บทที่ 243
เสนอเป็นหมอนข้างด้วยตัวเอง
หลีเจี้ยนเฉินก็ได้จากไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ปล่อยโอกาสให้หลินเสวี่ยเหยียนได้ไล่ตามทัน หลินเสวี่ยเหยียนถูกทิ้งไว้คนเดียวก็ได้กลัวขึ้นมาว่าหลีเจี้ยนเฉินที่โดนวางยานั้นจะถูกคนอื่นเก็บเอาไปเสียก่อน
หลังจากที่คิดเช่นนี้ หลินเสวี่ยเหยียนก็ได้ตัดสินใจเดินออกไปตามหาฮ่องเต้หลี อย่างไรก็ดีนางนั้นใส่ยาลงไปมากกว่า 1 ชนิดในซุปนั้น ซึ่งนอกจากจะมียากระตุ้นกำหนัดแล้วก็ยังใส่ยาหลอนประสาทลงไปด้วย
ซึ่งเพียงพอที่จะเห็นได้ว่าหลินเสวี่ยเหยียนนั้นยึดติดกับตำแหน่งฮองเฮามากขนาดไหน
หลีเจี้ยนเฉินที่ออกจากเรือนไป หลังจากที่เดินไปได้ไปกี่ก้าวเขาก็เริ่มมีอาการตัวร้อนและวิงเวียนขึ้นมา เขาจึงได้มองหาที่เหมาะๆแวะพักเสียก่อน แต่เขาก็ไม่นึกว่าเขาจะพบกับ หลินซีเหยียนเข้าที่นี่ เขาจึงได้เดินเข้าไปใกล้ๆหลินซีเหยียนด้วยความยินดี
“หมอหลิน พวกเรามีชะตาร่วมกันจริงๆ”
หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัวแล้วเปิดปากออกมาราวกับนางจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลีเจี้ยนเฉินนั้นไม่ได้ยิน แล้วร่างกายของเขาก็ได้ร้อนผ่าวมากขึ้นเรื่อยๆ เขาได้เริ่มเข้าใกล้หลินซีเหยียนมากขึ้นเรื่อยๆ และหลินซีเหยียนเองก็ไม่ได้ผลักเขาออกไป ให้ความรู้สึกว่านางนั้นกำลังเชื้อเชิญเขาแทนที่จะปฏิเสธเขา
เมื่อรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ หลีเจี้ยนเฉินก็ได้ส่ายหัวแล้วมองไปที่หลินหัวเยว่ที่กำลังมองเขาด้วยดวงตาที่งดงามและเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ย
ดวงตาของหลีเจี้ยนเฉินก็ได้เบิกกว้างและถอยออกมา จากนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติจึงได้กระโดดลงบ่อน้ำใกล้ๆ
“ฮ่องเต้หลี!”
อีกฝ่ายเป็นถึงฮ่องเต้แห่งรัฐหลี ถ้าเกิดมีอะไรขึ้นมาล่ะก็ทุกคนในจวนมหาเสนาบดีคงได้หัวกุดกันหมดแน่ หลินหัวเยว่จึงได้รีบตะโกนและร้องเรียกให้คนช่วย “มาเร็วเข้า ฮ่องเต้หลี่กระโดดลงไปในบ่อน้ำแล้ว”
ทันใดนั้นทั้งจวนมหาเสนาบดีก็ได้วุ่นวายขึ้นมา เมื่อมหาเสนาบดีหลินทราบข่าว เขาก็ได้เมินที่จะใส่สวมเสื้อผ้าแล้วความเอามาแต่เสื้อคลุมออกไปทันที
เมื่อเขามาถึงก็ได้ถาม “ฮ่องเต้หลีเป็นอย่างไรบ้าง?”
