ตอนที่ 537 ฮ่องเต้ที่หนีออกจากวังไป (1)
มู่หลิงสีหน้าเปลี่ยนไป “เมียน้อยกับเมียหลวงไม่เหมือนกัน การมีเมียน้อยไม่จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากท่านพ่อ แต่ถ้าเป็นเมียหลวงต้องฟังคำสั่งของพ่อแม่”
ซู่อียิ้มน้อยๆ “เจ้าพูดเหมือนกับว่าข้าไม่ใช่แม่ของหนานเสียนอย่างนั้นล่ะ ถ้าเป็นอย่างนี้ งานแต่งของเขา…ข้าจะเป็นคนตัดสินใจเอง! เขาชอบใคร คนคนนั้นจะเป็นคนที่ข้ายอมรับ”
“ซู่อี” มู่หลิงที่กำลังโมโห เดิมอยากจะระเบิดอารมณ์ออกไป แต่เมื่อเห็นใบหน้าอันเย็นชาของซู่อี เขาก็สงบท่าทีลง “เจ้าไม่ยอมกลับบ้านสกุลมู่ในตอนนี้ ก็ไม่นับว่าเจ้าเป็นคนของสกุลมู่ ถ้าเจ้ากลับไปกับข้า…เจ้าอยากจัดการเรื่องการแต่งงานของหนานเสียน ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
ไม่ว่าอย่างไร เขาก็จะพาซู่อีกลับไปกับเขาให้ได้
พวกเขาคู่สามีภรรยาแยกจากกันมานาน มู่หลิงคิดถึงซู่อีเป็นเวลาสิบกว่าปี
คราวนี้ เขาจะไม่ยอมปล่อยนางไปอีก!
ซู่อีตอบรับด้วยท่าทางนิ่งๆ “อ้อ น่าเสียดายนะ หนานเสียนไม่ได้แซ่มู่ สกุลมู่…คงไปเจ้ากี้เจ้าการชีวิตเขาไม่ได้”
นิสัยของหนานเสียนก็เหมือนกับซู่อี ไม่มีทางยอมให้ใครมาบังคับขู่เข็ญตัวเองได้
แผนของมู่หลิง ไม่ช้าก็เร็วต้องล้มเหลว
“ซู่อี” มู่หลิงกำหมัดแน่น “ที่ข้าทำแบบนี้ก็เพื่อหนานเสียน ทำไมเจ้าไม่เข้าใจความหวังดีของข้า อีกอย่าง ถั่งอิ่นมีบางอย่างที่พิเศษ ถ้านางแต่งกับหนานเสียน จะเป็นประโยชน์กับหนานเสียนนะ”
ถังอิ่น?
ชื่อสองพยางค์นี้ทำให้หงส์ขาวมึนงงไปเลย
ตอนแรกมันรู้เพียงไอ้คนโลเลนี่หาเมียให้หนานเสียน และมันคิดว่าฝ่ายหญิงไม่มีทางเป็นคนของสกุลถังอย่างแน่นอน มันจึงไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือถังอิ่น
ถ้ามันจำไม่ผิด ผู้หญิงที่ได้ขนหงส์ไปตอนนั้น คงชื่อถังอิ่น?
ขณะนั้น หงส์ขาวอึ้งไป
นางเด็กนั่นเหมือนเคยพูดว่า หนานเสียนเป็นศัตรูหัวใจ…ของนาง?
มันไม่รู้ว่าถังอิ่นกับหนานเสียนเริ่มเป็นศัตรูใจกันตั้งแต่เมื่อไร และมันก็ไม่รู้ว่านางเด็กนั่นเป็นอะไรกับเสี่ยวชิงชิงกันแน่ มันรู้เพียง ถังอิ่นเกลียดชังหนานเสียนมาก
ตอนนี้ ไอ้คนโลเลยังคิดจะให้หนานเสียนกับถังอิ่นแต่งงานกันอีกหรือ
ซู่อียิ้มน้อยๆ “มู่หลิง เจ้าจะแต่งกับใครที่ไหน ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าหรอกนะ แต่ถ้าเจ้ากล้าขัดขวางความสุขของหนานเสียน ข้าหนานซู่อีแม้ต้องตายก็จะฆ่าเจ้าให้ได้!”
