เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน – ตอนที่ 246 ปทุมสูติ

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนที่ 246 ปทุมสูติ

วินาทีต่อมา เจดีย์หวงเซวียนหลิงหลงที่แผ่ไอพลังแห่งโบราณกาลจำนวนมหาศาลก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเย่ฉางชิง

ไอพลังหวงเสวียนล่องลอยอยู่จาง ๆ สัญลักษณ์โบราณลอยวน ช่างดูลึกลับยิ่งนัก

ขณะเดียวกันลูกบอลเพลิงขนาดใหญ่ ที่อยู่ภายในปากของมังกรสายฟ้าลูกนั้นก็เจิดจ้าขึ้นกว่าเดิม กระแสพลังงานเปล่งประกายออกมามิหยุด ดูแล้วช่างน่ากลัวยิ่งนัก

ขณะที่ได้เห็นนิมิตที่ทั้งแปลกประหลาดและสมจริงเช่นนี้

แม้เย่ฉางชิงจะยังคงมีท่าทีสงบนิ่ง มิได้เผยสีหน้าใด ๆ ออกมามากนัก แต่ความจริงกลับหวาดกลัวมิน้อย

‘คิดมิถึงว่านิมิตวันนี้จะน่ากลัวถึงเพียงนี้ หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ข้าคงมิพูดประโยคเหล่านั้นออกไปเสียก็ดี’

เย่ฉางชิงได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเอง ขณะเดียวกันก็รู้สึกเคร่งเครียด และพร้อมจะปล่อยเจดีย์หวงเซวียนหลิงหลงที่อยู่ตรงหน้าออกไปตลอดเวลา

ผ่านไปชั่วอึดใจ

ลูกบอลเพลิงขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในปากของมังกรสายฟ้าลูกนั้นก็สว่างจ้าขึ้นมาอีกครั้ง

มองดูแล้วราวกับท้องฟ้ามีพระอาทิตย์ ที่แผ่แสงอันเจิดจ้าและไอพลังอันน่าสะพรึงกลัวเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งดวง

“โฮก ! ”

วินาทีต่อมาหลังจากเสียงคำรามอันกึกก้องของมังกรดังขึ้นบนท้องฟ้าอีกครั้ง

ปากของมังกรสายฟ้าก็เปิดกว้างออกอย่างรวดเร็ว ก่อนพ่นลูกบอลเพลิงภายในปากลูกนั้นออกมา

ทันใดนั้นลูกบอลเพลิงก็กลายเป็นลำแสงอันลุกโชนสายหนึ่ง อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างอันน่ากลัว ทะลุผ่านฟากฟ้าลงเบื้องล่างทันที

ทุกที่ที่ลูกบอลเพลิงลอยผ่านบริเวณนั้นจะเกิดการบิดเบี้ยว แยกออก พังทลาย และมีประกายไฟกระจายอยู่เต็มท้องฟ้า ราวกับดอกไม้ไฟที่จุดขึ้นลูกแล้วลูกเล่า

เมื่อเห็นภาพอันน่าหวาดหวั่นตรงหน้า

เย่ฉางชิงก็เพ่งสมาธิและปล่อยเจดีย์หวงเซวียนหลิงหลงออกไปโดยมิลังเลทันที

ชั่วพริบตาเจดีย์หวงเซวียนหลิงหลงอันลึกลับก็ตั้งตะหง่านขึ้นจากพื้นราวกับภูผา ก่อนพุ่งเข้าใส่ลูกบอลเพลิงขนาดใหญ่ลูกนั้น

ขณะเดียวกันเจดีย์หวงเซวียนหลิงหลงยังได้ปล่อยลำแสงอันสว่างไสวออกมาตลอดเวลาอีกด้วย

พร้อมกับสัญลักษณ์มากมายที่ปรากฏขึ้น ไอพลังหวงเซวียนนับมิถ้วนพลันหลอมรวมเป็นไอพลังหวงเซวียนขนาดใหญ่สองสาย พันรอบตัวเจดีย์ทั้งหมดเอาไว้ราวกับงูยักษ์

“เปรี้ยง ! ”

วินาทีต่อมาลูกบอลเพลิงขนาดใหญ่และเจดีย์หวงเซวียนหลิงหลงก็เกิดการเผชิญหน้ากันขึ้น

“ตูม ! ”

หลังจากคลื่นพลังอันรุนแรงพุ่งออกมา ท้องฟ้าในรัศมีนับสิบลี้ราวกับห้วงอากาศถูกมีดกรีดจนเกิดรอยแยกขึ้นมารอยหนึ่ง

จากนั้นท้องฟ้าก็เริ่มบิดเบี้ยว เป็นรอยแตก แยกออก พังทลาย…

มินานเมื่อไอพลังอันปั่นป่วนจำนวนมหาศาลแผ่ออกมา

เย่ฉางชิงก็รู้สึกเหมือนตัวเองได้เห็นโลกสมัยก่อนบรรพกาล ที่มีแต่ความเวิ้งว้างและมืดมนด้วยตาตนเอง

เหน็บหนาวและโดดเดี่ยว ความมืดอันไร้ขอบเขต บางครั้งก็มีแสงอัสนีบาตอันน่าสะพรึงกลัวฟาดฟันลงมา

จนผ่านไปหลายอึดใจ

ดวงตาของเย่ฉางชิงพลันเกิดแสงบางอย่างแวบผ่าน

“เอ๊ะ ! ”

เขาได้สติขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป และดวงตาที่เบิกโพลง

เมื่อห้วงอากาศที่ถูกทำลายนั้น มีลำแสงสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกมาจากไอพลังที่ปั่นป่วน ก่อนที่ลำแสงสีเขียวอีกนับมิถ้วนจะพุ่งตามออกมาราวกับห่าฝน

เพียงพริบตาไอพลังที่อยู่ส่วนลึกในห้วงอากาศก็โหมซัดอย่างรุนแรงอีกครั้ง ราวกับจะมีสิ่งมหัศจรรย์ก่อเกิดขึ้นมา

แล้วในขณะที่เย่ฉางชิงกำลังสูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ ด้วยความหวาดหวั่นนั้น

ดอกบัวลึกลับดอกหนึ่งค่อย ๆ ปรากฏขึ้นกลางอากาศ

สัญลักษณ์โบราณลอยปกคลุมราวกับขนนกที่เปล่งแสง หมอกอันงดงามแผ่ออกมา มีไอพลังจาง ๆ ลอยวนอยู่ ลวดลายซับซ้อนปรากฏขึ้นลาง ๆ บนดอกบัว ช่างดูอัศจรรย์ยิ่งนัก

เย่ฉางชิงตะลึงงันไปทันทีที่เห็นภาพทั้งหมด

‘หรือว่านี่ก็คือปทุมสูติในตำนาน ? ’

‘แต่ว่า ! ’

‘นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปกระมัง ! ’

‘ใช่แล้ว ! ’

‘นี่เป็นเพียงนิมิต ! ’

‘ทั้งหมดนี้เป็นเพียงนิมิตที่ไร้ประโยชน์ ! ’

ระหว่างที่เย่ฉางชิงรู้สึกสับสน และคาดเดาไปต่าง ๆ นานาอยู่นั้น

ปทุมสูติในตำนานดอกนี้ก็หลุดออกมาจากมวลพลังอันโกลาหล ก่อนจะค่อย ๆ ลอยออกมา

ผ่านไปมิกี่อึดใจ

หลังจากปทุมสูติลอยออกมาจากมวลพลังที่เกิดขึ้นกลางอากาศ รอยแตกร้าวมากมายกลางอากาศเมื่อครู่ก็เกิดการผสานกันจนกลับมาเป็นปกติอีกครั้งภายในพริบตา นิมิตมากมายก็มลายหายไปด้วยเช่นกัน

มิเพียงเท่านั้น เวลานี้เหมือนว่าเย่ฉางชิงจะรับรู้ได้ว่าตัวเองนั้นมีความเชื่อมโยงบางอย่างกับปทุมสูติดอกนี้

แต่ความรู้สึกนี้ช่างเลือนลางยิ่งนัก

ทว่ามินานก็ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น ราวกับถูกหลอมรวมให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับดอกบัว

‘มิน่าจะใช่ ! ’

‘ข้าเข้าใจผิดงั้นหรือ ? ’

‘นี่มันเรื่องอะไรกัน ! ’

‘นี่เป็นปทุมสูติในตำนานเชียวนะ ! ’

‘แต่ข้าเป็นเพียงผู้ที่เพิ่งเริ่มบำเพ็ญเพียรเท่านั้น แล้วเหตุใดทั้งสองจึงมีการเชื่อมโยงกันเช่นนี้ได้ ? ’

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เย่ฉางชิงก็เกิดความคิดบ้าบิ่นบางอย่างขึ้น

ในเมื่อปทุมสูติมีความเชื่อมโยงกับเขาเช่นนี้ บางทีเขาอาจจะควบคุมปทุมสูติได้ก็เป็นได้ ?

วินาทีต่อมาเย่ฉางชิงจึงเพ่งสมาธิ

วินาทีต่อมาปทุมสูติก็ได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขาแทบจะทันทีราวกับสิ่งมีชีวิตก็มิปาน

ทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า

เย่ฉางชิงถึงกับเบิกตาโพลง รู้สึกราวกับมีเสียงวิ๊งดังขึ้นในโสตประสาท

จนเวลาผ่านไปครึ่งก้านธูป

เย่ฉางชิงจึงได้ลองยื่นนิ้วออกไปด้วยสีหน้าสับสน เพื่อสัมผัสปทุมสูติที่ยังคงมีไอพลังลอยวนอยู่รอบ ๆ

“สูด ! ”

วินาทีที่ปลายนิ้วของเขาสัมผัสกับปทุมสูติ

เย่ฉางชิงก็ต้องสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่อย่างอดมิได้

‘นี่มัน ! ’

‘นี่มัน ! ’

‘นี่มัน ! ’

‘นี่มันของจริง ! ’

อีกทั้งความรู้สึกเช่นนี้ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก !

เมื่อปลายนิ้วแตะลงเบา ๆ ที่บัวกลีบหนึ่ง สัมผัสนี้ราวกับผิวของเด็กทารกก็มิปาน

อ่อนนุ่ม ละเอียด บอบบาง ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก

ทว่าขณะที่ใบหน้าของเย่ฉางชิงปรากฏรอยยิ้มยินดีขึ้นมานั้น

วินาทีต่อมาท่าทางของเขากลับแปรเปลี่ยนเต็มไปด้วยความฉงน

เพราะตอนเจดีย์หวงเซวียนหลิงหลงนั้น เขายังพอสามารถคาดเดาที่มาได้

เพราะอยู่เมืองหลวงเขานั้นเปรียบดังตัวแทนของท่านเทพฉางชิง

อีกทั้งเพื่อเป็นการบำรุงขวัญและกำลังใจให้กับเหล่าสาวก เขายังได้ใช้ความคิดไปมิน้อยอีกด้วย

การที่ท่านเทพฉางชิงผู้อยู่เหนือกว่าผู้ใด จะมอบของขวัญสักชิ้นให้แก่เขา ก็นับว่าสมเหตุสมผลแล้ว

แต่ว่าปทุมสูติในตำนานดอกนี้มันอะไรกัน ?

เขาเป็นเพียงบรรพจารย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนตัวปลอมเท่านั้น

ส่วนคำพูดก่อนหน้านี้นั้น

เขาเพียงต้องการให้เกิดภาพนิมิต เพื่อทำให้บรรพจารย์ตัวปลอมเช่นเขาดูสมบทบาทมากขึ้นก็เท่านั้น

ทว่าสุดท้ายมีนิมิตปรากฏขึ้นก็จริง แต่ว่าปทุมสูตินี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ?

นี่คือสุดยอดสมบัติศักดิ์สิทธิ์ในตำนานเชียวนะ !

สุดยอดสมบัติศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ อย่าว่าแต่ในโลกเซียนเช่นนี้เลย แม้แต่บนสวรรค์ก็เกรงว่าคงเป็นสุดยอดของศักดิ์สิทธิ์ด้วยเหมือนกัน

หรือว่าบรรพจารย์ท่านใดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนจะมอบให้ข้า ?

เป็นไปมิได้ !

นี่เป็นไปมิได้เด็ดขาด !

ข้อมูลของบรรพจารย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนในอดีต เขาล้วนทราบดี

ตาเฒ่าพวกนั้นแม้จะขึ้นสรวงสวรรค์แล้ว ก็มิมีทางที่จะมีอำนาจมากขนาดนี้ มิฉะนั้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนก็คงมิตกต่ำอย่างเช่นตอนนี้หรอก

หรือว่า !

หรือว่า… ทั้งหมดนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับเขา ?

แต่ว่านี่มันมิถูกต้องนี่นา !

แม้เขาจะเป็นผู้ทะลุมิติ ทว่ามาถึงโลกเซียนแห่งนี้ ข้ากลับเป็นเพียงคนไร้ค่าที่มิมีรากวิญญาณผู้หนึ่งเท่านั้น

จนถึงวันนี้แม้จะมีรากวิญญาณแล้ว แต่ก็ยังมีตบะบารมีเพียงแค่ระดับรวมชีพจรเท่านั้น

แต่เหตุใดวันนี้จึงเกิดความเชื่อมโยงกับปทุมสูติในตำนานดอกนี้ได้ ?

นี่มันมิสมเหตุสมผลเอาเสียเลย !

มิใช่ !

มิใช่ !

นี่มันมิสมเหตุสมผลเลยสักนิด !

จนเวลาผ่านไปถึงหนึ่งก้านธูป

“น่าปวดหัวยิ่งนัก ! ”

เย่ฉางชิงจึงค่อย ๆ ถอนหายใจออกมา จากนั้นก็ยิ้มบาง ๆ “ปล่อยไปก่อนก็แล้วกัน รอวันหน้าบำเพ็ญเพียรสำเร็จแล้ว ถึงตอนนั้นคงหาคำตอบได้กระมัง”

เอ่ยจบ เย่ฉางชิงก็เพ่งสมาธิ ก่อนที่ปทุมสูติที่ลอยอยู่ตรงหน้าลอยลงไปใต้ฝ่าเท้าของเขา

เขาชั่งใจเล็กน้อย จากนั้นจึงยกเท้าข้างหนึ่งเหยียบลงไปที่ปทุมสูติ

แล้วก็เป็นไปดั่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้ ปทุมสูติมิได้ปรากฏสิ่งใด ๆ ที่เกินความคาดหมายของเขา

วินาทีต่อมา เขาก็พาร่างทั้งร่างขึ้นไปยืนอยู่บนปทุมสูติได้

เมื่อตั้งสมาธิ ปทุมสูติก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นไปทันที…

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

Status: Ongoing
นิยายแปลไทยเรื่อง เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน รายละเอียด เทพแห่งกระบี่ : หากผู้อาวุโสเย่มอบภาพอักษรพู่กันให้ข้าอีกสักภาพ พรุ่งนี้ข้าคงสามารถเปิดประตูสวรรค์ได้แล้ว …… ……เย่ฉางชิงรู้สึกเอือมระอายิ่งนัก ทั้งๆ ที่เขาเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง เหตุใดถึงได้มีผู้คนแวะเวียนมาหาไม่แต่ละเว้นวันเช่นนี้นะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท