิด หากเหมิงจื้อเฉิงรู้ว่าโรงเตี๊ยมที่อวี้ชิงลั่วพักอาศัยอยู่ใกล้ๆ แถวนี้ เขาที่เป็นคนระมัดระวังตัว ก็คงออกจากที่นี่ไปอย่างรวดเร็ว

“ท่านแม่ เหมือนตรงนี้มีรอยเลือดเลยขอรับ” หนานหนานยืนอยู่ตรงมุมห้อง ทันใดนั้นก็ชี้ไปยังกำแพงเล็กๆ ด้านซ้ายมือ

พวกเย่ซิวตู๋ทั้งสองคนเดินเข้ามา เห็นว่าตรงกำแพงมีเลือดเกาะอยู่จริงๆ ดูจากสีของรอยเลือดน่าจะอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว

ดังนั้นสองสามวันก่อนหน้านี้ก็มีคนบาดเจ็บอยู่ที่นี่

อวี้ชิงลั่วเดินเข้าไปดูใกล้ๆ พบเศษผ้าขาดอยู่ชิ้นหนึ่ง นางวางมันบนมือแล้วลูบอยู่ครู่ใหญ่ พิจารณาจากรูปแบบ สี และเนื้อผ้าแล้วน่าจะเป็นชุดของสตรี

มีคราบเลือดติดอยู่บนผ้าสองสามหยด หรือว่าคนที่บาดเจ็บจะเป็นสตรี?

ทั้งสองสามคนกวาดตามองรอบห้องอีกครั้ง นอกจากเศษผ้าเปื้อนเลือดผืนนั้นแล้วก็ไม่มีร่องรอยอะไรอีก

“ไปกันเถิด ดูท่าเรือนหลังนี้จะถูกทิ้งร้างไปแล้ว” เย่ซิวตู๋พอรู้จักเหมิงจื้อเฉิงอยู่บ้าง เขาและเหมิงกุ้ยเฟยเป็นพี่น้องกัน นิสัยก็คล้ายคลึงกันมาก เพียงพบสิ่งผิดปกติเล็กน้อย เรือนนี้ก็จะถูกทิ้งร้างไป

อวี้ชิงลั่วมองเศษผ้าในมือแล้วนิ่งเงียบ จากนั้นก็นำผ้าเช็ดหน้ามาห่อเก็บมันไว้

ทั้งสามคนกลับมาที่โรงเตี๊ยมอีกครั้ง เหมิงจื้อเฉิงและเหมิงกุ้ยเฟยจะต้องทำเรื่องลับๆ บางอย่างอยู่เป็นแน่

สิ่งที่อวี้ชิงลั่วกังวลที่สุดก็คือ เหมิงจื้อเฉิงเองนั้นจะเป็นเหมือนผู้อาวุโสสกุลลี่ ตรงที่ไม่สนใจว่าเย่ซิวตู๋จะมีปานบนตัว และกล้าสมคบคิดกับเหมิงกุ้ยเฟยเพื่อกำจัดเย่ซิวตู๋

ความรู้สึกนี้แจ่มชัดยิ่ง เพียงอวี้ชิงลั่วคิดถึงความเป็นไปได้นี้ นางก็พลันรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

ตอนนี้เรื่องของเสี่ยวอวี้ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงหาตัวแม่นมเก๋อให้พบโดยเร็วที่สุด จากนั้นก็ไปให้พ้นจากสถานที่ไม่รู้ถูกผิดอย่างดินแดนเหมิงแห่งนี้

“คุณหนู” หงเย่ยืนอยู่นอกประตู เห็นสีหน้าของทั้งสามคนดูจริงจังเล็กน้อย แม้แต่คนที่มักจะหลบหนีอย่างหนานหนานก็ทำสีหน้าเคร่งขรึมนิ่งเงียบอย่างหาได้ยาก ดูทั้งจริงจังและรอบคอบ

อวี้ชิงลั่วพยักหน้าให้นาง ยื่นมือไปจะเปิดประตู

ใครจะรู้ว่าหงเย่ขยับร่างกายมาขวางไว้ อวี้ชิงลั่วสงสัย ชักมือกลับแล้วมองนางอย่างแปลกใจ “มีอะไรหรือ?”

ดวงตาของหงเย่กลอกไปมา สีหน้าแปลกประหลาด นางมองเย่ซิวตู๋แวบหนึ่ง จากนั้นก็กล่าวเบาๆ “ข้างในมีคนเจ้าค่ะ”

“ใครหรือ?”