หัวใจของมู่หลิงเหมือนโดนตอกเข้าอย่างแรง เจ็บลึกในทรวง “ซู่อี เราสองคน…มาถึงจุดนี้ได้อย่างไรนะ”
ทั้งๆ ที่สมัยก่อน เขาสองคนรักกันดี และซู่อีก็รักเขามาก
เหตุใดบัดนี้…จึงเป็นแบบนี้ได้
“ไอ้โง่!”
หงส์ขาวโมโหจนตัวสั่นไปถึงตับไตไส้พุง มันพ่นไฟออกจากปากอีกครั้ง
คราวนี้มู่หลิงไม่มีจิตใจจะหลบ สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ซู่อีคนเดียวเท่านั้น
จนเมื่อไฟพุ่งมาถึง เขาจึงยกมือขึ้นกันไว้
มู่หลิงที่เดิมมีท่าทีไม่สนใจ เมื่อหลังมือของเขาถูกเปลวไฟก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บแสบ เขามองดูหลังมือที่ไหม้เกรียม แล้วเอามือซ่อนไว้ด้านหลัง แววตาไม่สบอารมณ์
แม้หงส์ตัวนี้ยังโตไม่เต็มที่ แต่มันก็ทำร้ายเขาได้แล้ว หากมันโตกว่านี้ เกรงว่าคนสกุลมู่คงจะเอามันไม่อยู่
แต่หงส์ตัวนี้กลับเป็นสัตว์เลี้ยงของซู่อี เขาจึงทำอะไรมันไม่ได้
“ที่เจ้ากับซู่อีมาถึงจุดนี้ ก็เพราะเจ้าทำตัวเจ้าเองมิใช่หรือ แล้วยังคิดจะให้หนานเสียนเดินตามรอยเจ้าอีก” สายตาของหงส์ขาวดูเย้ยหยัน “โชคดีที่หนานเสียนไม่เหมือนเจ้า ถ้าเขาคิดจะมีเมียน้อย ทำให้เสี่ยวชิงชิงโมโหจนหนีไป ก็คงต้องสมน้ำหน้าตัวเองแล้ว!”
…………………….
ตอนที่ 538 ฮ่องเต้ที่หนีออกจากวังไป (2)
เสี่ยวชิงชิงช่างสมบูรณ์ หากหนานเสียนทำตัวเหมือนพ่อเขาที่ไม่รู้จักหวงแหนคนรัก อย่างนั้นเจ้าหงส์ขาวจะเป็นคนแรกที่ไม่ปล่อยเขาหนานเสียนไป
แววตาของมู่หลิงไม่สบอารมณ์ขึ้นไปอีก ดูท่าการที่เขาให้อิสระหนานเสียนเป็นเวลานาน จะทำให้หนานเสียนไปมีผู้หญิงข้างนอกแล้วจริงๆ
เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่า ผู้หญิงคนนั้นมีอะไรดี จึงทำให้หนานเสียนรักหัวปักหัวปำ แม้กระทั่งซู่อีก็ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับนาง
หงส์ขาวยังคงโมโหจนอยู่นิ่งๆ ไม่ได้ “ไอ้คนโลเล ข้าจะบอกเจ้านะ เรื่องเมียน้อยเมียหลวงเต็มบ้านบ้าบออะไรนั่น ผู้หญิงดีๆ อย่างซู่อี ต้องได้รับความรักที่ไม่ต้องแบ่งกับใครเท่านั้น พวกมนุษย์อย่างเจ้ามันซับซ้อนวุ่นวาย หงส์อย่างพวกข้า ถือหลักเมียเดียวเท่านั้น หากรับใครเป็นเมียแล้วก็จะมีแค่นางคนเดียวไปตลอดชีวิต!”
ในระหว่างที่พูด หงส์ขาวอดไม่ได้ที่จะมองดูซู่อี ราวกับมันกำลังบอกนางว่า หากนางยอมแต่งกับมัน ชาตินี้ มันจะมีนางเพียงคนเดียวเท่านั้น และมันจะมีลูกหงส์กับนางคนเดียวเช่นกัน
แต่ซู่อีดูเหมือนจะไม่มีปฏิกิริยาอะไร บางทีในสายตาของนาง หงส์ขาวก็เป็นเพียงหงส์ตัวน้อยตัวหนึ่งเท่านั้น นางไม่ได้คิดอะไรมากมายไปกว่านั้น
นัยน์ตาของหงส์ขาวดูผิดหวัง มันเบ้ปาก เมื่อไรกันนะที่มันจะแปลงร่างเป็นคนได้ จะได้ขวางไม่ให้ไอ้คนโลเลนั่นมาเกาะแกะกับซู่อีอีก
“มู่หลิง” ซู่อียิ้มน้อยๆ ในแววตาของนางไม่มีความรู้สึกเหมือนเมื่อครั้งแรกรักมานานแล้ว มันดูเย็นชาราวกับเห็นคนแปลกหน้า “ไม่ต้องพูดมาก ข้ายังมีคนสำคัญที่ต้องไปหา ไม่มีเวลามาเสียกับเจ้าแล้ว”
ไปหาคนสำคัญ….
ก็เลยไม่มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนเขา? แถมยังไม่ยอมกลับบ้านสกุลมู่ไปกับเขาด้วย?
มู่หลิงเจ็บจุกที่หัวใจ “ซู่อี…”
ซู่อีไม่เปลืองน้ำลายกับเขาอีก นางกระโดดขึ้นนั่งบนหลังหงส์ขาวอย่างตัวเบาและดูพริ้วไหว
“ที่นี่มีคนที่ข้าไม่ชอบ พวกเรารีบไปกันเถอะ”
คนที่ไม่ชอบ…
ความคับแค้นและโมโหทั้งหมดของหงส์ขาว หายไปทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ของซู่อี
มันดีใจมาก “ซู่อี พวกเราจะไปแล้วหรือ”
“ไปแคว้นหลิวอวิ๋น”
“แคว้นหลิวอวิ๋นอยู่ที่ไหน”
“หนานเสียนเคยบอกไว้ ถ้ามุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก ก็จะเจอแคว้นหลิวอวิ๋น”
“แล้วทิศตะวันออกคือทางไหน”
“…” ซู่อีเงียบไปพักหนึ่ง “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็บินไปเรื่อยๆ แล้วกัน”
“ได้เลย ซู่อี”
เงาของหงส์ขาวราวกับสายฟ้า บินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็หายไปจากสายตาของมู่หลิง
มู่หลิงกำหมัดแน่น นัยน์ตาของเขาดูเด็ดเดี่ยว
“ซู่อี ข้าเชื่อว่าไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะต้องกลับมา”
เขาไม่เชื่อว่าซู่อีที่เคยรักเขามาก จู่ๆ บอกว่าไม่รักก็จะหมดรักได้ทันที
ในเมื่อนางไม่อาจเชื่อใจชิงเยียนได้ ถึงตอนนั้น เขาก็จะให้นางกับชิงเยียนแยกกันอยู่ ไม่ต้องให้พวกนางเจอหน้ากันอีกตลอดชีวิต แบบนี้นางจะได้ไม่มีอะไรให้ต้องห่วง
นี่ถือเป็นการถอยจากเขา เป็นวิธีการที่ดีที่สุดแล้ว
มู่หลิงพูดเสียงเข้ม “หันอิง”
“ประมุขน้อย”
ผู้อารักขาชุดดำโรยตัวลงมาจากกลางอากาศ พูดด้วยความเคารพนบนอบ
“เจ้าไปสืบดูซิว่าผู้หญิงที่ทำให้หนานเสียนหลงรักหัวปักหัวปำนั่นเป็นใครกัน หากฐานะหรือความสามารถของนางไม่เลว ให้นางเป็นเมียหลวงก็คงไม่เป็นไร ถ้าหากไม่ดีพอ…” มู่หลิงปวดหัวจนต้องนวดขมับ เขาถอนหายใจด้วยความอัดอั้น “ก็ให้นางเป็นอนุแล้วกัน อย่างนี้ยังพอจะพูดกับซู่อีและหนานเสียนได้บ้าง”
“ขอรับ ประมุขน้อย”
หันอิงกลับหลังจะเดินจากไป
“เดี๋ยวก่อน” มู่หลิงพูดด้วยใบหน้าที่ขมวดคิ้ว “ช่วงที่ข้าไม่อยู่ ท่านพ่อข้าสบายดีหรือไม่”
หันอิงอึ้ง แล้วตอบไปตามความจริงว่า “ท่านเจ้าบ้านสุขภาพเดี๋ยวดีเดี๋ยวแย่ บางทีก็ได้สติ บางที…แม้แต่ฮูหยินชิงเยียนเขาก็จำไม่ได้”
……………………..