“เรียนนายท่าน ฮ่องเต้หลีถูกช่วยเอาไว้ได้แล้วขอรับ และท่านมหานักบวชจากรัฐหลีก็ได้พาตัวเขาไปแล้วขอรับ” คนรับใช้ก็ได้รายงานตามตรง แล้วจากนั้นก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างได้และกล่าวเพิ่ม “ก่อนที่ฮ่องเต้จะกระโดดลงไป มีคนเห็นฮ่องเต้หลีกำลังกอดกันกับคุณหนูสองอยู่ขอรับ”
“หลินหัวเยว่?” ในบรรดาลูกสาวทั้งสี่คน หลินหัวเยว่เป็นคนที่ขี้เหร่มากที่สุด เขาจึงไม่คิดว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่ฮ่องเต้หลีนั้นจะชอบนาง
ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาคิดว่าหลินหัวเยว่จะต้องทำอะไรบางอย่างเป็นแน่ ด้วยความคิดเช่นนี้ทำให้เขาเดินไปที่เรือนของหลินหัวเยว่อย่างโมโห
เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากข้างนอก หลินหัวเยว่ก็ได้รีบลุกขึ้นมาแล้วออกมาต้อนรับ ในความคิดของนางนั้นท่านพ่อของนางไม่ได้มาหานางนานมากแล้ว นางจึงได้รีบออกมาหาด้วยความยินดี
แต่ในขณะที่นางกำลังจะเปิดปากและยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรออกไป สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านางคือการตบของมหาเสนาบดีหลินและดุด่าอย่างไม่ปรานี “หลินหัวเยว่ ไม่มีทางที่ฮ่องเต้หลีนั้นจะชอบเจ้าหรอก เจ้าจงละทิ้งความคิดนั้นเสียและรอที่จะแต่งงานกับลูกชายเพื่อนร่วมงานของข้าอยู่เงียบๆเถอะ ไม่อย่างนั้นจะโทษข้าทีหลังไม่ได้หากว่าข้าจะไม่สนใจเจ้าอีก”
หลินหัวเยว่ก็ได้เอามือปิดใบหน้าตรงที่ถูกตบอย่างไม่เชื่อสายตา แล้วนางก็ได้ร้องไห้ออกมาและกล่าว “ท่านพ่อ ข้าเองก็เป็นลูกของท่านนะ ทำไมท่านถึงได้โหดร้ายกับข้านัก?”
“เจ้าไม่ใช่ลูกสาวของข้า ลูกสาวของข้าไม่วางยาฮ่องเต้หลีหรอก”
คำพูดที่ไร้หัวใจนี้ช่างทำร้ายหัวใจของหลินหัวเยว่นัก นางมองไปที่มหาเสนาบดีหลินแล้วกล่าว “ถ้าข้าบอกว่าข้าไม่ได้วางยาล่ะ ท่านพ่อจะเชื่อข้าไหม?”
“อย่ามาทำเล่นลิ้น จะมีใครที่จะทำอะไรไร้ยางอายเช่นนี้นอกจากเจ้าอีก” มหาเสนาบดีหลินหลินก็ได้สลัดมือของหลินหัวเยว่ที่จับแขนเสื้อของเขาเอาไว้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความขยะแขยง ราวกับกำลังมองดูอะไรที่ไม่สะอาดอยู่
หลังจากที่พูดจบ มหาเสนาบดีหลินก็ไม่คิดที่จะอยู่ที่นี่ต่อแล้ว เขาจึงหันหน้าแล้วเดินจากไป
หลินหัวเยว่ก็ได้ลงไปคุกเข่าอยู่กับพื้นอยู่พักใหญ่ๆ หลังจากที่ผ่านไปเป็นเวลานานนางได้เอามือจับที่หน้าอกของนาง หัวใจของนางนั้นราวกับถูกแทงอย่างต่อเนื่อง นางนั้นหลับตาอยู่พักหนึ่งแล้วก็ลืมตาขึ้นมา แล้วความโศกเศร้าทั้งหมดก็ได้หายไปเหลือคงไว้แต่ความอิจฉาริษยา
ณ เรือนใหญ่ มหานักบวชก็ได้มองดูสภาพของ หลีเจี้ยนเฉิน จากนั้นเขาก็ได้ถอนหายใจแล้วสั่งให้คนไปนำถังน้ำเย็นมาให้ที จากนั้นเขาก็ได้สาดน้ำใส่หลีเจี้ยนเฉิน
มันหนาวเย็นเสียจนทำให้หลีเจี้ยนเฉินต้องจามออกมา “ท่านมหานักบวช ทำไมท่านถึงได้ทำกับข้าเช่นนี้”
เมื่อได้ยินที่พูด มหานักบวชก็ได้ทำสายตาหลบแล้วกล่าว “ท่านยังจะมีหน้ามาพูดเช่นนี้อยู่อีกเหรอพ่ะย่ะค่ะ? คืนแรกที่อยู่อาศัยอยู่ในจวนมหาเสนาบดี ท่านก็ถูกวางยาเสียแล้ว”
หลีเจี้ยนเฉินก็ได้รู้สึกตกตะลึงขึ้นมาทันที แล้วเขารู้สึกอับอายขึ้นมาเมื่อถูกพูดเช่นนี้
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่พูดตอบอะไร มหานักบวชก็ได้กล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจังมาก “ฝ่าบาท ที่นี่ไม่ใช่รัฐหลี ดังนั้นท่านอย่าได้ลดการป้องกันเป็นอันขาดนะพ่ะย่ะค่ะ”
หลีเจี้ยนเฉินก็ได้ผงกหัวขึ้นมา “ข้าจะจำเอาไว้”
“ท่านน่าจะทราบดีว่าใครเป็นคนที่วางยาท่าน แล้วท่านอยากที่จะทำเช่นไรกับคนผู้นั้นดีล่ะ?” แล้วมหานักบวชก็ได้เดินถอยออกมาแล้วนั่งลงแล้วรินน้ำใส่แก้วให้ตัวเอง
หลีเจี้ยนเฉินก็ได้หรี่สายตาลง แล้วดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยรังสีมุ่งร้ายขึ้นมา แต่เมื่อเขานึกได้ว่าหลินเสวี่ยเหยียนนั้นเป็นน้องสาวของหมอหลินแล้ว เขาก็ได้ลดรังสีมุ่งร้ายลงมา “ตัวข้านั้นไม่ต้องการให้คนที่ข้ารักเสียใจ ดังนั้นในคราวนี้ข้าจะปล่อยไปก่อน แล้วต่อจากนี้ข้าจะระวังให้มากกว่านี้”
แล้วมหานักบวชก็ได้ยักคิ้วของเขาขึ้นมาอย่างชัดเจน “ฝ่าบาทมีคนท่านเลือกไว้ในใจแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ข้ามั่นใจมากว่านางจะต้องเป็นคู่พรหมลิขิตของข้าแน่” ตอนแรกหลีเจี้ยนเฉินนั้นก็มีท่าทีที่ยินดีอย่างมากแต่แล้วเขาก็ได้ถอนหายใจออกมา “แต่เหมือนข้านั้นจะสายเกินไป เพราะอีกฝ่ายนั้นเหมือนจะมีคนที่นางชอบแล้ว”
“นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ท่านขอเวลาอยู่ต่ออีกหน่อยสินะ?” มหานักบวชนั้นก็รู้ถึงนิสัยฮ่องเต้เป็นอย่างดี เขาจึงพอจะเดาเรื่องราวทั้งหมดได้เร็วแล้วจากนั้นก็ถาม “แล้วฝ่าบาทคิดว่าพอจะมีหนทางที่จะครอบครองหัวใจของนางแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
หลีเจี้ยนเฉินก็ได้ส่ายหัว แล้วนึกถึงใบหน้าของหมอหลินที่ปรากฏตรงหน้าเขาด้วยสีหน้าที่เย็นชา แล้วเขาก็ได้พูดออกมา “อีกฝ่ายนั้นมีนิสัยที่เย็นชานิดหน่อย จึงไม่ง่ายที่จะเข้าใกล้นางนัก”
แล้วมหานักบวชก็ได้ยิ้มแล้วจากนั้นก็ได้กล่าวอย่างมีเลศนัย “ข้าพอจะมีหนทางดีๆอยู่”
“อย่ามัวแต่อมภูมิ รีบบอกข้าเร็วเข้า” แล้วดวงตาของหลีเจี้ยนเฉินก็เป็นประกายขึ้นมาทันที ถึงแม้ว่ามหานักบวชนั้นจะเป็นคนที่คาดเดายาก แต่ก็เป็นคนที่มีความคิดที่ไม่เลวเสมอ
แล้วที่มุมปากของมหานักบวชก็ได้ยกขึ้นมาเล็กน้อย แล้วก็พูดจงใจปล่อยล่อให้เจี้ยนเฉินน้ำลายสอ “ถ้าฮ่องเต้อยากที่จะได้แม่นางคนนี้กลับไป ท่านพอจะสัญญากับข้าสักเรื่องได้หรือไม่?”
“อย่าว่าแต่แค่เรื่องเดียวเลย จะสักกี่เรื่องข้าก็ยินดี” ในเวลานี้เหมือนเขาเห็นธงแห่งชัยชนะกำลังโบกสะบัดอยู่เบื้องหน้าเขา
แล้วมหานักบวชก็ได้โยนถุงอุปกรณ์ให้หลีเจี้ยนเฉิน แล้วจากนั้นก็ได้เดินจากไป
หลีเจี้ยนเฉินก็ได้รับถุงอุปกรณ์นั้น ราวกับว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่า ซึ่งท่าทีที่ระแวดระวังของเขานี้ดูน่ารักมาก
แล้วในตอนเช้าตรู่ มหาเสนาบดีหลินก็ได้พาลูกสาวทั้งสามของเขามาทักทายฮ่องเต้หลี หลีเจี้ยนเฉินก็ได้มองดูผ่านๆ แต่เขาก็ไม่พบหลินซีเหยียน เขาจึงได้รู้สึกหดหู่ขึ้นมาเล็กน้อยและถอนสายตาของเขา
มหาเสนาบดีหลินก็ได้เฝ้ามองดูท่าทีของหลีเจี้ยนเฉิน แล้วจากนั้นก็กล่าว “เรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เป็นเพราะข้าไม่อบรมให้เข้มงวด จึงได้ทำเสียมารยาทต่อท่าน”
เมื่อหลีเจี้ยนเฉินได้ยินที่กล่าว ดวงตาสีดำของเขาก็ได้จับจ้องไปที่หลินเสวี่ยเหยียนด้วยสายตาที่ชั่วร้ายแล้วจากนั้นก็กล่าว “เพื่อเห็นแก่หน้าว่าที่ฮองเฮาของข้า ข้าจะยกโทษให้สักครั้ง แต่อย่าได้หวังว่าจะมีครั้งหน้า”
ทันทีที่หลินเสวี่ยเหยียนเงยหน้ามามอง นางก็ได้เผชิญเข้ากับสายตาที่ลึกราวกับบ่อน้ำเย็นๆขึ้นมาทันที นางรู้สึกได้ถึงความมุ่งร้ายและความรังเกียจที่ดับความรักของนางลงทันที
ทำให้นางนั้นเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายนั้นอยากที่จะฆ่านางจริงๆ
ณ เรือนเชียนเหยียนที่อยู่ไม่ไกลออกไป ทุกคนต่างก็กำลังทำหน้าที่ของตัวเองตามปกติ ส่วนหลินซีเหยียนนั้นนั่งอยู่ที่ม้านั่งหินอ่อนและมองดูเทียนเอ๋อถือหนังสือวิชาหมอ