“ข้าเอง” หงเย่ยังไม่ทันได้ตอบ จู่ๆ ประตูก็ถูกคนเปิดออกจากด้านใน จากนั้นก็ปรากฏใบหน้าที่อวี้ชิงลั่วคุ้นเคยเป็นอย่างดี

อวี้ชิงลั่วและหนานหนานก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าวแล้วกลอกตาแทบจะในเวลาเดียวกัน การกระทำของทั้งสองคนสอดคล้องกันมาก

เย่ซิวตู๋เห็นเช่นนั้นก็อยากจะหัวเราะ ดวงตาเฉียบคมของอวี้ชิงลั่วมองไปยังมุมปากของเขาที่โค้งขึ้น กัดฟันแล้วจ้องมองเขาอย่างดุดัน กล่าวด้วยเสียงเบา “ท่านเรียกนางมาหรือ?”

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ” แม่นมเซียวสีหน้าเย็นชา กล่าวอย่างตรงไปตรงมาอย่างมาก “ข้าน้อยเห็นว่าดึกแล้วก็ยังไม่เห็นคุณหนูกับนายน้อยปรากฏตัว คิดว่าคุณหนูจะใช้อุบายเดิมซ้ำสอง จากไปโดยไม่กล่าวลา ข้าน้อยจึงเป็นกังวลอย่างมาก จึงต้องมาดูด้วยตนเองเจ้าค่ะ”

เมื่อกล่าวถึงคำว่าไปไม่ลา อวี้ชิงลั่วก็รู้สึกผิดมาก

นางหัวเราะแห้งๆ ดวงตามองไปมา กล่าวเสียงอ่อน “คือว่า แม่นมเซียว… เราเข้าไปคุยกันข้างในเถิด”

แม่นมเซียวหันหลังกลับด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก อวี้ชิงลั่วถอนหายใจเบาๆ ลอบด่าตนเองในใจที่ตนช่างไร้ประโยชน์นัก เหตุใดจึงกลัวจนกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ ในตอนแรกนั้น ในตอนแรกนั้นก็… เอาเถิด ตอนแรกนั้นนางก็จากมาโดยไม่ลาจริงๆ ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ

ก้มหัวลง อวี้ชิงลั่วมองหนานหนานแวบหนึ่ง แววตาของเจ้าเด็กนี่ยังคงกลอกไปมา น่าจะกำลังคิดว่าจะรับมืออย่างไรดี

ประตูห้องปิดลง แม่นมเซียวคุกเข่าลงไปกับพื้นดัง ‘ตุ้บ’ ในทันที

อวี้ชิงลั่วตกใจมากจนสีหน้าเปลี่ยนไปทันที รีบก้าวไปพยุงนาง “แม่นมเซียว ท่านทำอะไรน่ะ รีบลุกขึ้นเสีย”

เมื่อครู่ตอนนั่งลงไปนั้นเสียงดังมาก สะบ้าเข่าคงไม่บาดเจ็บใช่ไหม

แม่นมเซียวยืนกรานจะคุกเข่าที่พื้น น้ำเสียงเปลี่ยนไปเป็นแหบพร่าเล็กน้อย “ข้าน้อยรู้เจ้าค่ะ ว่าข้าน้อยไร้ประโยชน์ อายุมากแล้วทั้งยังไม่มีความสามารถใดๆ นอกจากคอยจู้จี้อยู่ข้างหูคุณหนูทั้งวันก็ไม่มีข้อดีอะไรอีก”

เพียงอวี้ชิงลั่วได้ยินคำพูดนี้ของนาง ในใจก็เจ็บปวดมาก “แม่นมเซียว ท่านกล่าวอะไรน่ะ ท่านจะไร้ประโยชน์สำหรับข้าได้อย่างไร ตลอดมาท่านก็ดูแลข้ากับหนานหนาน ปัจจัยหลักทุกอย่างทั้งของกินและเสื้อผ้าก็มีแต่ท่านดูแล พวกเราซาบซึ้งในน้ำใจของท่านมาก ไม่ต้องคุกเข่าแล้ว รีบลุกขึ้นเถิด”

ถึงแม้แม่นมเซียวจะเป็นคนรับใช้ แต่สำหรับอวี้ชิงลั่วแล้ว นางเองก็เหมือนแม่นมเก๋อ ล้วนคิดถึงนางและหนานหนานด้วยใจจริง ดูแลและปกป้องพวกนาง ไม่ลังเลที่จะแลกชีวิตของตนเองเพื่อให้พวกนางอยู่อย่างปลอดภัยและแข็งแรงไปตลอดชีวิต นางดีกับพวกนางมาก ตนจดจำเรื่องนี้มาตลอดชีวิต

ครั้งนี้ไม่ได้บอกแม่นมเซียว โดยเฉพาะเมื่อแม่นมเซียวตามมาถึงดินแดนเหมิงโดยไม่คาดคิด ในใจนางก็รู้สึกผิดมาก ดังนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมาจึงไม่กล้าไปหา ไปพบหน้านาง

ใครจะไปรู้ว่าทันทีที่พบกัน นางกลับคุกเข่าให้ตน เรื่องนี้ทำให้ตนยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น

หนานหนานเองก็ตะลึงเช่นกัน รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อพยุงอีกด้านของแม่นมเซียว “แม่นมเซียว หนานหนานผิดไปแล้วขอรับ คราวหน้าจะไม่จากไปโดยไม่ลาอีกแล้ว ท่านลุกขึ้นเถิด”

แม่นมเซียวส่ายหน้า น้ำเสียงหนักแน่น “ข้าน้อยรู้ดีว่าตนมีค่ามากน้อยเพียงใด คุณหนูและนายน้อยไม่ใช่คนอ่อนแอ อยากไปที่ไหนก็จะสะดวกมากกว่าหากไม่มีข้าน้อย ดังนั้นคุณหนูต้องการจะไปที่ใด ก็ขอเพียงบอกข้าสักคำ ข้าน้อยจะไม่ตามไปให้เป็นภาระเป็นแน่ ครั้งก่อนนั้นที่คุณหนูและนายน้อยจากอาณาจักรเทียนอวี่ ข้าน้อยก็คิดว่าหากมีแม่นมเก๋อคอยดูแล ชีวิตก็คงไม่ขาดสิ่งใด แต่ครั้งนี้ คุณหนูมาที่ดินแดนเหมิงที่ไม่คุ้นเคยแม้แต่นิด ไม่มีข้อมูลใดๆ แม้แต่น้อย ข้างกายก็ไม่มีใครคอยดูแล ตอนนั้นข้าน้อยเกลียดตนเองอย่างมาก เหตุใดจึงไม่คอยดูเสียหน่อย ถ้าหากสนใจมากกว่านี้ เรื่องจะต้องไม่มาถึงขั้นนี้เป็นแน่ ข้าน้อยนึกย้อนเสียใจมากเหลือเกินเจ้าค่ะ”

“แม่นมเซียว… ข้า…” อวี้ชิงลั่วอยากจะพยุงนางให้ยืนขึ้น แต่ก็ไม่กล้าออกแรงมากนัก กลัวว่าจะทำนางบาดเจ็บไปจริงๆ

แม่นมเซียวร่างท้วมคุกเข่านิ่งราวกับภูเขา “คุณหนู ข้าน้อยไม่กล้าขอสิ่งใดมากมาย ข้าน้อยเป็นเพียงข้ารับใช้ คุณหนูไปที่ใดก็ไม่จำเป็นต้องบอกข้าน้อย แต่ข้าน้อยขอร้องคุณหนูอยู่ตรงนี้ ต่อไปหากจะไปที่ไหน หากไม่พาข้าน้อยไป อย่างน้อยก็ควรพาหงเย่ไปนะเจ้าคะ หงเย่อายุยังน้อย ปราดเปรียวว่องไว สามารถดูแลคุณหนูในชีวิตประจำวันได้ คุณหนูพานางไปด้วย ข้าน้อยก็วางใจเจ้าค่ะ”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ต้องรักและภักดีขนาดไหนอะถึงตามมาที่นี่ คนรับใช้แบบนี้ไม่ได้หาง่ายๆ นะ

ไหหม่า(海馬)

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

Status: Ongoing
จากภรรยาผู้เป็นที่รังเกียจของสามีและถูกใส่ความว่าเป็นชู้กับบุรุษอื่นจนกระทั่งมีบุตรด้วยกัน​ อีกหกปีให้หลังได้เป็นหมอหญิงฉายา​ ‘หมอปีศาจ’​ ผู้ลือนามพร้อมบุตรชายแสนซนที่สรรหาเรื่องราวต่างๆ​ รวมถึงบุรุษที่คาดว่าจะเป็นบิดาตนมาให้ไม่หยุดหย่อน​ อวี้ชิงลั่ว​ แพทย์หญิงมือฉกาจจากยุคปัจจุบันผู้ทะลุมิติ​มาเข้าร่างของหมอปีศาจผู้นี้จะทำอย่างไรต่อไปดี​ ในเมื่อปริศนาเกี่ยวกับตัวเองก็ต้องสืบ​ ส่วนบิดาของลูกติดเจ้าของร่างก็ต้องหา?

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท