อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] – ตอนที่ 990 เข้าวังไปช่วยคน

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

ตอนที่ 990 เข้าวังไปช่วยคน

ตอนที่ 990 เข้าวังไปช่วยคน

“หนานหนาน หนานหนาน?” อวี้ชิงลั่วตกใจ รีบอุ้มเขาขึ้นมา แล้วพาเขากลับไปที่ห้อง

ลู่หลานเฟิงและคนอื่น ๆ รีบตามเข้าไปทันทีโดยไม่ได้สนใจอะไรอีก เพราะหนานหนานเป็นที่รักยิ่งของพวกเขา

อวี้ชิงลั่ววางมือข้างหนึ่งลงบนข้อมือของหนานหนาน หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ซวนหย่ารีบถามนางว่า “เป็นอย่างไรบ้าง? หนานหนานเป็นอย่างไรบ้าง? มีอะไรผิดปกติหรือไม่?”

อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า “ไม่เป็นอะไร เพียงแค่ไม่ได้นอนมาทั้งคืน ประกอบกับความเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ…” หลังจากถูกทรมานทั้งร่างกายและจิตใจมาทั้งคืน หนานหนานก็เป็นห่วงเป่าเอ๋อร์และโกรธแค้นมาก เขาจึงหมดสติไป

“ปล่อยให้เขานอนหลับให้สบาย เขาจะสบายดีเมื่อเขาตื่นขึ้น” อวี้ชิงลั่วลูบใบหน้าซีดเซียวของเขาด้วยความทุกข์ใจ จากนั้นสูดหายใจเข้า และเงยหน้าขึ้นพูดกับลู่หลานเฟิงและคนอื่น ๆ ว่า “พวกเจ้าไปเตรียมตัวให้พร้อม เราจะไปช่วยเป่าเอ๋อร์ที่วังทันที”

“แล้วหนานหนาน…” เมื่อเทียบกับอวี้เป่าเอ๋อร์ที่ไม่เคยพบไม่เคยเจอกันมาก่อน พวกเขาก็เป็นห่วงหนานหนานที่กำลังทุกข์ทรมานทางจิตใจมากกว่า

“ไม่เป็นไร เขาสบายดี เพียงแค่ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ”

ลู่หลานเฟิงและคนอื่น ๆ มองหน้ากัน จากนั้นเม้มปากแน่น พยักหน้าแล้วพูดว่า “พวกเราเข้าใจแล้ว และจะเตรียมตัวให้พร้อม”

พวกเขารอไม่ไหวแล้วที่จะฉีกร่างคนที่ทรมานหนานหนานออกเป็นชิ้น ๆ

ลู่หลานเฟิง ซวนหย่าและคนอื่น ๆ ถอยออกไปทีละคน อวี้ชิงลั่วหันหน้าไปสั่งให้เยว่ซินที่อยู่ข้างนางไปตักน้ำ จากนั้นเช็ดตัวให้หนานหนาน เปลี่ยนเสื้อผ้าและห่มผ้าให้เขา ก่อนจุมพิตหน้าผากและเขา แล้วพูดเบา ๆ ว่า “ไม่ต้องห่วง แม่ต้องช่วยเป่าเอ๋อร์ได้แน่นอน เมื่อเจ้าตื่นขึ้น เจ้าจะได้เจอท่านน้าเป่าเอ๋อร์ของเจ้า”

นางกัดริมฝีปากตัวเองเบา ๆ สายตาจับจ้องไปยังแขนสีชมพูอ่อนนิ่มของเขา ซึ่งรอยฟันสองซี่นั้นชัดเจนเป็นพิเศษ

ไม่เคยมีครั้งใดที่หนานหนาน ‘ทำร้าย’ ตัวเองเช่นนี้มาก่อน คืนนี้คงจะสร้างความทรมานให้หนานหนานอย่างที่เขาไม่เคยเจอมาก่อนกระมัง

อวี้ชิงลั่วสูดหายใจเข้าลึก ๆ ถ้าหนานหนานเป็นเช่นนี้ แล้วอวี้เป่าเอ๋อร์ที่ถูกทรมานทั้งคืน เกรงว่า…จะทุกข์ทรมานยิ่งกว่า

ตอนนี้อวี้ชิงลั่วอยากจะฉีกเหมิงกุ้ยเฟยและองค์ชายเจ็ดเป็นชิ้น ๆ

แต่ก็ไม่เป็นไร ฉินเจี่ยวจื่อและคนอื่น ๆ ได้พบเบาะแสของเหมิงกุ้ยเฟยแล้ว เมื่อนางต้องเผชิญหน้า ก็ต้องรับผลของการกินไม่หมดแอบห่อกลับบ้าน*

