ตอนที่ 1077 หอคอยใกล้น้ำย่อมเห็นเงาจันทร์ก่อน
ตอนที่ 1077 หอคอยใกล้น้ำย่อมเห็นเงาจันทร์ก่อน
เมื่อหนานหนานนึกถึงใครคนนั้น เขาก็รู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว
โดยเฉพาะดวงตาแข็งกร้าวคู่นั้นที่มองเขาอย่างเย็นชา ทุกครั้งที่หนานหนานถูกเขามอง หนานหนานจะรู้สึกราวกับว่ากำลังจะถูกเขากลืนกิน
ช่วงนี้เขามักมาหาทุกวัน ซึ่งทำให้เขาออกไปไหนไม่ได้เลย
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หนานหนานก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นอีกครั้ง
“หนานหนาน พ่อบ้านหยางเพิ่งเข้ามาบอกว่ามีคนมาหาท่านอยู่นอกตำหนัก” แม่นมเก๋อเพิ่งเข้ามาจากประตู ในมือของนางถือจานใส่สาลี่หั่นชิ้นเล็กยกมาให้อวี้ชิงลั่ว เพราะช่วงนี้อวี้ชิงลั่วชอบกินสาลี่มาก
หนานหนานกำลังจะหยิบมาชิ้นหนึ่ง แต่เมื่อเขาได้ยินสิ่งที่แม่นมเก๋อบอกก็ขมวดคิ้วทันที และถามด้วยความไม่แน่ใจ “ท่านกำลัง… พูดถึงใคร? ใครมาหาข้าขอรับ?”
อวี้ชิงลั่วหัวเราะแล้วถามว่า “เจ้าคิดว่าใครอีกเล่า? ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แม่อยู่ที่นี่ทั้งวัน ดูเหมือนจะไม่มีใครอื่น นอกจากผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายของอวี้เฟิงถัง”
นางกำลังตัดเย็บเสื้อผ้า ทว่าทักษะการเย็บปักถักร้อยของนางกลับย่ำแย่มาก ดอกไม้ที่ปักล้วนมีรูปร่างแปลก ๆ ยากที่จะทนดูได้ จนแม่นมเซียวเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้า หลังจากพร่ำสอนมาหลายวันก็ยังไม่เป็นผล แต่ในเมื่อแม่นมเซียวบอกว่าเด็กต้องมีเสื้อผ้าที่แม่ตัดเย็บให้เสมอ อวี้ชิงลั่วจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องต่อสู้อย่างขมขื่น
ไม่ต้องพูดถึงหลังจากผ่านไปสองสามวัน ฝีมือปักก็ยังไม่ก้าวหน้าขึ้น แต่อย่างน้อยก็สามารถตัดชุดเล็ก ๆ ออกมาได้ดี เมื่อคิดว่าลูกของนางจะเป็นผู้สวมใส่ชุดนี้ นางก็รู้สึกพึงพอใจมาก
ดังนั้นขณะที่นางพูดเรื่องนี้กับหนานหนาน นางจึงไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง
ทันทีที่หนานหนานได้ยินคำว่าผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้าย อาการตัวสั่นสะท้านที่เพิ่งหายไปก็กลับมาอีกครั้ง และดวงตาลึกล้ำคู่นั้นก็แวบเข้ามาในใจอีกครั้ง
เขาพูดเสียงดังทันที “ไม่เจอๆ แม่นมเก๋อ ท่านบอกให้พ่อบ้านหยางไล่เขาไปเลย ไล่ออกไปๆ”
เขากำลังจะเป็นบ้า เหตุใดคนผู้นั้นถึงกลับมาที่นี่อีก? เหตุใดถึงไม่ให้เขาได้พักผ่อนบ้าง?
อวี้ชิงลั่วเหลือบไปมองเขา แล้วพูดอย่างขวานผ่าซากว่า “เจ้าคิดว่าพ่อบ้านหยางสามารถขับไล่เขาออกไปได้หรือ?”
หนานหนานทำหน้ามุ่ย ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ออกทันที แล้วเดินออกไปข้างนอกด้วยความโกรธ “เช่นนั้นข้าจะไปไล่เขาเอง”
สุดท้ายเขาก็วิ่งออกไป
จนกระทั่งแผ่นหลังของเขาหายวับไปข้างนอก อวี้ชิงลั่วก็วางเข็มกับด้ายในมือลง แล้วขมวดคิ้วโนเวล-พีดีเอฟ
แม่นมเก๋อหัวเราะ ก่อนพูดว่า “ท่านไม่ได้ให้หนานหนานตัดสินใจเองใช่หรือไม่? ตอนนี้ท่านอารมณ์เสียหรือเปล่าเจ้าคะ? อย่าลืมว่ายังมีลูกอยู่ในท้อง องค์ชายบอกว่าท่านไม่ควรอารมณ์ไม่ดีนะเจ้าคะ”
อวี้ชิงลั่วผงะไปครู่หนึ่งแล้วหัวเราะ “ข้าไม่ได้อารมณ์เสีย ก็แค่…อวี้เฟิงถังเป็นสถานที่ซับซ้อน ถ้าข้าไม่ต้องการให้เขาไป ข้าจะขัดขวางผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายตั้งแต่แรก แต่ข้าแค่เห็นว่าหนานหนานน่าจะสนใจอวี้เฟิงถังมากกว่าดินแดนเหมิงเท่านั้น ซึ่งข้าเองก็ยังตัดสินใจไม่ได้เช่นกัน ส่วนหนึ่งข้าไม่อยากแยกจากเขา แต่อีกส่วนหนึ่ง ข้าก็ไม่อยากจะปิดกั้นความคิดและการกระทำของเขา บางเรื่องต้องปล่อยให้เขาตัดสินใจเองบ้าง”
“เขาไม่ได้จะทิ้งท่านไปเสียหน่อย การเข้าสู่อวี้เฟิงถังที่อยู่ในเมืองหลวง ก็ยังดีกว่าไปที่ห่างไกลอย่างดินแดนเหมิง” แม่นมเซียวด้านข้างพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะหันไปมองแม่นมเก๋อ
มุมปากของแม่นมเก๋อกระตุก เหตุใดต้องมองนางด้วย? นางไม่ได้พูดอะไรในนามของชาวเหมิงเสียหน่อย
หลังจากมองแม่นมเซียวแล้ว แม่นมเก๋อก็ออกจากห้องไป “ช่างเถิด ข้าจะออกไปดู ก่อนที่หนานหนานจะเอาไม้กวาดไล่ตีแขกจริง ๆ”
ทันทีที่นางออกไป นางก็เดินไปที่ประตูตำหนัก
ส่วนหนานหนานนั้นรีบวิ่งไปที่ประตูว่องไวดุจลูกกระสุนปืนใหญ่
แน่นอนว่าผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายกำลังยืนหันหลังให้เขา เขาไม่ได้เข้ามา เพียงแค่ยืนลูบเคราสีเทาของตนเอง ด้วยท่าทางสนอกสนใจ
เมื่อคนรับใช้ที่ประตูตำหนักเห็นหนานหนานกำลังมา พวกเขาก็เดินออกไปทันที ทุกครั้งที่ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายมา พวกเขาไม่จำเป็นต้องคอยอยู่ข้าง ๆ และปล่อยให้ทั้งสองคุยกันตามลำพัง เขาไม่รู้เหตุผลว่าเพราะเหตุใด แต่ตัวตนของคนผู้นี้ดูค่อนข้างลึกลับ และท่านอ๋องยังบอกด้วยว่าไม่ควรสนใจเรื่องระหว่างหนานหนานกับเขา
หนานหนานกัดฟันเมื่อเห็นแผ่นหลังนั้น เมื่อผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว เขาก็กลับมามีสติทันที สายตาที่ส่องประกายเฉียบคมคู่นั้นจ้องตรงไปยังหนานหนาน
มันมาอีกแล้ว ความรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว เหมือนถูกใครบางคนจับตัวขังไว้ไม่ให้หนีออกมาได้อีก
หนานหนานจ้องมองเขาด้วยความโกรธ และพูดด้วยความโมโหว่า “ข้าบอกแล้วว่าข้าจะไม่ไป”
ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายก้าวมาข้างหน้าสองสามก้าว มือขวาของเขาไม่เคยละจากเครา เมื่อได้ยินดังนั้นก็หัวเราะ “ท่านผู้นำบอกว่าทักษะของเจ้าดีมาก ข้าเห็นท่วงท่าอันพลิ้วไหวของเจ้าท่ามกลางชายชุดดำในวันนั้นแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อ ไม่มีผู้ใดเหมาะสมไปกว่าเจ้าแล้ว”
เด็กคนนี้ เขาหมายตามาตั้งแต่แรกแล้ว
ตอนที่เขาทะยานลงมาจากฟ้าพร้อมกับพยัคฆ์ทมิฬ ตอนที่เขาประมือกับชายชุดดำด้วยการเตะซ้ายขวา ตอนที่เขายกยิ้มอย่างน่าเกรงขาม
สายตาของเขาไม่เคยละไปจากเขา แทบรอไม่ไหวที่จะจ้องมองเขาต่อไป
หากไม่นำต้นกล้าชั้นเลิศเช่นนี้ไปอวี้เฟิงถัง ก็นับว่าพลาดอย่างยิ่ง
เขาตรวจสอบจนรู้ชัดเจนว่า ตอนแรกฮ่องเต้คาดหวังในตัวเขามาก และประมุขดินแดนเหมิงก็ต้องการให้เขากลับไปดินแดนเหมิงในฐานะประมุข
ตอนนี้ฮ่องเต้ได้คาดหวังในตัวเย่หลานเฉิงแทนแล้ว ในที่สุดเขาก็ตัดคู่แข่งที่แข็งแกร่งไปได้หนึ่งราย แต่สำหรับชาวเหมิงนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตัดได้ โดยเฉพาะเหมิงลู่ผู้เป็นประมุขดินแดนเหมิงคนปัจจุบันที่มีทักษะและความคิดเฉียบแหลมนัก
ดังนั้นอวี้เฟิงถังจึงต้องรีบคว้าตัวเขาไว้ ก่อนที่เหมิงลู่จะทำสำเร็จ
โชคดีที่ดินแดนเหมิงอยู่ไกลเกินไป และอวี้เฟิงถังของพวกเขาก็เป็นหอคอยใกล้น้ำย่อมเห็นเงาจันทร์ก่อน(1) อีกทั้งท่านอ๋องซิวกับซิวหวางเฟยก็ดูเหมือนจะไม่ได้ห้ามพวกเขาด้วย ดั่งสวรรค์เปิดทางให้อวี้เฟิงถังของพวกเขาแล้ว หากว่าสามารถพาเด็กคนนี้ไปได้
แต่คาดไม่ถึงว่าหนานหนานจะเป็นคนที่ถูกเกลี้ยกล่อมได้ยากที่สุด
ต่อให้จะถูกข่มขู่หรือหลอกล่อ เขาก็ยังคงไม่หวั่นไหว
แต่ความอดทนของเขาก็ดีมากเช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าใครจะทนได้
“ไม่เหมาะ มันไม่เหมาะเลย ตอนนี้ข้าแค่ต้องกินและดื่มให้เพียงพอ ข้าไม่ได้มีอุดมการณ์สูงส่งถึงเพียงนั้น ดังนั้นอย่ามาหาข้าอีก” หนานหนานโกรธจัด “ไม่เช่นนั้น ไม่เช่นนั้นข้าจะตัดเคราของเจ้าออก”
“หากข้าตัดเคราแล้วเจ้ายอมตกลงก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่”
“…” แต่หนานหนานมีปัญหาใหญ่ และการตัดเคราของเขาก็ไม่ช่วยอะไร
หนานหนานโมโหมาก เขากัดฟันกรอด
ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายก้มศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อมองเขา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อันที่จริงเป็นเรื่องดีที่เจ้าจะเข้าสู่อวี้เฟิงถัง หากพี่น้องของเจ้าได้เป็นฮ่องเต้ในอนาคต เจ้าก็จะสามารถช่วยเขาในฐานะผู้นำของอวี้เฟิงถังได้ ใช่หรือไม่?”
“ไม่ฟังๆๆ อย่าพยายามล่อลวงข้าด้วยวิธีนี้ มันไม่มีประโยชน์” หนานหนานปิดหูและส่ายหัวอย่างแรง
หลังจากส่ายหน้าไปมาสองครั้ง เขาก็เห็นรถม้าคันหนึ่งแล่นเข้ามาใกล้จากหางตา
เมื่อเขาเห็นเครื่องหมายบนรถม้า ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย จากนั้นจึงสลัดผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายออกไปทันที โดยไม่เอ่ยคำใดแม้สักคำ แล้วรีบวิ่งไปหาคนในรถม้า
……………………………………………………………………………………………………………….
(1)หอคอยใกล้น้ำย่อมเห็นเงาจันทร์ก่อน (近水楼台先得月) เป็นสำนวน หมายถึง ฝ่ายใดอยู่ใกล้ก็สามารถแย่งชิงผลประโยชน์ได้ก่อน
สารจากผู้แปล
หนานหนานนี่ก็ฮอตเหมือนกันนะ มีแต่คนต้องการตัวเข้าสำนัก
ไหหม่า(海馬)