* กินไม่หมดแล้วเอากลับบ้าน (吃不了兜着走) เป็นสำนวนหมายถึง ทำเรื่องไม่ดีไว้ก็ต้องแบกรับผลที่ตามมา

อวี้ชิงลั่วค่อย ๆ ถอนหายใจ บีบมือเล็กๆ ของหนานหนานอย่างแผ่วเบา และห่มผ้าให้เขา ก่อนพูดกับเยว่ซินที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “ในตอนนี้เจ้าต้องเป็นคนดูแลหนานหนานชั่วคราว เมื่อเขาตื่นขึ้นก็จงเกลี้ยกล่อมให้เขายอมกินข้าว และบอกเขาว่าพวกข้าไปช่วยเป่าเอ๋อร์แล้ว เพื่อให้เขามั่นใจ”

เยว่ซินเช็ดน้ำตาจากหางตา เมื่อเห็นหนานหนานเป็นเช่นนี้ และได้ยินเรื่องสภาพที่น่าเศร้าของเป่าเอ๋อร์ นางก็รู้สึกหดหู่มาก

เมื่อได้ยินสิ่งที่อวี้ชิงลั่วพูด เยว่ซินก็รีบพยักหน้า “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว คุณหนู ท่านวางใจได้เจ้าค่ะ”

หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง จู่ ๆ นางก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงถามด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “คุณหนู ท่านจะบอกแม่นมเซียวหรือไม่เจ้าคะ?” นางรู้ว่าตัวเองค่อนข้างซุ่มซ่าม และกลัวว่าตนจะไม่สามารถทำให้หนานหนานสงบลงได้ นางจึงคิดว่าแม่นมเซียวมีประสบการณ์มากมายน่าจะเหมาะที่จะดูแลหนานหนานมากกว่าตน

อวี้ชิงลั่วคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้า “แม่นมเซียวไม่ค่อยสบาย ไม่ควรบอกนางให้กังวล”

นับตั้งแต่แม่นมเซียวกลับมาเมืองหลวง นางก็มักจะหลง ๆ ลืม ๆอยู่เสมอ อาจเป็นเพราะอายุมากแล้ว หลังจากการเดินทางที่ยาวนาน ร่างกายของนางจึงรับไม่ค่อยไหว อวี้ชิงลั่วรู้ว่าไม่ได้มีอาการร้ายแรง แต่นางยังอ่อนแอทางจิตใจและร่างกายยังไม่ฟื้นตัว

วันนี้นางเริ่มแข็งแรงขึ้นเล็กน้อย ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่จะไม่เพิ่มภาระทางจิตใจให้นางอีก

เยว่ซินพยักหน้าแสดงว่าเข้าใจ

อวี้ชิงลั่วชำเลืองมองหนานหนานอีกครั้ง จากนั้นก็ลุกเดินออกจากห้องไป

ลู่หลานเฟิงและคนอื่น ๆ นอกตำหนักพร้อมแล้ว พวกเขาแบ่งออกเป็นสองคู่ วันนี้แผนการจับเหมิงกุ้ยเฟยถูกกำหนดไว้แล้ว ถึงเวลาปฏิบัติการ

แม้ว่าการช่วยเหลืออวี้เป่าเอ๋อร์จะเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่สุดท้ายที่นั่นก็เป็นวังหลวง จึงไม่ควรมีคนเข้าไปมากเกินไป

อวี้ชิงลั่วถอนหายใจ แล้วพูดด้วยว่า “ไปกันเถิด”

ร่างของคนกลุ่มหนึ่งค่อย ๆ หายไปในตำหนักท่านอ๋องซิว เสิ่นอิงที่ยืนอยู่ตรงมุมขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วหันไปทางซ้าย

เวลาผ่านไปอย่างแช่มช้า แต่ฝันร้ายบางอย่างราวกับกำลังล้อมรอบกายและโจมตีอยู่ในหัวเขาตลอดเวลา

“อ๊าก…” ทันใดนั้นหนานหนานก็กรีดร้องและผุดลุกขึ้นจากเตียง ราวกับว่าเสียงครวญครางของอวี้เป่าเอ๋อร์ที่กำลังถูกทรมานดังก้องอยู่ในหัวของเขาซ้ำไปมา

นัยน์ตาของเขาพร่ามัว หลังจากนั้นครู่หนึ่ง สายตาที่ไม่ชัดเจนก็ค่อย ๆ ดีขึ้น

หนานหนานเงยหน้าขึ้นมองห้องที่คุ้นเคย และสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบตรงหน้า แล้วถอนหายใจออกมา

จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง และกระโดดลงจากเตียงทันที

ในห้องเงียบมาก ไม่มีใครอยู่ ท่านแม่อยู่ที่ใด? ท่านแม่ไปไหน?

หนานหนานนึกถึงสิ่งที่เขาพูดกับอวี้ชิงลั่ว ก่อนที่เขาจะหมดสติไป จากนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างทันที และรีบวิ่งออกจากห้องนอนด้วยเท้าเปล่า

เยว่ซินที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอก บังเอิญชนเขา จึงรีบหยุดเขาไว้ “เอ๊ะ หนานหนาน เหตุใดถึงวิ่งด้วยเท้าเปล่า หากเหยียบอะไรบางอย่างเข้าจะทำให้เท้าเจ็บนะ รู้หรือไม่?”

นางพูดแล้วก็รีบอุ้มเขากลับไปที่ห้องชั้นใน

หนานหนานกะพริบตา แล้วใช้แขนเล็ก ๆ โอบคอของเยว่ซินไว้ ก่อนถามว่า “แม่ของข้าอยู่ที่ใด?”

“เอ๊ะ?” เยว่ซินตกตะลึง วางเขาลงบนเตียงและพูดว่า “คุณหนูพาแม่นางซวนและคนอื่น ๆ ไปช่วยคุณชายเป่าเอ๋อร์ หนานหนาน ไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ คุณหนูจะช่วยคุณชายเป่าเอ๋อร์ได้แน่นอน”

หนานหนานถอนหายใจ “พวกท่านแม่จากไปนานเพียงใดแล้ว?”

“เกือบหนึ่งชั่วยามแล้ว” เยว่ซินหันไปบิดผ้าสะอาดชุบน้ำ แล้วเช็ดฝุ่นที่ส้นเท้าของเขาอย่างระมัดระวัง จากนั้นสวมเสื้อคลุมตัวเล็ก ๆ ให้เขา แล้วพูดว่า “คุณหนูให้ข้าน้อยดูแลท่านให้ดี หนานหนาน ท่านอยากกินอะไรหรือไม่เจ้าคะ?

“ข้ากินไม่ลง… ก็ได้ ข้าต้องการโจ๊กสักชาม” เดิมทีเขาจะบอกว่าเขากินไม่ลง ตอนนี้จิตใจของเขาพะวงแต่เรื่องอวี้เป่าเอ๋อร์ แล้วเขาจะมีความอยากอาหารได้อย่างไร

แต่เมื่อเห็นแววตากังวลของเยว่ซิน เขาก็กลืนคำพูดเดิมนั้นลงท้องไป

ไม่ว่าอย่างไร เขาจะทำให้ท่านแม่กังวลอีกไม่ได้

เยว่ซินหันกลับไปด้วยความดีใจทันที นางไปห้องครัวเพื่อนำโจ๊กมาให้

หนานหนานนั่งบนเตียงครู่หนึ่ง แล้วถอนหายใจเบา ๆ จากนั้นหยิบรองเท้าขึ้นมาสวม

เมื่อเดินออกจากตำหนัก แสงแดดของนอกก็สว่างจ้าแล้ว หนานหนานกำลังหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนั้น อารมณ์ของเขาจึงยังไม่คงที่ เขาลืมว่าเยว่ซินกำลังไปเอาโจ๊กมาให้เขา และเผลอเดินไปข้างหน้าโดยไม่ได้ตั้งใจ

กว่าเขาจะได้สติ เขาก็เดินไปที่ลานด้านนอกโดยไม่รู้ตัวแล้ว

ขณะที่เขาเกาศีรษะและกำลังจะเดินกลับ เขาก็เห็นคนผู้หนึ่งกำลังกระซิบบางอย่างกับเสิ่นอิงอยู่ไม่ไกล

………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

มาเห็นพิรุธของท่านลุงเสิ่นแล้วหรือเปล่าเนี่ยหนานหนาน สภาพจิตใจยังไม่โอเคแล้วต้องมาเจออะไรแบบนี้อีกเนี่ยนะ

ไหหม่า(海馬)

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

Status: Ongoing
จากภรรยาผู้เป็นที่รังเกียจของสามีและถูกใส่ความว่าเป็นชู้กับบุรุษอื่นจนกระทั่งมีบุตรด้วยกัน​ อีกหกปีให้หลังได้เป็นหมอหญิงฉายา​ ‘หมอปีศาจ’​ ผู้ลือนามพร้อมบุตรชายแสนซนที่สรรหาเรื่องราวต่างๆ​ รวมถึงบุรุษที่คาดว่าจะเป็นบิดาตนมาให้ไม่หยุดหย่อน​ อวี้ชิงลั่ว​ แพทย์หญิงมือฉกาจจากยุคปัจจุบันผู้ทะลุมิติ​มาเข้าร่างของหมอปีศาจผู้นี้จะทำอย่างไรต่อไปดี​ ในเมื่อปริศนาเกี่ยวกับตัวเองก็ต้องสืบ​ ส่วนบิดาของลูกติดเจ้าของร่างก็ต้องหา?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท